ศาลทหารนัดนักศึกษา ม.กรุงเทพ ฟังคำตัดสินคดีฝืนคำสั่ง คสช.ชุมนุมหน้าหอศิลป์ เจ้าตัวอ้างไม่ได้ไปร่วม โวไม่หนักใจ อดีตพิธีกร คปท.เข้ารายงานตัวขอยื่นประกันตัวอีกรอบ ยันชุมนุมไม่ผิดยังสู้ต่อ ก่อนศาลอนุญาตประกันทั้งคู่ สั่งห้ามชุมนุมทั้งทางตรงทางอ้อม
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม ทางอัยการศาลทหารกรุงเทพได้นัดนายนัชชชา กองอุดม นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ถูกออกหมายจับในคดีขัดขืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 7/2557 กรณีฝ่าฝืนการห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2558 มาฟังคำสั่งอัยการศาลทหารกรุงเทพว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง โดยนายนัชชชา กล่าวก่อนเข้ารับฟังคำสั่งว่า วันนี้ตนเดินทางมาฟังคำสั่งอัยการศาลทหารกรุงเทพว่าจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องในคดีที่ตนถูกออกหมายจับวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในความเป็นจริงในวันนั้นตนไม่ได้ไปชุมนุมกับนักศึกษาที่หน้าหอศิลป์ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่จึงออกหมายจับ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหนักใจและได้เตรียมใจไว้แล้วหากอัยการศาลทหารกรุงเทพจะมีคำสั่งฟ้องตน พร้อมกับจะยื่นขอประกันตัว
ด้านนายชาติชาย แกดำ อดีตพิธีกรเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้เดินทางมาศาลทหารกรุงเทพเช่นกัน เพื่อรายงานตัวหลังครบกำหนด 7 วันที่อัยการศาลทหารกรุงเทพมีคำสั่งฟ้องคดีในกรณีถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2558 เนื่องจากร่วมชุมนุมบริเวณหน้าหอศิลป์ พร้อมกับยื่นขอประกันตัวเพิ่มเติม โดยนายชาติชายกล่าวว่า วันนี้ตนมารายงานตัวหลังครบกำหนด 7 วันที่ศาลทหารกรุงเทพอนุญาตให้ฝากขังผลัดแรก แต่ตนขอทำเรื่องขอประกันตัว ดังนั้นวันนี้ตนก็จะขอประกันตัวอีกครั้งหนึ่ง แต่ทราบว่าทางอัยการทหารกรุงเทพได้มีคำสั่งฟ้องแล้ว อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวในวันดังกล่าวยืนยันว่าพวกตนไม่ผิด เชื่อว่าความถูกต้องและความยุติธรรมอยู่เหนืออำนาจพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นตนจะสู้ทุกวิถีทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 14.00 น.ทางศาลทหารกรุงเทพได้อนุญาตให้ประกันตัวนายนัชชชา และนายชาติชาย ด้วยหลักทรัพย์คนละ 10,000 บาท โดยมีเงื่อนไขการประกันตัว คือ ห้ามร่วมชุมนุมทางการเมือง และยุยงปลุกปั่นให้คนอื่นใดร่วมชุมนุมไม่ว่าจะกระทำด้วยวิธีใดทั้งทางตรงและทางอ้อม หากผิดเงื่อนไขสัญญาประกันตัวชั่วคราว ศาลทหารกรุงเทพจะใช้ดุลพินิจสั่งเพิกถอนการประกัน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพได้นำตัวทั้งสองคนไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเพื่อทำเรื่องปล่อยตัวชั่วคราวต่อไป
