กกต.ระบุการทำประชามติต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกิน 50% ผลออกมาผูกพันรัฐบาล แนะ คสช.ออกประกาศผ่อนคลายให้สามารถแสดงความคิดเห็นได้ พร้อมเสนอเป็นเจ้าภาพจดทะเบียนกลุ่มที่จะออกมารณรงค์ทั้งหนุนและค้านร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อควบคุมไม่ให้มีการเมืองเข้ามาแฝง คาดมีเลือกตั้งช่วงสิงหาคม 2559 ตุลาคม เลือก ส.ว.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ ว่าเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (20 พ.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เป็นประธานมอบนโยบายให้แก่ผู้อำนวยการ กกต.จังหวัดทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ กกต.ในการสัมมนาโครงการพัฒนาฐานข้อมูลและระบบสารสนเทศสนับสนุนการดำเนินงานจัดการเลือกตั้งซึ่งเป็นการระดมความเห็นเพื่อพัฒนาเครื่องมือจัดการความเสี่ยงในการเลือกตั้ง รองรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ นายสมชัยขอให้ทุกด้านเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ที่มีความชัดเจนแล้วว่าต้องมีการทำประชามติ โดยคาดว่าน่าจะเป็นเดือนมกราคม 2559 และการเลือกตั้ง ส.ส.น่าจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม และในเดือนตุลาคมเป็นการเลือกตั้ง ส.ว.
“ต้องทำให้สังคมเห็นว่า กกต.มีความพยายามทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้เกิดการเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ และจัดการเลือกตั้งให้เกิดความน่าเชื่อถือ มีคุณภาพ เป็นมืออาชีพ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย สุดท้ายพัฒนาเทคโนโลยีรองรับการเลือกตั้งรูปแบบใหม่ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ คือ การลงคะแนนด้วยระบบอิเลคทรอนิกศ์หรือระบบอื่น ขณะนี้ กกต.ได้พัฒนาเทคโนโลยีรองรับการเลือกตั้งและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เช่น เว็บไซต์ลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในต่างประเทศ แอปพลิเคชันดาวเหนือบอกหน่วยเลือกตั้ง และแอปพลิเคชันตาสับปะรด แจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้ง ดังนั้นการเปลี่ยนต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม”
นายสมชัยยังให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมทำการประชามติว่าในเบื้องต้นได้มีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้งนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ในส่วนของการดำเนินการทำประชามติ และการรณรงค์เผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ สำหรับการทำประชามติตามหมายจะต้องมีผู้ไปออกเสียงประชามติมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ คือ หากมีประชาชนมีสิทธิออกเสียง 40 ล้านคนก็จะต้องมีผู้ไปลงคะแนนกว่า 20 ล้านคน เมื่อมีผู้ไปออกเสียงเกินกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ผลที่ออกมาก็จะใช้เสียงข้างมาก ทั้งนี้ การทำประชามติโดยปกติจะถือว่าเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะดำเนินการตามผลที่ออกมาหรือไม่ ซึ่งการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ หากมีการทำจริง ผลที่ออกมาถือว่าผูกพันรัฐบาล
นายสมชัยยังยืนยันด้วยว่า หากรัฐบาลจะทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและ คสช.คงต้องออกประกาศอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา เพื่อให้สามารถจัดเวทีแสดงความคิดเห็นได้ และส่วนตัวจะเสนอให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาให้องค์กรหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่มีความเห็นต่างและเห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญมาจดทะเบียน กับ กกต.เพื่อขอรณรงค์ซึ่งจะเป็นการควบคุมไม่ให้กลุ่มที่ไปรณรงค์มีการเมืองเข้ามาแอบแฝง ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าวจะต้องแสดงที่มา งบประมาณ หรือแนวทางกับ กกต. และบางส่วนอาจของบประมาณสนับสนุนจาก กกต.ในการรณรงค์ได้ด้วย