ผ่าประเด็นร้อน
อย่าได้แปลกใจที่ได้เห็นอาการตีอกชกตัวของบรรดาเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในรูปของพวกแกนนำคนเสื้อแดง พวกสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ ที่บางคนเปลี่ยนแปลงบทบาทกันไปแบบผิดหูผิดตา หลังจากที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ลาสิกขาบทแล้วมาแสดงบทบาทในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ “ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง” แบบไม่กำหนดระยะเวลา
มองได้ไม่ยากว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ หนุนให้ “ต่ออายุ” เพียงแต่ว่าต้องทำการปฏิรูปให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่ปัญหาก็คือ จะต่ออายุ “นานแค่ไหน” และเมื่อพิจารณาจากผลงานที่ผ่านมาในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ถือว่าน่าประทับใจและมีแนวโน้มที่ดีแค่ไหน นี่สิคือปัญหา เพราะแม้ว่าที่ผ่านมา สุเทพ เทือกสุบรรณ อาจถูกมองว่าเคยเป็นแกนนำ กปปส. สามารถนำคนมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นหลายล้านคน แต่นั่นก็เป็นเฉพาะกรณีที่ชาวบ้านมีความ “รู้สึกร่วม” ที่ต้องขับไล่ “ทรราช” ที่สุมหัวกันปล้นชาติ ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรมต่างหาก คงไม่ใช่เดินตามหลังต้อยๆในทุกเรื่อง
แน่นอนว่า ในเรื่องปฏิรูปบ้านเมือง ก็เป็นความรู้สึกร่วม เป็นความต้องการที่ตกผลึกมาแล้วระหว่างการชุมนุมมาราธอนที่ผ่านมา และหลังจากมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีรัฐบาลเกิดขึ้นมา ในตอนแรกก็ประกาศเจตนารมณ์ว่าจะ “ปฏิรูปทุกด้าน” แต่ถามว่าจนถึงวันนี้เราได้เห็นทิศทางที่ชัดเจน และมีความคืบหน้าในเรื่องใดบ้าง ก็เปล่า มีแต่อ้างว่าเป็นเรื่องของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กำลังดำเนินการกันอยู่ มีการยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนจะเสร็จแบบไหน หรือไม่เสร็จ หรือรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ ทำให้ สปช. ต้องสิ้นสภาพไปแล้วตั้งชุดใหม่ขึ้นทำต่อไปเรื่อย ๆ มันก็ดูเหมือนล่องลอยยังไงพิกล
แต่ที่เป็นความชัดเจนแล้วก็คือ การประกาศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ย้ำว่า การปฏิรูปตำรวจทำไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ ในความหมายแบบตรง ๆ ก็คือ ไม่มีการปฏิรูปตำรวจแล้ว เพราะในเมื่อรัฐบาลที่มีอำนาจพิเศษเบ็ดเสร็จแบบนี้ไม่ทำ ก็อย่าหวังว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลจากฝ่ายการเมือง เพราะหากเกิดขึ้นก็จะมาในแบบที่การเมืองล้วงลูกใช้เป็นเครื่องมือได้ง่ายกว่าเดิม
นั่นเป็นตัวอย่างในเรื่องของการปฏิรูปตำรวจที่หยุดนิ่ง แต่กลับเป็นเรื่องที่ชาวบ้านต้องการให้การเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ตำรวจทำงานด้วยความเป็นธรรม เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง รวมไปถึงต้องการให้ตำรวจมีความก้าวหน้าตามความรู้ความสามารถ นี่คือ สิ่งที่ชาวบ้านยังข้องใจและต้องการให้เคลียร์จากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หากมีความจำเป็นต้องมีการ “ต่ออายุ” เกิดขึ้นจริง คงไม่ใช่ต้องเดินตามหลัง สุเทพ เทือกสุบรรณ แบบชี้นกเป็นไม้ทุกเรื่อง
ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปมองในมุมของ ฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร บ้างก็อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นแล้ว ก็คือ หากมีการ “ต่ออายุ” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดขึ้นจริง นั่นก็หมายความว่า การเลือกตั้งก็ต้องเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด อย่างน้อยพูดกันแบบที่เป็นไปได้มากที่สุด ก็คือ “ไม่ต่ำกว่าสองปี” เพียงแค่นี้พวก “ชินวัตร” ก็อกแตกตายแล้ว เพราะนั่นเท่ากับว่าพวกเขาจะต้อง “เจ๊ง” ย่อยยับ มีทั้งเสี่ยงคุกตะราง มีสิทธิ์ชดใช้ค่าเสียหายอีกมากมายมหาศาล อย่างน้อยที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือคดีความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ที่มีทั้งคดีอาญาและจะตามมาด้วยคดีแพ่ง และคนที่ “นอนไม่หลับ”อยู่ ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นแหละ
แต่แรงสั่นสะเทือนมันจะไปถึง ทักษิณ ชินวัตร เข้าเต็ม ๆ เพราะโครงการดังกล่าวเขาประกาศคุยโม้ไปแล้วว่าเป็นคนคิดคนเดียว ดังนั้น หากมีความเสียหาย และหากศาลพิพากษาออกมาในทางลบกับพวกเขา มันก็จะเป็นตราบาปติดอยู่กับพวกเขาตลอดไป ในทางการเมืองจะถูกตอกย้ำนำไปขยายผลตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมาในทางคดีคงไม่มีทางหยุดยั้งได้แล้ว รวมไปถึงคดีอื่น ๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ย้ำหลายครั้งแล้วว่าต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นั่นคือ ต้องให้ศาลตัดสิน
ดังนั้น หากเส้นทางยังเดินไปแบบนี้ ย่อมเป็นหายนะสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวแน่นอน เพราะเมื่อพิจารณาจากบรรยากาศแล้ว โอกาสที่จะหักมุมในแบบ “ปรองดอง - นิรโทษ” แทบจะมองไม่เห็นเลย เพราะนาทีนี้รับรองว่าไม่มีใครกล้าเสี่ยง
เมื่อเส้นทางข้างหน้าดูแล้วตีบตัน ก็มีทางเดียวก็คือ หวังให้มีการเลือกตั้งกันตามกำหนด ซึ่งตามโรดแมปก่อนหน้านี้คาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายปีหน้า แต่ล่าสุด เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวของ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เรียกร้องให้ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” แบบไม่กำหนดระยะเวลา มันก็ทำให้มีโอกาสที่การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่พอสิ้นเสียงของสุเทพ ก็เกิดรายการโวยวายออกมาจากฝั่งทักษิณ กันแบบดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ ขนาดบางคนที่เคยหงิม ๆ ติ๋ม ๆ ก็ต้องเล่นบทกร้าวจนน่าแปลกใจ
หากพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว เชื่อว่า แรงกดดันจากฝ่ายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยจะต้องเข้มข้นขึ้นทุกวัน จนน่าจับตาว่าอาจมีรายการป่วนเกิดขึ้นตามมาก็ได้เหมือนกัน เพราะมันเดิมพันสูงลิ่ว !!
