ดูกันชัดๆ อีกครั้ง หากเป็นไปตามที่ “พระสุเทพ ปภากโร” ระบุว่า หากสึก จะมาเป็น “ฆราวาสเอ็นจีโอ” ทำงานการเมืองภาคประชาชน ดูอีกครั้ง เผย หลังตั้ง “มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย” พบมีรายชื่อ อดีตแกนนำ กปปส. ที่เข้าไปบวชด้วยกันเพียบ
วันนี้ (18 พ.ค.) รายงานว่า จากกรณีที่ นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “หลวงลุงสุเทพตระเตรียมลาสิกขา”
โดยระบุว่า ตน กับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. ได้ไปสัมภาษณ์ พระสุเทพ ปภากโร ที่สำนักปฏิบัติธรรมทีปภาวัน เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในหลายเรื่อง ออกอากาศรายการ “คิดต่างระหว่างบรรทัด” ทางสถานีโทรทัศน์ช่องฟ้าวันใหม่ ที่จะออกอากาศในคืนวันที่ 21 พ.ค. นี้ โดยประเด็นหนึ่งคือเรื่องการลาสิกขาบท เพราะมีคนถามไถ่กันมาก
ซึ่ง พระสุเทพ ตอบว่า ยอมรับว่า มีความสุขกับการมาบวช เพราะตอนแรกคิดว่าจะบวชให้ครบ 204 วัน เท่ากับจำนวนวันที่มีการชุมนุม แต่ตอนนี้จะครบปีแล้ว ระยะนี้ก็ตั้งกองทุนบวชให้สวนโมกข์ และจัดการเรื่องการส่งมอบต่อให้เรียบร้อย คาดว่า จะมีพระมาบวชที่นี่เรื่อยๆ ส่วนการกำหนดเวลาเพื่อลาสิกขาบทนั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะอาตมาบวชตอนเข้าพรรษาแล้วด้วยซ้ำ
นายเถกิง ระบุอีกว่า ตนถามพระสุเทพว่าหลังลาสึกออกไปแล้ว คิดไว้หรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งพระสุเทพ ตอบว่าไปเป็นเอ็นจีโอ ทำงานการเมืองภาคประชาชน ภาคพลเมือง
มีรายงานว่า หาก พระสุเทพ ลาสึกจริง ก็จะไปเป็นประชาชนธรรมดา มีตำแหน่งเป็น “ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย” ขับเคลื่อนการพัฒนาการเมือง เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของประชาชนในการขับเคลื่อนให้มีการปฏิรูปเพื่อรักษาผลประโยชน์
ก่อนหน้านั้น ASTVผู้จัดการออนไลน์ ได้เสนอข่าว ๑ ราชกิจจาฯ เผย “สุเทพ - กปปส.” ขอจดทะเบียน “มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย” แกนนำพรึ่บกรรมการ ทุนตั้งต้น 1 ล้านบาท “เอกนัฏ - ตั๊น” นั่งเลขาฯ และผู้ช่วยเลขาฯ สำนักงานตั้งอยู่ที่ ม.ภัทรา ซ.รามคำแหง 76 ระบุวัตถุประสงค์มูลนิธิ 4 ข้อ เน้นสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ ด้าน ผบ.ตร. สมยศ จดทะเบียนตั้งมูลนิธิตัวเอง เน้นงานสาธารณกุศล
โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ก.พ. 2558 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป ประเภท ง เล่ม 132 ตอน 16 รวม 120 เรื่อง โดยมี 2 เรื่องที่น่าสนใจคือ หนึ่ง เรื่อง จดทะเบียนจัดตั้ง “มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย” ในหน้าที่ 45 และ 46 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้คือ
ด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ต่อนายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร มีใจความสำคัญตามข้อบังคับของมูลนิธิ ดังนี้
1. มูลนิธิชื่อ “มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย”
2. วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ คือ
2.1 เพื่อสนับสนุนการประกอบกิจการศึกษา วิจัย สัมมนา ประชุม หรือการระดมและรวบรวมความรู้และหรือความคิดเห็นในรูปแบบใดๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไทย ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เกี่ยวกับอนาคตของประเทศในทุกๆ ด้าน
2.2 ติดตามศึกษารวบรวมและวิเคราะห์ตลอดจนรายงานข้อมูลและสถานะของประเทศเป็นระยะๆ
2.3 ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือร่วมมือกับองค์การการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
2.4 ส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความเป็นกลางโดยไม่ให้การสนับสนุนด้านการเงินหรือทรัพย์สินแก่นักการเมือง หรือพรรคการเมืองใด
3. สำนักงานใหญ่ของมูลนิธิตั้งอยู่ที่ เลขที่ 79/46 หมู่บ้านภัทรา ซอยรามคำแหง 76 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ
4. ทรัพย์สินของมูลนิธิ มีทุนเริ่มแรก คือ เงินสด จำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน)
5. การจัดการของมูลนิธิในวาระเริ่มแรก มีคณะกรรมการดำเนินงานดังรายนามต่อไปนี้
5.1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานกรรมการ
5.2 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานกรรมการ
5.3 นายวิทยา แก้วภราดัย รองประธานกรรมการ
5.4 นายอิสสระ สมชัย รองประธานกรรมการ
5.5 นายถาวร เสนเนียม รองประธานกรรมการ
5.6 นายชุมพล จุลใส กรรมการ
5.7 นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ กรรมการ
5.8 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการ
5.9 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการ
5.10 นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ กรรมการและเหรัญญิก
5.11 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ กรรมการและเลขานุการ
5.12 นางสาวจิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร ได้รับจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิรายนี้แล้ว เลขทะเบียนลำดับที่ กท 2522 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2557
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 115 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557
อภินันท์ ซื่อธานุวงศ์
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทน
ปลัดกระทรวงมหาดไทย
นายทะเบียนมูลนิธิกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ พบว่า แกนนำ กปปส. ที่บวช และเป็นกรรมการมูลนิธิ ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายวิทยา แก้วภราดัย นายอิสสระ สมชัย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์