กรุงเทพโพล สำรวจประชาชนส่วนใหญ่ 61% ต้องการให้ปฏิรูปเสร็จทุกด้านก่อนเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน ยังต้องการเลือกตั้งแบบโอเพนลิสต์ มากกว่าแบบเดิม ปราบคอร์รัปชันเป็นผลงานเด่นชัดที่สุดในรอบ 1 ปี คสช. คะแนน ปชป. ยังนำ พท.
กรุงเทพโพล โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทยหลังผ่าน 1 ปี คสช.” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,014 คน ระหว่างวันที่ 25 - 28 พ.ค. ที่ผ่านมา
ผลสำรวจพบว่า คะแนนนิยมพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ที่ร้อยละ 29.2 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือน มี.ค. ร้อยละ 8.7 (จากเดิมร้อยละ 20.5) ขณะที่พรรคเพื่อไทย คะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 25.8 เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อน ร้อยละ 7.3 (จากเดิมร้อยละ 18.5) รองลงมาคือ พรรคชาติไทยพัฒนา อยู่ที่ร้อยละ 0.8 (จากเดิมร้อยละ 1.7) และ พรรครักประเทศไทย อยู่ที่ร้อยละ 0.5 (จากเดิมร้อยละ 0.9)
ส่วนระยะเวลาที่คิดว่าเหมาะสมสำหรับการเลือกตั้งนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 61.1 คิดว่าการเลือกตั้งควรเกิดเมื่อประเทศปฏิรูปแล้วในทุกด้าน ขณะที่ร้อยละ 32.0 คิดว่าการเลือกตั้งไม่ควรเกิน 1 ปี นับจากนี้ ส่วนที่เหลือร้อยละ 6.9 ยังไม่แน่ใจ
เมื่อถามว่าอยากให้ประเทศไทยมีการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ร้อยละ 46.9 อยากเลือกแบบโอเพนลิสต์ คือ เลือกทั้งพรรคและเลือกผู้สมัคร ขณะที่ร้อยละ 39.7 อยากเลือกแบบเดิม คือ เลือกพรรคอย่างเดียว ส่วนที่เหลือร้อยละ 13.4 ยังไม่แน่ใจ
สำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีผลงานการแก้ปัญหาประเทศในเรื่องใดเด่นชัดมากที่สุด หลังผ่าน 1 ปี คสช. ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.0 เห็นว่า เป็นเรื่องการคอร์รัปชัน รองลงมาร้อยละ 48.3 เรื่องความแตกแยกในสังคม และร้อยละ 30.4 ระบุเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์