เกาะกระแส
00 นาทีนี้แม้ว่าจะพยายามออกแรงเขย่าขย่มกันอย่างไร อย่างมากก็ทำได้แค่มีการพูดถึงกันมาขึ้นเท่านั้น สำหรับการเคลื่อนไหวของ กลุ่มนักศึกษาที่เรียกว่า "ดาวดิน" หรือพวกประชาธิปไตยใหม่ อะไรนั่นก็ตาม พยายาม "จุดไฟ" กันมาพักใหญ่แล้ว ตั้งแต่วันครบรอบ 1 ปี รัฐประหาร คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องจนถึง "ทีเด็ด"วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง" 24 มิ.ย. ก็ทำใด้แค่ปรากฏเป็นข่าวบ้างเท่านั้น แต่ถ้าบอกว่า "เป็นกระแส" นั้นถือว่า "ยังจุดไม่ติด"
00 แม้ว่าจะใช้ท่าไม้ตาย "ติดคุก" แบบ "ไม่ขอประกันตัว" หวังกระพือผ่านแนวร่วมข้างนอก แต่ในเมื่อไม่อยากประกัน อยากอยู่ในคุกก็ต้อง "จัดให้" ตามคำขอ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆ พวกนี้เป็นคนหนุ่มสาวไฟแรง การเคลื่อนไหวแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม มีความตื่นตัวทางการเมืองต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพนับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ยังดีกว่าพวกนักศึกษาส่วนใหญ่ที่ในเวลานี้วันๆ เอาแต่บ้าแฟชั่น ความคิดเรื่องสังคมแบบในอดีตที่ลดน้อยถอยลง ดังนั้นการที่มีบรรดาน้องนักศึกษารุ่นใหม่ ที่มีจิตสำนึกทางการเมืองก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ แต่ก็อย่างว่าแหละ อีกด้านหนึ่งแม้จะชื่นชมเด็กๆ นักศึกษาที่ออกมาต่อต้านเผด็จการ แต่คำถามก็คือ คราวนี้มันมีพิรุธ มีเบื้องหลังที่ถูกพวกหัวหงอกหัวดำ "ที่ขี้ขลาด" ใช้เป็นเครื่องมือเป็นคนจุดไฟสนองตัญหาของตัวเองเท่านั้น
00 ขณะเดียวกันยังมีพวกเครือข่าย "ระบอบทักษิณ" ที่คอยแอบอยู่ข้างหลัง ที่เวลานี้ต่างออกมาในแบบ "ให้กำลังใจ" ซึ่งความหมายก็คือ "ยุอยู่ข้างหลัง" นั่นแหละ วันก่อนเราเห็นพวก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ วัฒนา เมืองสุข ที่สลอนกันออกมา วันนี้ก็มี พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย ทักษิณ ชินวัตร ก็ออกมาร่วมด้วยช่วยขย่มอีกแรง แต่ก็นั่นแหละ อย่างมากมันก็แค่ถูกพูดถึงมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรมันก็จุดเป็นกระแสไม่ติด ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่บ้าจี้ ไม่บ้าอำนาจ รู้จักยืดหยุ่นไม่ตึงไม่หย่อนเกินไปแบบที่กำลังทำอยู่ในเวลานี้ ขณะเดียวกัน ฝ่ายความมั่นคงของ คสช. ที่เป็นผู้อำนวยการผู้นำในทางปฏิบัติเวลานี้น่าจะนำโดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. และเลขาฯคสช. ก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว เมื่อทางโน้นพยายามลากให้ยาว ทางฝ่ายอำนาจรัฐ ก็ต้องรู้จักลากยาวเหมือนกัน นั่นคือเมื่อตึงเครียดก็ "ผ่อน" อย่าไปยั่วยุ เหยียดหยาม พูดจาให้เกียรติ ให้ความสำคัญแบบที่ทำมาแล้ว เมื่ออยากติดคุกไม่ขอประกัน ก็ต้องบอกว่า "เสียดาย" ไม่รู้จะทำอย่างไร
00 ต้องไม่ลืมว่า กระแสถ้าคึกคักจะเกิดขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์แรกเท่านั้น แต่เมื่อผ่านไปสักสามสี่สัปดาห์ หากยังจุดไม่ติด สร้างกระแสไม่ได้ เมื่อมันถึงจุดที่พีคสุดไปแล้ว จากนั้นก็จะค่อยๆ ฝ่อลงเรื่อยๆ คนที่เคยอยากติดคุกต่อไป ก็อยากจะออกจากคุกแล้ว ดังนั้นก็ได้แต่หวังว่าจบลงด้วยดี ฝ่ายความมั่นคง ก็อย่าสร้างอารมณ์โกรธเพิ่ม ขณะที่กลุ่มนักศึกษาเมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องออกมาใช้ชีวิตตามปกติ และถือว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว แต่คนที่ต้องประณามก็คือพวก "หัวหงอกหัวดำ" นี่ต่างหากที่ขี้ขลาด แอบอยู่ข้างหลังเด็กๆ ทุเรศจริงๆ ทุด !!
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่ากลัวกว่าและจะกลายเป็นว่าสิ่งที่พวกเด็กๆ นักศึกษาพวกนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ก็คือ "ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง" จะผสมโรง ทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ เนื่องจากเวลานี้มองไปทางไหนรอบตัวทุกคนเริ่มมีปัญหาหน้าเครียดขึ้นมามากขึ้นทุกวัน ข้าวของแพง สินค้าเกษตรขายไม่ได้ราคา มีแต่ขาดทุน การส่งออกติดลบ อัตราการขยายตัวลดลงเรื่อยๆ จนอีกไม่กี่วันหน่วยงานด้านเศรษฐกิจสำคัญก็จะปรับลดตัวเลขการเติบโตลงมาอีก นี่แหละเรื่องใหญ่ หลายคนฟันธงว่า "ทีมเศรษฐกิจ" ของ "บิ๊กตู่" ที่นำโดย "หม่อมอุ๋ย" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ล้มเหลว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าที่จะปรับเปลี่ยน บางทีมันก็วังเวง และนี่คือจุดอ่อนยิ่งกว่าเรื่องเสรีภาพเสียอีก
00 เชื่อหรือไม่ว่า กระแสที่ทำลายความศรัทธาต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจนี่แหละ และขอร้องอย่าไปโทษรัฐบาลอื่นๆให้มากนัก แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่บางครั้งพูดมากไปมันก็น่าหมั่นไส้เหมือนกัน และที่สำคัญเวลาก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว ยิ่งพูดบางทีมันก็เหมือนประจานตัวเองเหมือนกัน ที่สำคัญสิ่งที่ชาวบ้านเข้าใจก็คือ อำนาจพิเศษที่มีอยู่ในมือมันก็น่าจะทำลายอุปสรรค ทำลายความล้าหลังของระบบราชการได้บ้าง แต่ทำไมเหมือนกับว่ามันไม่ขยับเลยฟะ !!