วิป สนช.แถลงครบ 1 ปีรับตำแหน่ง จัด 3 งานสรุปผลงาน ประเดิม 25 ส.ค. สนช.ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความยั่งยืนขอจงมั่นใจและศรัทธา รูปแบบดินเนอร์ทอล์ก นายกฯ ร่วมงาน มีถ่ายทอดสด 9 ก.ย.แถลงผลงาน 18-20 ก.ย.สัมมนาวางแนวทางทำงาน รับประชาชนสับสนชื่อการทำงาน สปช.-สนช. เล็งปรับเรื่องประชาสัมพันธ์ แจงลงมติเปิดเผยถอดถอนอดีต 248 ส.ส.
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงว่า ในโอกาสที่ สนช.ทำงานมาครอบรอบ 1 ปี ได้จัดงานทั้งหมด 3 งาน เพื่อสรุปรวมผลงาน คือ “1 ปี สนช.ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความยั่งยืนขอจงมั่นใจและศรัทธา” ในวันอังคาร ที่ 25 สิงหาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 18.30 น. ถึง 21.30 น. โดยมีรูปแบบเป็นดินเนอร์ทอล์ก มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นผู้กล่าวเปิดงาน จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายวิรไท สันติประภพ ว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นองค์ปาฐกถาพิเศษ ถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย, เอ็นบีที, ทีเอ็นเอ็น 24 และในวันพุธที่ 9 กันยายน เวลา 10.00-11.00 น. ภายในห้องโถงรัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานคนที่ 1 และนายพีรศักดิ์ พอจิต รองประธานคนที่ 2 ร่วมแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ของ สนช. จากนั้นในวันที่ 18-20 กันยายน สนช.จัดงานสัมนาเพื่อวางแนวทางการทำงานในปีต่อไปของ สนช.ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี
นพ.เจตน์กล่าวว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าประชาชนสับสนกับชื่อ สนช.และ สปช.และยังมีจำนวนสมาชิกใกล้เคียงกันด้วย จึงไม่ทราบว่า สนช.ทำหน้าที่และผลงานอะไรบ้าง ประชาชนยังไม่ได้รับรู้ว่า สนช.ผ่านกฎหมายใดบ้าง เนื่องจากการประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องยากเพราะกฎหมายแต่ละฉบับที่ออกมาสู่ สนช.เรามีเวลาค่อนข้างจำกัดในการพิจารณา จึงทำให้การประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนน้อย ต่อไปต้องมีการพูดคุยว่าจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบอย่างไร
นพ.เจตน์กล่าวถึงการลงมติการถอดถอน อดีต ส.ส.248 คน ในคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ประเด็นที่มา ส.ว.ซึ่งจะมีการพิจารณาซักถามในวันที่ 6 สิงหาคม และจะได้ลงมติในสัปดาห์หน้าเบื้องต้นกำหนดไว้จะเป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยมีการเรียกชื่อสมาชิกเรียงตามลำดับตัวอักษรให้มาลงคะแนนในคูหาที่จัดไว้ให้โดยจะมีกล่องลงคะแนนจำนวน 16 กล่อง และจัดที่ไว้ลงคะแนนฝั่งละ 7 ที่นั่ง รวมสองฝั่ง 14 ที่ โดยแบ่งการลงคะแนน 3 ชุด ชุดแรก 237 คน ในนี้จะมีบัตรลงคะแนนจำนวน 5 สี สีละ 50 ชื่อ เพื่อป้องกันความสับสนในการนับคะแนน ชุดสอง 1 คน และชุดที่สาม 10 คน ส่วนการนับคะแนนจะไม่นับคะแนนโดยใช้ไวท์บอร์ดเหมือนที่ทำมา แต่จะนับคะแนนจากกระดาษ 5 แผ่น 2 ชุด โดยมีคณะกรรมการนับคำแนนทั้งหมด 40 คน ทั้งนี้ ในช่วงการลงคะแนนจะเชิญผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งสื่อมวลชนออกจากห้องประชุม คาดว่าจะใช้เวลาลงคะแนนคนละไม่เกิน 10 นาที