xs
xsm
sm
md
lg

แม่ทัพภาคที่ 4 รับบึ้มหลายจุดเพราะมีช่องโหว่ รปภ.งานกาชาดยะลา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ท.ปราการ ชลยุทธ (แฟ้มภาพ)
“พล.ท.ปราการ” ยอมรับบึ้มยะลาหลายจุดเกิดจากช่องโหว่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยงานกาชาด เบื้องต้นคาดวัยรุ่นในพื้นที่กระจายกำลังนำระเบิดมาวาง ชี้โจรใต้ก่อเหตุเพื่อแสดงศักยภาพ พร้อมตอบโต้เจ้าหน้าที่หลังแก้ปัญหาความไม่สงบได้ผล สามารถดึงชาวบ้านในพื้นที่ให้มาร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ได้อย่างมาก

พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4 ส่วนหน้า (ผอ.รมน.ภาค4 สน.) กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ จ.ยะลา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า คนร้ายได้ใช้วัตถุระเบิดขนาดเล็กหรือไปป์บอมบ์ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมามีการจัดงานกาชาด จ.ยะลา ได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลโดยรอบ แต่เน้นดูแลความปลอดภัยทางทิศใต้ของงานทำให้เกิดช่องโหว่ทางทิศเหนือ โดยระเบิดนำเข้ามาโดยตัวบุคคลขี่จักยานยนต์มาวางแล้วก็ขี่รถหนีไป สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดเสียงดัง แต่อาคารบ้านเรือนไม่ได้รับความเสียหายมากนัก และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 10 กว่าคน ทราบว่าขณะนี้ยังมีเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 2-3 คน และจะกลับบ้านได้ในวันนี้

พล.ท.ปราการกล่าวว่า จากการประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่าช่วงที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้ทำงานทางการเมืองมากขึ้น และได้ผลดีโดยสามารถเข้าไปในหมู่บ้านเป้าหมายที่เรียกว่าบ้านอำนาจรัฐซ้อน โดยใช้งานการเมืองนำการทหาร ทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ได้ดูแลทุกพื้นที่ ร่วมกินร่วมนอนกับประชาชนทำให้ได้ใจจากประชาชนจนทำให้ประชาชนตอบรับ ถือเป็นความก้าวหน้าทางยุทธศาสตร์ที่ตนได้ดำเนินการมา อาจทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเกิดความถดถอยจึงต้องสร้างสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมให้ดูว่ายังมีความรุนแรง อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการติดตามจับกุมจากงานข่าวที่ประชาชนแจ้งมา จนสามารถเชิญตัวกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และควบคุมตัวผู้ที่ก่อความไม่สงบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการเก่าได้ รวมถึงกรณีทุ่งยางแดงโมเดลที่ประชาชนออกมามีส่วนร่วมรักษาความปลอดภัยบนถนนวันละประมาณ 20,000 กว่าคน ค่อนข้างชัดเจนว่าประชาชนไม่ชอบความรุนแรง และไม่เอาความรุนแรง ต้องการความสันติสุขและการพัฒนา เพราะฉะนั้นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต้องต่อสู้กับทุ่งยางแดงโมเดลที่เจ้าหน้าที่ขับเคลื่อนอยู่

“ต่อจากนี้ยังคงใช้ยุทธศาสตร์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมเหมือนเดิม ประชาชนของเราต้องร่วมมือในการแสดงตัวว่าไม่ได้นำอาวุธอะไรมา ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นอย่างละเอียด การผ่านด่านอาจมีความลำบากมากขึ้น แต่ก็ขอความร่วมมือ หากประชาชนมีความเข้าใจ ผมมองว่าจะทำให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในเขตเมืองได้ สำหรับกำลังเจ้าหน้าที่ขณะนี้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ พี่น้องประชานถือเป็นแกนสำคัญที่จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐสอดส่องดูแลและเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่”

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ พล.ท.ปราการกล่าวว่า ทั้งสองท่านได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลาและมีความห่วงใย ได้สั่งการให้ดูแลประชาชน กำลังพล และมาตรการที่วางไว้ พร้อมทั้งให้ทบทวนว่าเราทำมาถูกต้องหรือยัง และต้องเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ โดยทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกเรื่อง

ส่วนเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจะส่งสัญญาณถึงการพูดคุยสันติสุขหรือไม่นั้น พล.ท.ปราการกล่าวว่า จากเวทีที่เราจัดในพื้นที่ จำนวน 100 กว่าครั้ง ทำให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วม รวมทั้งกลุ่มผู้เห็นต่างก็ออกมาแสดงความชัดเจนว่าต้องการให้เกิดความสันติสุขและต้องการการพูดคุย สำหรับความคืบหน้าการติดตามตัวผู้ก่อเหตุนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานและตรวจสอบ เบื้องต้นจากกล้องวงจรปิดคาดว่าจะเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์กระจายนำวัตถุระเบิดไปไว้ยังจุดต่างๆ โดยสันนิษฐานว่าจะมีการจุดระเบิดด้วยนาฬิกาหรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งขอตรวจสอบอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่วิสามัญฆาตกรรมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก่อนหน้านี้หรือไม่ พล.ท.ปราการกล่าวว่า ในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่จะใช้หลักการเจรจาให้มากที่สุดและใช้วิธีการวิสามัญฯ ให้น้อยที่สุด หรือไม่มีเลย โดยจะใช้การเชิญตัวที่เป็นกรอบการปฏิบัติตามหลักสันติวิธีของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เมื่อเรารู้ข่าวจากการแจ้งเตือนหรือการสืบทราบจะใช้ผู้นำท้องถิ่นเข้าไปพูดคุยกล่อมเกลาให้ออกมาแสดงตัว ในวันนี้พบว่ามีเป็นจำนวนมากที่เราสามารถทำได้ในกรอบนี้เราเรียกว่าสันติวิธี

ต่อข้อถามว่า ทางการข่าวก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเรื่องภัยคุกคามหรือไม่ พล.ท.ปราการกล่าวว่า ตนเคยแจ้งผ่าน กอ.รมน.จังหวัด และทุกพื้นที่ว่า แม้ว่าจะไม่มีงานข่าวชัดเจนว่าจะมีภัยคุกคามลักษณะเช่นนี้แต่ในสายตาของคนที่ดูแลเรื่องความมั่นคงจะต้องมีการเตรียมพื้นที่และเตรียมบุคคล อีกทั้งต้องรู้จักวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง และมีแผนการรองรับเหมือนบ้านที่ไม่เคยเกิดไฟไหม้ ก็จะต้องมีแผนป้องกันไฟไหม้เช่นเดียวกับในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว แม้ว่าจะไม่มีข่าวมาก่อน แต่ทุกส่วนทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองต้องรู้จัดการเตรียมแผนป้องกันและให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกมาดูแลพื้นที่ของตนเองและการวางแผนต่างๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น