“ประยุทธ์” ต้อนรับเยาวชนริมโขง สร้างสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แนะดำรงชีวิตตามแนวทาง “ในหลวง” เผยเปิดช่องคนอื่นพูดแก้ครหาไม่ทำงาน ให้รอฟังแถลงจับมือกุข่าวป้ายสีตน ย้ำหลักฐานสารภาพแล้วโยง นปช. แจง ศปป.เชิญนักการเมืองจ้อออกทีวี ดักสื่อไม่ใช่ปรองดอง เป็นแนวคิดให้เข้ามาคุย หวังให้เรียนรู้พูดถูกหรือผิด พูดแล้วทำได้ไม่ ไล่ถาม “มาร์ค-ปู” มาหรือไม่ ย้อนไม่กล้าแตะคนอื่นที่ตนด่าจัง
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังพบคณะเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขงว่า วันนี้ได้ต้อนรับเยาวชนของลุ่มแม่น้ำโขง 4 ชาติ ทั้งหมด 45 คน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ ทั้ง 5 ประเทศ เราเป็นศูนย์กลางของประเทศที่เชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพราะฉะนั้นถือว่าเราได้วางอนาคตไว้ให้แก่เยาวชน ทั้งเรื่องความร่วมมือ เรื่องการลดความขัดแย้ง เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการศึกษา และแนะนำในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมการดำรงชีวิตตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตนได้เล่าให้ฟังถึงภารกิจที่ได้ทำอยู่ขณะนี้ โดยเยาวชนทุกคนก็เข้าใจดี เพราะเขาคือครอบครัวของเรา ทั้งนี้จุดประสงค์ในวันนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงของเยาวชน ให้รู้จักทำความเข้าใจเรื่องวัฒนธรรมประเพณี และอัตลักษณ์ของแต่ละประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีการจับกุมแนวร่วม นปช. มือโพสต์กุข่าวกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้โอนเงินหมื่นล้านไปยังบัญชีประเทศสิงคโปร์ว่า จับมาได้แล้ว เขาต้องมารายงานตนทุกเรื่องเลยหรือ จะมีการแถลงข่าวว่าเกี่ยวโยงกับกลุ่มใดขอให้รอฟัง และให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเขาทำงานบ้าง ถ้าตนพูดคนเดียว สื่อจะไม่สนใจคนอื่น แล้วก็บอกว่าเขาไม่ทำงาน ต่อจากนี้ตนจะให้คนอื่นพูดเยอะขึ้น ไม่อย่างนั้นสื่อฟังคนๆเดียวก็จะบอกว่ารองนายกฯ หรือรัฐมนตรีไม่ทำงาน นายกฯ ทำงานคนเดียว แต่ที่ตนพูดก็เพราะว่าพูดเสียงดัง และกล้าพูดกับสื่อ
เมื่อถามว่าจะเกี่ยวโยงกับกลุ่มนักศึกษาหรือกลุ่มการเมืองอื่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ตอนนี้ใครเคลื่อนไหว นักศึกษาเคลื่อนไหวก็เป็นนักศึกษา แล้วมีใครอีก โดยผู้ต้องหาที่จับตัวได้มีความเชื่อมโยงและมีภาพกับกลุ่ม นปช. เท่านั้นแหละจบ เดี๋ยวไปดูรูปเขาสิ แล้วเขาสารภาพว่าอยู่กลุ่มไหน ให้รอฟังการแถลงข่าว เดี๋ยวไม่ตื่นเต้น เขาสารภาพแล้วก็จบ ก็เป็นไปตามกฎหมาย ว่าไงก็ว่าตามนั้น ซึ่งหลายคนก็ให้อภัยไป หลายคนก็เมตตา แต่ก็ยังทำซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่นั้น ความเมตตามันก็จำกัดเหมือนกัน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อถึงกรณีที่ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เชิญนักการเมืองร่วมออกรายการโทรทัศน์เพื่อสร้างบรรยากาศของความปรองดองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แต่เรื่องปรองดอง โดยเป็นแนวคิดของคณะทำงานในการให้แต่ละฝ่ายเข้ามาพูดคุย ซึ่งรายการดังกล่าวตนต้องการให้สื่อมวลชนกรุณาฟังให้จบว่า ที่ตนให้มาพูดกันนั้นมีใครบ้าง 1. อดีตรัฐบาล 2. สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 3. บุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ ที่ไม่ใช่รัฐบาล โดยให้ฟังเขาแสดงปัญญาออกมาว่ามันถูกหรือผิด
“ผมต้องการให้เรียนรู้ว่าคนเหล่านี้วันหน้าก็จะมาเป็นรัฐบาลของท่าน ท่านก็ฟังไว้สิ ว่าเขาพูดถูกหรือผิด ทำได้หรือไม่ได้ มีส่วนร่วมในความเสียดายหรือไม่ ถ้าออกมาพูดแล้วพูดแต่ปัญหาอย่างนี้อย่างนั้นแล้วไม่ได้ทำ อย่ามาพูดกับผม ผมไม่อยากฟัง ส่วนประชาชนจะคิดแบบที่ผมคิดหรือเปล่า ผมไม่รู้ ทั้งนี้เขาจะพูดเรื่องอะไรกลับจะไม่ฟังเขา ฟังแต่ว่าทำอย่างนี้เพื่อปรองดอง มันคนละความหมาย ประเทศไทยเดินหน้าไม่ได้เพราะไอ้แบบนี้แหละ มันคิดไม่ตรงกันเลย คิดสิ่งที่สร้างสรรค์เหมือนผมในการพยายามที่จะสร้างสรรค์แต่ผมไม่บังคับ สื่ออยากจะดูก็ดู แต่ถ้าไม่ดูแล้วมาพูดแต่แบบที่จั่วหัวอย่างเดียวว่าใครพูดกันวันนี้จบ แสดงว่ารัฐบาลจะเกี้ยเซี้ยแค่นี้เอง ถ้าอย่างนั้นผมเป็นเองก็ได้นักข่าว ผมลาออกจากนายกฯ มาเป็นนักข่าว ตีทุกหนังสือพิมพ์ให้ตกหมดเลย แล้วจะเขียนข่าวให้สนุกกว่านี้อีก ผมไม่ได้ดูถูกนะ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่านอกจากอดีตนายกฯ อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะมีการเชิญใครอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบอย่างมีอารมณ์โมโหว่า พูดอยู่ว่าเขาจะมาหรือเปล่ายังไม่รู้เลย เขาจะมาไหมเล่า จะกล้ามาพูดไหมเล่า ไปถามเขาให้หน่อย ไปเขียนหนังสือพิมพ์ถามเขาที ตอนมาเขียนด่าว่าตนกลับเขียนได้ แต่กลับไม่กล้าเขียนแตะต้องคนอื่น
