“บิ๊กป้อม - คนบัวแก้ว - ตร.” โบ้ยเหตุยกเลิกพาสปอร์ตไทย “ทักษิณ” ฝ่ายความมั่นคงชงเรื่อง ให้ ปอท. ส่ง กระทรวงการต่างประเทศ ยึด! “ปลัด กต.” ลั่น! ไม่ต้องการที่จะขยายความอาจเป็นการสร้างปัญหามากขึ้น ย้ำ “คนโดนถอนพาสปอร์ต” ต้องกลับไทยเท่านั้น!!! เตรียมส่งหนังสือเวียนไปยังสถานทูตไทยทั่วโลกทราบพร้อมกัน
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่ประทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ส่งเรื่องมาให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณา ว่า การกระทำของ พ.ตท.ทักษิณ เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดในการยกเลิกพาสปอร์ตหรือไม่ ซึ่งการพิจารณายกเลิกเป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้น คงต้องไปสอบถามกระทรวงการต่างประเทศ ถึงขั้นตอนการดำเนินการดังกล่าว
นายนรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่ต้องการที่จะขยายความถึงเรื่องดังกล่าว เพราะอาจเป็นการสร้างปัญหามากขึ้น โดยรายละเอียดทั้งหมดคิดว่าชัดเจนแล้วตามที่กระทรวงได้แถลงไปก่อนหน้านี้
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงดำเนินการตามหน้าที่ภายหลังได้รับการประสานงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงในการยกเลิกพาสปอร์ต โดยจากนี้ ทางกระทรวงจะส่งหนังสือเวียนถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยทั่วโลก เพื่อแจ้งให้ทราบถึงคำสั่งดังกล่าว
“ดังนั้น ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีพาสปอร์ตไทยอยู่ในการครอบครองแล้ว ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ แต่หากจะเคลื่อนไหวในต่างประเทศอย่างไรต่อไปนั้น เป็นการดำเนินการส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผมไม่ทราบ”
นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า ทางกระทรวงเพียงแค่ดำเนินการยกเลิกพาสปอร์ตตามหน้าที่เท่านั้น โดยทั่วไปคนที่ถูกยกเลิกพาสปอร์ตก็คงต้องเดินทางกลับประเทศไทย แต่การดำเนินการต่อไปอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลที่ถูกยกเลิกพาสปอร์ตว่าจะตัดสินใจ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้เป็นผู้เสนอเรื่องไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ทำการยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด โดยกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีข้อมูลพบว่า อดีตนายกฯได้ไปพูดให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ แล้วเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหลายข้อ จึงได้เข้าไปแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้ดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
“จากนั้นทาง ปอท. ได้รายงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ทราบว่า มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความให้สอบสวนคดีดังกล่าว และทางกระทรวงการต่างประเทศ จึงได้ใช้ดุลพินิจแล้วเห็นว่า มีเหตุเข้าข่ายการกระทำความผิด และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางดังกล่าว” โฆษก ตร. กล่าว