xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ใช้มาตรา 44 สั่งห้ามใช้ 6 เครื่องมือผิดกฎหมายทำประมง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บิ๊กตู่” ใช้มาตรา 44 ประกาศ คสช.แก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติม เพื่อให้จํานวนเรือประมงไทยอยู่ในภาวะสมดุลกับทรัพยากรสัตว์น้ำ และมิให้มีการใช้เครื่องมือทําการประมงที่เป็นการทําลายพันธุ์สัตว์น้ำอย่างร้ายแรง ห้ามใช้อวนรุนกับเรือยนต์ เครื่องมือโพงพาง รั้วไซมาน เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีขนาดช่องตาเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ในเวลากลางคืน เครื่องมือลอบพับได้ เครื่องมืออวนลากที่มีช่องตาอวนก้นถุงเล็กกว่า 5 เซนติเมตร โทษจําคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

วันนี้ (5 ส.ค.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 24/2558 เรื่องการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติม

“ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย” ขึ้น โดยให้มีอํานาจหน้าที่ในการบัญชาการการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายในภาพรวม ตลอดจนเสนอแนะในการปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติมรวมทั้งพัฒนากฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการทําการประมงที่ผิดกฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากล นั้น

บัดนี้ ได้รับรายงานจากศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายว่า ปัจจุบันทรัพยากรสัตว์น้ำในน่านน้ำไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการทําการประมงที่เกินศักย์การผลิตตามธรรมชาติที่จะทดแทนได้ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้อยู่ต่อไปโดยไม่มีมาตรการในการจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำที่ดีพอ จะทําให้กิจการประมงของประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น เพื่อให้จํานวนเรือไทยสําหรับการประมงอยู่ในภาวะสมดุลกับทรัพยากรสัตว์น้ำ และมิให้มีการใช้เครื่องมือทําการประมงที่เป็นการทําลายพันธุ์สัตว์น้ำอย่างร้ายแรง

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย งดการจดทะเบียนเรือไทยสําหรับการประมง หรือเรืออื่นตามที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายประกาศกําหนดที่จะขอจดทะเบียนเรือใหม่ทุกประเภทและทุกขนาด หรือเปลี่ยนประเภทการใช้เรือจากเรือประเภทอื่นมาเป็นเรือประมง ทั้งนี้ จนกว่าจะมีการกําหนดให้มีการจดทะเบียนเรือไทยสําหรับการประมงหรือเรืออื่นเพิ่มเติมได้ตามหลักเกณฑ์ที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายประกาศกําหนด

ข้อ ๒ ห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ซึ่งเครื่องมือทําการประมงดังต่อไปนี้
(๑) เครื่องมืออวนรุนที่ใช้ประกอบกับเรือยนต์ เว้นแต่การใช้เครื่องมืออวนรุนเคยที่ใช้ประกอบเรือยนต์ทําการประมงตามรูปแบบของเครื่องมือ ขนาดเรือ วิธีการทําการประมง พื้นที่ทําการประมงและเงื่อนไขที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายประกาศกําหนด
(๒) เครื่องมือโพงพาง รั้วไซมานหรือกั้นซู่รั้วไซมาน เครื่องมือลี่ หรือเครื่องมืออื่นที่มีลักษณะและวิธีกาคล้ายคลึงกัน
(๓) เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีขนาดช่องตาเล็กกว่า ๒.๕ เซนติเมตร ทําการประมงในเวลากลางคืน
(๔) เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำสลับซ้ายขวาอยู่ทางด้านข้างใช้สําหรับดักสัตว์น้ำ
(๕) เครื่องมืออวนลากที่มีช่องตาอวนก้นถุงเล็กกว่า ๕ เซนติเมตร
(๖) เครื่องมือทําการประมงอื่นตามรูปแบบของเครื่องมือ วิธีการทําการประมง พื้นที่ทําการประมงขนาดของเรือที่ใช้ประกอบการทําการประมง และเงื่อนไขอื่นที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายประกาศกําหนด

ข้อ ๓ เครื่องมือทําการประมง เรือที่ใช้ทําการประมง สัตว์น้ำ และสิ่งอื่น ๆ ที่ใช้ในการกระทําความผิดหรือได้มาโดยการกระทําความผิด โดยฝ่าฝืนคําสั่งหรือประกาศที่ออกตามคําสั่งนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดําเนินการยึดและให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดําเนินการรื้อถอนหรือทําลายเครื่องมือทําการประมง เรือที่ใช้ทําการประมง สัตว์น้ำ และสิ่งอื่น ๆ ที่ตกเป็นของแผ่นดินตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองสามารถแสดงหลักฐานได้ว่าทรัพย์สินนั้นมีไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ถูกยึด

ข้อ ๔ ผู้ใดฝ่าฝืนคําสั่งฉบับนี้ หรือประกาศที่ออกตามคําสั่งนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ข้อ ๕ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามประกาศที่ออกตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคําสั่งฉบับนี้ด้วย

ข้อ ๖ เพื่อประโยชน์ในการจับกุมผู้กระทําความผิดตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ ๑๐/๒๕๕๘ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ และคําสั่งนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ข้อ ๗ ประกาศของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทําการประมงผิดกฎหมายที่ออกตามคําสั่งนี้ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

ทั้งนี้ นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ”



กำลังโหลดความคิดเห็น