“ประยุทธ์” ย้ำไม่ต่อสัมปทานหวย แต่จะปรับโควตาตามความเหมาะสม ลั่น 16 มิ.ย.ต้องขาย 80 บาท ถ้าทำไม่ได้เลิก ฝากสื่อขุดคุยรัฐบาลที่ผ่านมา หลัง รมช.คลังแฉมีการกินหัวคิวหวยปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการจัดโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า ต้องไปดู โดยให้มีการสมัครขึ้นมาแล้วนำไปคำนวณดูสัดส่วนความน่าจะเป็น แต่อย่าไปกังวลว่ามีความไม่เป็นธรรม ซึ่งตนไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นธรรม เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เสนอขึ้นมาว่าใครต้องการอะไร แค่ไหน อย่างไร แต่อยู่ที่ว่าเราจะตัดสินให้เขาเท่าไหร่ซึ่งมีอยู่ 4 ส่วน คือ 1. ส่วนของรัฐ หรือมูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 2. สมาคม 3. ส่วนราชการ และ 4. ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งต้องแยกแยะ ระหว่างคนที่ได้โควตา และผู้ขายสลากฯ คนที่ได้โควตาบางส่วนไม่ได้เป็นผู้ขายเอง มีการขายกลับไปกลับมา ไปรวมเล่มบ้าง ขั้นตอนทั้งหมดอยู่ในช่วงตรงกลาง วันนี้สิ่งที่ให้ไป คือ มีการจำหน่าวยสลากสองที่ตามสัดส่วนโควตา โดยทางคณะกรรมการจะเป็นผู้เสนอ ซึ่งจะไม่มีการต่อสัมปทาน แต่จะมาปรับโควตาตามความเหมาะสม เพราะไม่มีกฎหมายชัดเจนว่าใครจะต้องได้โควตาเท่าไหร่ ซึ่งโควตาสลากส่วนใหญ่อยู่ที่มูลนิธิ กับสมาคม เพราะฉะนั้นต้องแบ่งสัดส่วนตรงนี้ออกมาให้ได้ และสิ่งที่ตนเองได้สั่งไปชัดเจนคือ ตัวตั้งต้นราคาที่ออกจากกอสลากไปยังจังหวัดและพื้นที่ส่วนกลาง กับราคา 80 บาทต้องมีตัวเลขที่เหมาะสม
“ยอมรับว่าไม่สามารถควบคุม ว่าใครจะโกงอะไรตรงไหนได้ เพราะคนไม่ชอบทำตามกติกา ถ้าหากว่ารับโควตาไปแล้ว แล้วส่งต่อให้คนขายสลากฯ 80 บาท ดูว่าส่วนต่างเป็นอย่างไร เมื่อขายกลับคืนมาเพื่อไปสู่กลุ่มอื่นๆ ราคาก็จะไม่ขึ้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนของโควต้าสลากของมูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 14.9 ล้านฉบับ จะต้องตัดทิ้งหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเกลี่ยอยู่ เช่น ให้คนพิการ แต่ต้องห้ามนำไปขายต่อ และถ้าพบว่าขายต่อจะยึดคืนทั้งหมดเอาโควตามาเก็บไว้ในสวนกลางก็ได้ ทั้งหมดจะต้องดูว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยให้คณะกรรมการเป็นผู้พิจารณา
“เรื่องขายสลากฯ ในราคา 80 บาท ผมพูดไปนานแล้ว ว่าในวันที่ 16 มิ.ย. 2558 จะต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกขาย พอใจหรือยัง เพราะฉะนั้นถ้ามีการรั่วไหลต้องสอบสวนลงโทษ เอาโควตาคืนก่อน ไม่อยากทำอะไรรุนแรงเกินไป คนเดือดร้อนมีเยอะ คนขายสลากเป็นล้านคน ถ้าผมเลิกขาย คนพวกนี้จะโวยไหม เขาจะกินอะไรกัน ตอบให้ผมหน่อย อำนาจใช้ได้แต่จะเกิดผลกระทบกับใครบ้าง เราไม่สามารถทำให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเราไม่ได้ไปเดินขายกับเขา เพราะฉะนั้นต้องดูปลายทางด้วยว่าจะขายในรูปแบบใด สามารถรวมเล่มได้หรือไม่ แต่นี่ยังไม่ขยายรวมถึงการค้าปลีกหรือหวยออนไลน์ เพราะเป็นทางเลือกเผื่อไว้ ถ้าหากแก้ไม่ได้ก็จะหันมาออกเป็นสลากออนไลน์ ทางสลากฯ จะได้ไม่กล้าขึ้นราคา เพาะตรงนั้นไม่ใช่หวย อย่าเรียกว่าหวย ให้เรียกว่าสลาก เป็นเรื่องของสลาก”
ส่วนที่นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ออกมาเปิดเผยว่า การจำหน่ายสลากฯ มีการกินค้าหัวคิว 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี มีการตรวจสอบอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ต้องตรวจสอบ “ถ้าตรวจสอบจะเดือดร้อนรัฐบาลที่แล้วทั้งหมด ไม่ใช่รัฐบาลผม ผมบอกแล้วว่าอยู่มานานเต็มทีแล้ว ท่านไปไล่รัฐบาลที่แล้วหน่อยซิ ถามให้หน่อยซิว่าเอาเงินเหล่านี้ไปไหนกันบ้าง และผมก็ไม่ได้รับเงินซักสลึง ก็ต้องไปไล่เอา ไปขุดทางนู้น ฝากไปขุดแถวรัฐบาลที่แล้วด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดสรรโควตามีบริษัทเอกชน 2 แห่งที่ได้โควตา 1 ล้านฉบับ จะพิจารณาอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นคนชี้แจง ต้องเปลี่ยนให้ไปบอกประธานบอร์ด ตนไม่ลงในรายละเอียด เมื่อถามย้ำว่ามีผู้ถือหุ้นนามสกุลเดียวกัน นายกฯ ย้อนถามว่า “เหรอ เดี๋ยวให้ไปเปลี่ยนนามสกุล ญาติพี่น้องกันก็มี ไปดูซิกฎหมายเขาห้ามคนมีนามสกุลเดียวกันหรือเปล่า”