นายกรัฐมนตรี กำชับเจ้าหน้าที่รัฐสั่งห้ามให้ผู้ใดรุกล้ำที่สาธารณะหลังจัดระเบียบอีก หากละเลยต้องรับผิดชอบ อีกด้านหนุนเกษตรกรขุดบ่อน้ำกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์
วันนี้ (10 พ.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่รัฐให้ตรวจตราพื้นที่ ซึ่ง คสช. และเจ้าหน้ารัฐ ได้เข้าไปจัดระเบียบแล้ว อย่าให้มีการรุกล้ำกลับไปใช้พื้นที่โดยไร้ระเบียบอีก ประกอบด้วย พื้นที่สำหรับผู้ค้ารายย่อยริมทางเท้า พื้นที่ชายหาด พื้นที่จอดรถในบริเวณสาธารณะ ตามนโยบายจัดระเบียบสังคมและกวาดล้างผู้มีอิทธิพล
“นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่า จะต้องไม่มีการบุกรุก หรือ ล่วงล้ำเข้าไปใช้พื้นที่ที่จัดระเบียบ หรือ มีประกาศห้ามขายของหรือกีดขวางทางเท้า โดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่นั้นๆ ต้องหมั่นตรวจตรา หากเกิดในพื้นที่ใด ต้องดำเนินการให้กลับสู่ระเบียบกติกาในทันที หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลย จะต้องรับผิดชอบ ขณะเดียวกันผู้บุกรุกฝ่าฝืนระเบียบ เอาเปรียบสังคม ก็ต้องได้รับการลงโทษตามกฎหมายด้วยเช่นกัน” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า หากสิ่งที่รัฐบาลพยายามวางรากฐานและดำเนินการแก้ไขไปปัญหาไปแล้ว ถูกละเลยเพิกเฉย จนต้องเสียเวลากลับมาดูแลกันอีกรอบ จะทำให้ประเทศเสียเวลาและเสียโอกาสในการปฏิรูปเรื่องอื่นๆ อันเป็นการวางรากฐานของชาติที่สำคัญเรื่องอื่นต่อไป
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เนื่องจากหลายพื้นที่ในขณะเริ่มมีฝนตก เป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ฤดูฝนในอีกไม่นานนัก นายกรัฐมนตรี จึงมีแนวทางว่านอกจาก การดำเนินการของภาครัฐที่มีการขุดบ่อน้ำจำนวนมากทั่วประเทศ เกษตรกรในพื้นที่ที่มีความพร้อมน่าจะรวมตัวกันเริ่มขุดลอกแหล่งน้ำ และขุดบ่อน้ำ หรือสระน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำฝน น้ำนอง หรือน้ำจากผิวหน้าดิน เพื่อไว้ใช้ประโยชน์ในอนาคตด้วย เพื่อไม่ให้น้ำฝนสูญเสียไปโดยไร้ประโยชน์
ทั้งนี้ หากพี่น้องเกษตรกรร่วมลงมือด้วยตนเอง จะถือเป็นการผสานพลังกับรัฐบาลที่ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา อาทิ กรมพัฒนาที่ดิน ได้ดำเนินการขุดบ่อน้ำในไร่นาเสร็จแล้ว 16,470 บ่อ จากเป้าหมาย 50,000 บ่อ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลมีการเจาะบ่อบาดาลแล้วกว่า 1,200 หมู่บ้าน จากเป้าหมาย 2,668 หมู่บ้าน เป็นต้น
“รัฐได้เร่งดำเนินการโครงการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเต็มที่ ซึ่งหากพี่น้องประชาชนร่วมมือช่วยกันดำเนินการอีกทางหนึ่ง ก็จะถือเป็น การรวมพลังที่งดงาม ทำให้เกษตรกรและประชาชนสามารถมีแหล่งน้ำกระจายอยู่ทั่วไปในลักษณะแบบเตาขนมครก เป็นหลักประกันในเรื่องการมีน้ำใช้อย่างเพียงพอต่อไปในอนาคต” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว