เกาะกระแส
00 ได้ยิน"ข่าวปล่อย"เรื่องปฏิวัติเมื่อหลายวันก่อนก็นึกขำอยู่ในใจว่าในสภาพแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร(วะ) มันน่าหัวร่อทั้งคนปล่อยและคนที่เชื่อเรื่องแบบนี้ในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ที่ต้องขบขันยิ่งไปกว่าก็คือคนในรัฐบาลที่"บ้าจี้"รับลูก"ขยายผล"กันไปเอง เพราะแทนที่จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เงียบหายไปกับสายลม โดยไม่ต้องไปต่อความยาวสาวความยืด แต่นี่กลับตรงกันข้ามกลายเป็นว่าคนสำคัญในรัฐบาลและคสช.ต่างออกมาเต้นพร้อมๆกัน มีการแถลงปฏิเสธแบบเป็นเรื่องเป็นราว เริ่มมาตั้งแต่โฆษกคสช.ที่ออกมาแถลง ถัดมาก็เป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ใส่อารมณ์จริงจังกับข่าว"เลื่อนเปื้อน"แบบนี้ และก็ตามฟอร์ม เมื่อ ผบ.ตร.พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รับลูกสั่งการให้สืบเสาะจัดการกับต้นตอ"มือโพสต์"ที่ปล่อยข่าวในโลกโซเชียลฯ
00 แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันผิดกม.อาจทำลายความมั่นคง หากมีความจงใจและกระทำกันแบบขบวนการ เพียงแต่ว่าวิธีการจัดการมันสมควรและคุ้มค่ากันหรือไม่ มันจะกลายเป็นการช่วยขยายผลข่าวปล่อยไร้ค่า จนมีการพูดถึงกันต่อๆไปเรื่อยๆ จากไม่เป็นเรื่องให้กลายเป็นเรื่องขึ้นมา แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับว่าจะ"ให้ความสำคัญ"แค่ไหน หากไม่ให้ความสำคัญปล่อยให้ผ่านไปมันก็ย่อยสลายไปเอง เพราะข่าวขยะแบบนี้ในโลกโซเชียลในแต่ละวันมีกันละเป็นหมื่นเป็นแสน ดังนั้นหากไม่ไปใส่ใจในที่สุดมันก็ผ่านเลยไป
00 การปฏิวัติรัฐประหารไม่ใช่ว่าอยู่ๆจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆตลอดเวลา มันต้องมีเงื่อนไข มีกระแสสังคมเรียกร้อง เช่น ผู้บริหารบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพลเรือนหรือทหารก็ไม่มีข้อยกเว้น เช่นหากโกง ใช้อำนาจมิชอบเล่นพรรคเล่นพวกเกินงาม ผลงานย่ำแย่จนสร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า แบบนี้มันถึงจะเป็นไปได้ แล้วถามว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในเงื่อนไขแบบนั้นหรือยัง ถ้ายังก็ไม่ต้องไปใส่ใจ ยังยืนยันโรดแมป เพิ่งกางปฏิทินให้เห็นว่า หาก รธน.ผ่านสภาปฏิรูป แล้วทำประชามติผ่านอีก รัฐบาลนี้ก็จะอยู่ไปถึงเดือนตุลาฯปีหน้าเท่านั้น แต่ถ้าไม่ผ่านเขาก็บอกว่าเป็น"อีกเรื่องหนึ่ง"และที่สำคัญหากพูดคนที่จะปฏิวัติได้ในเวลานี้ก็มีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น แล้วถามอีกว่าจะทำทำไมในเมื่อมีทุกอย่างพร้อมอยู่ในมือแล้ว และในวันที่ 18 มิ.ย.ก็จะมีการแก้ไข รธน.ฉบับชั่วคราวใน 7 ประเด็น ซึ่งก็ต้องผ่านสามวาระรวด ถึงตอนนั้นมันก็เหมือน"ล้างไพ่"ได้กระชับอำนาจในมืออีกครั้งอยู่แล้ว
00 กรณี "ตั้ง อาชีวะ"หรือ เอกภพ เหลือรา อะไรนั่นก็เช่นเดียวกันสะท้อนให้เห็นถึงความหย่อนหยานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ได้บังคับใช้กม.อย่างเคร่งครัดจริงจัง หลังจากล่าสุดวันที่ 16 มิ.ย.สำนักอัยการสูงสุดมีคำแถลงว่าได้ดำเนินการทำเรื่องขอตัวให้ นิวซีแลนด์ ส่ง นายเอกภพ มาดำเนินคดีในไทยในฐานะ"ผู้ร้ายข้ามแดน"ตามพรบ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ในความผิดตาม ม.112 ตามหมายจับของศาลอาญาเลขที่ 2429/56 ลงวันที่ 13 ธ.ค.56 ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอมา ซึ่งหากพิจารณาจากวันที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 56 ล่วงมาถึงวันนี้ก็ 17 มิ.ย.58 ที่ผ่านมามัวทำอะไรกันอยู่ นี่ขนาดระดับปลายแถวยังเป็นแบบนี้ถ้าเป็นระดับ"หัวโจก"อย่าง ทักษิณ ชินวัตร คงไม่ต้องพูดถึง เรื่องถอดยศหรือเรื่องอะไรลืมไปได้เลย !!