รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผย “ประวิตร” รับทราบรายงานสถานการณ์เมอร์ส ยันไทยยังเสี่ยง ขณะที่ ครม.รับทราบเพิ่มมาตรการควบคุม 4 ด้าน ทั้งประเมิน เฝ้าระวัง วินิจฉัย และคำแนะนำแก่นักท่องเที่ยว
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานเรื่องรายงานสถานการณ์และความคืบหน้ามาตรการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส โดยกระทรวงรายงานว่าประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ต่อการระบาดของโรคจึงได้ดำเนินมาตรการในการตรวจจับการระบาดของโรคในกลุ่มเสี่ยงเพื่อการควบคุมที่รวดเร็ว เน้นการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาล รวมทั้งป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในสถานพยาบาล เพื่อให้การป้องกันควบคุมโรคมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการบูรณาการเตรียมความพร้อมป้องกันควบคุมโรคเมอร์สในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน
ทั้งนี้ ผลการดำเนินการที่ผ่านมา หลังจากการพบผู้ป่วยโรคเมอร์สรายแรกของประเทศไทยได้มีการดำเนินการ ดังนี้ 1. การสอบสวน และติดตามผู้สัมผัสโรค จำนวนทั้งสิ้น 175 ราย 2. รายงานสถานการณ์โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (ข่าวเพื่อสื่อมวลชน) ผ่านทางเว็บไซต์สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข http://pr.moph.go.th/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=73918 และ 3. จัดทีมติดตามเฝ้าระวังอาการผู้สัมผัส 4. แจก เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากป้องกันโรค เอกสารคำแนะนำ เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ จัดเตรียมเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา 5. หากผู้สัมผัสมีอาการสามารถโทรศัพท์แจ้งที่สายด่วน 1422 ได้ทันที หากผู้สัมผัสมีอาการเข้าเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุขจะจัดส่งรถไปรับผู้สัมผัสที่มีอาการที่บ้านเพื่อจะได้ดำเนินการตรวจวินิจฉัยผู้สัมผัสที่มีอาการต่อไป และ 6. จัดทำข่าวสารประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ มีความรู้เกี่ยวกับตัวโรค และรู้วิธีการแพร่โรคต่อไป
โดยที่ประชุม ครม.รับทราบการเพิ่มความเข้มแข็งของมาตรการต่างๆ ดังนี้ 1.มาตรการการประเมินความเสี่ยงและการป้องกัน มีการติดตามสถานการณ์การระบาดในต่างประเทศ และสถานการณ์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวิเคราะห์และทำการประเมินความเสี่ยง 2. มาตรการการเฝ้าระวังและคัดกรองมีการเฝ้าระวังคัดกรองผู้เดินทางที่ช่องทางเข้าออกประเทศ/การติดตามกลุ่มเสี่ยง 3. มาตรการการวินิจฉัยดูแลรักษา/การส่งต่อ/การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ 4. คำแนะนำสำหรับผู้เดินทาง/นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรค