xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” เสนอยึดใบขับขี่ตลอดชีวิตพวกผิดซ้ำซาก ลั่นเลิกขายลอตเตอรีชั่วคราวหากแก้ราคาแพงล้มเหลว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” เสนอยึดใบขับขี่ตลอดชีวิตพวกขับรถยนต์ที่ทำผิดซ้ำซาก ซัดคนที่เคยเป็นรัฐบาลอย่าวิจารณ์รัฐธรรมนูญ เพราะตอนมีอำนาจไม่ทำอะไรจึงมีปัญหาถึงวันนี้ ยังอุบเรื่องประชามติ บอกขอพิจารณาอีกครั้ง พร้อมลั่นลอตเตอรี่งวด มิ.ย. ต้อง 80 บาท ราคาเดียว ขู่แก้ไม่สำเร็จเลิกขายชั่วคราว เพื่อจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด

วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันฉัตรมงคล 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่า นับเป็นมหามงคลของปวงชนชาวไทย ที่มีโอกาสเฝ้ารอรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ในการเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ จากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ภายในพระบรมมหาราชวัง เพื่อประกอบพระราชพิธีฉัตรมงคล โดยตลอดระยะเวลา 70 ปี ตั้งแต่ 2489 ถึง 2558 นั้นพระองค์ทรงครองราชย์ ได้ยึดมั่นในพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ยังความสงบสุขแก่พสกนิกรชาวไทยตลอดมา ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ สิ่งที่เราชาวไทย ยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมานอกจากการประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือนและสถานที่ราชการ การร่วมทำบุญตักบาตร ประกอบพิธีทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศลและถวายพระพรชัย อย่างพร้อมเพรียงกันแล้วนั้น ขอเชิญชวนพี่น้อง ประชาชนชาวไทยทุกท่าน ร่วมกันทำความดี เพื่อพ่อตลอดปี และตลอดไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงมาตรการจัดระเบียบสังคมด้วยว่า นอกเหนือจากการจัดระเบียบสังคมที่ คสช. ได้ดำเนินการมาเกือบ 1 ปีแล้วนั้น ยังต้องมีการสร้างจิตสำนึกทางสังคมในเรื่องของการใช้รถใช้ถนน วินัยการจราจรควบคู่ไปด้วย เนื่องจากปัจจุบันอุบัติเหตุบนท้องถนนมีเป็นจำนวนมาก เกิดจากการไม่เคารพกฎหมาย และดื่มสุรา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามกวดขันอยู่ ทั้งนี้อาจมีการเพิ่มมาตรการกำหนดจำนวนใบสั่งกี่ครั้งต่อปีจะต้องเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ เป็นต้น สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้ขับขี่รถจักรยาน จนบาดเจ็บเสียชีวิต ในช่วงนี้หลายรายด้วยกันนั้น ผู้กระทำผิดอาจจะต้องยึดใบอนุญาต และห้ามการขับรถไประยะเวลาหนึ่ง หากไม่เข็ดหลาบกันก็เพิกถอนตลอดชีวิต

สำหรับการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และปัญหาการค้ามนุษย์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า เป็นคนละส่วนกัน แต่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน โดยเรื่องการภาคทัณฑ์ หรือใบเหลืองการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) ของสหภาพยุโรป (EU) นั้น ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการในส่วนของการปรับปรุงกฎหมายหลายเรื่อง โดย พ.ร.บ.การประมงได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว และจะมีผลใช้บังคับ 27 มิ.ย. 58 ต่อไปก็จะเร่งรัดกฎหมายลูกอีกหลายฉบับ นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายแก้ไขปัญหา และศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นศูนย์เฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหา IUU ในทันที ไม่ต้องรอ พ.ร.บ.การประมงฯ และกฎหมายลูกอื่นๆ ซี่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกระยะหนึ่ง รวมทั้งได้จัดคณะทำงานเดินสายชี้แจงเชิงรุกกับ EU และต่างประเทศด้วย

นายกฯ กล่าวอีกว่า กรณีการพบหลุมฝังศพชาวโรฮิงญาในพื้นที่ จ.สงขลา นั้น นายกกล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่บูรณาการงานทั้งระบบ เพื่อแก้ไขและปราบปรามขบวนการค้าแรงงานข้ามชาติ เรื่องนี้มีเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมีทั้งคนในประเทศต้นทาง คนไทยที่เข้าไปร่วมกลางทาง และปลายทางประเทศที่ 3 ร่วมกันเป็นขบวนการ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมด้วย ล่าสุดทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สั่งไปทั้งสิ้น 38 ราย ในส่วนของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยก็กำลังดำเนินการอยู่ เพราะเจ้าหน้าที่จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เนื่องจากเกิดขึ้นมานานแล้ว และหากผลสอบสวนถึงใคร ก็ลงโทษทั้งหมด ทั้งวินัยและทางอาญา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อถึงความคืบหน้าของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญว่า วันนี้มีความก้าวหน้าไปตามโรดแมป และอยู่ในขั้นตอนที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช. รวบรวมประเด็นที่เสนอให้แก้ไขเพื่อให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างฯพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ดำเนินการไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับ กมธ.ยกร่างฯจะแก้ไขอย่างไร โดยต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงภายในเดือน ส.ค. นี้ แล้วก็ให้ สปช.ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หากไม่เห็นชอบก็ไปร่างกันใหม่ ส่วนเรื่องการทำประชามติจะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง ยังไม่สามารถตอบได้ในเวลานี้ ทั้งนี้ไม่ควรออกมาพูดวิจารณ์รัฐธรรมนูญให้เกิดความเสียหายในเวลานี้ โดยเฉพาะผู้ที่เคยอยู่ในรัฐบาลต่างๆ เพราะตัวเองก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ จึงต้องเขียนกฎกติกามามากขึ้น พอมากขึ้นก็ขัดแย้ง ท่านก็อยากจะกลับมาแบบเดิมๆ มีอำนาจ อ้างอำนาจประชาธิปไตยเป็นของปวงชน ประชาชนเลือกมา อ้างอยู่แค่นี้ แต่ท่านไม่ได้แก้ปัญหาทั้งหมด จึงมีปัญหาวันนี้

“รัฐธรรมนูญเป็นกรอบเดินของยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปประเทศ เป็นเข็มทิศให้ประเทศ เป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน แล้วก็ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิต รวมทั้งบทบาทของไทยในเวทีโลก ในทุกมิติของพลังอำนาจของชาติอีกด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลนี้แม้ไม่ได้จะมาจากการเลือกตั้ง แต่เรามีเอกภาพ ทุ่มเท เสียสละ พยายามทำทุกอย่าง จึงไม่ค่อยทันใจ ทุกคนใจร้อน พยายามเต็มที่แล้ว วันนี้เข้ามา 6 เดือนแล้ว ถ้าเป็นไปตามโรดแมป เหลืออีกไม่เท่าไหร่ จะทำได้แค่ไหนก็อยู่กับเวลาที่เราทำ ก็เต็มที่แล้วกัน จึงอยากให้แก้ไขปัญหาในอดีตให้ได้ก่อน วางรากฐานอันมั่นคง แนวทางปฏิรูปเอาไว้ แล้วใครได้มีโอกาสทำต่อก็ทำไป ถ้ามากดดันตอนนี้ มันยิ่งไปไม่ได้ใหญ่ ในการปฏิรูปประเทศต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ ระยะยาว 10 - 50 ปี ว่าประเทศไทยจะเดินแต่ละช่วงอย่างไร ในส่วนของการวิจารณ์รัฐธรรมนูญขอให้พอแล้ว เราก็เพียงแต่ว่าอยากให้ประเทศชาติสุขสงบ มีเสถียรภาพเหมือนวันนี้

นายกฯกล่าวไปถึงแนวทางแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ว่า สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือเราต้องเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อตัวลอตเตอรี่เขียนไว้ 80 บาท ก็ต้อง 80 บาท ถ้าจะขาย 90 บาทก็ต้องพิมพ์ 90 บาท วันนี้มันพิมพ์ 80 บาทก็ต้องขาย 80 บาท วันนี้ต้องมาดูตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โควต้าต่างๆต้องมาเกลี่ยดูใหม่ให้เกิดความยุติธรรมมากขึ้น และต่อจากนี้สามารถรับสลากได้ 2 ที่ คือที่กองสลากฯและที่ว่าการจังหวัดต่าง ๆ โดยต้องป้องกันการนำโควตาไปขายต่อให้ขาใหญ่ต่างๆ เพื่อไม่ให้มีการบวกราคาหลายขั้น มีการรวมเล่ม การจัดชุด ที่เป็นบ่อเกิดของการทุจริต

“การนำส่งโน่น ส่งนี่ ผมบอกแล้วว่า ไม่ให้มีโดยเด็ดขาด จะจ่ายใคร ผมไม่สนใจ อย่าให้ผมต้องสอบว่าที่ผ่านมาจ่ายใครบ้าง ผมไม่ได้ไปล้วงลึกอะไรขนาดนั้น วันนี้ต้องแก้วันหน้าให้ได้ก่อน เรื่องเก่าเดี๋ยวก็ว่ากันไปทีหลัง การแก้ปัญหาการขายสลากไม่ใช่เรื่องง่าย ผมให้เวลามา 8 เดือนเต็ม ๆ แก้ปัญหาด้วยกฎหมายปกติ ด้วยระเบียบ ข้อบังคบปกติ ก็แก้ไม่ได้ วันนี้ผมใช้มาตรา 44 ในการตั้งกรรมการใหม่ เพื่อจะทำงานให้ได้ ถ้าแก้กันไม่ได้ครั้งนี้ ผมคงต้องเด็ดขาด อาจจะยกเลิกการออกสลากชั่วคราว เพื่อจะจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด” นายกฯระบุ

จากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีในกลุ่มกระทรวงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้ร่วมกันรายงานผลงาน และแนวทางดำเนินนโยบายต่างๆของกลุ่มกระทรวง

คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 8 พฤษภาคม 2558

สวัสดีครับพี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน วันฉัตรมงคล เมื่อ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมานั้น นับเป็นมหามงคลของปวงชนชาวไทยที่ได้มีโอกาสเฝ้าฯ รอรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ในการเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ จากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ภายในพระบรมมหาราชวัง เพื่อประกอบพระราชพิธีฉัตรมงคล

ตลอดระยะเวลา 70 ปี ตั้งแต่ 2489 - 2558 นั้น พระองค์ทรงครองราชย์ ได้ยึดมั่นในพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ยังความสงบสุขแก่พสกนิกรชาวไทยตลอดมา และในโอกาสเป็นมงคลนี้ สิ่งที่เราชาวไทยยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมา นอกจากการประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน และสถานที่ราชการ การร่วมทำบุญตักบาตร ประกอบพิธีทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศลและถวายพระพรชัยอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วนั้น ผมขอเชิญชวนพี่น้อง ประชาชนชาวไทยทุกท่านร่วมกันทำความดีเพื่อพ่อตลอดปี และตลอดไปนะครับ

ส่วนของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมไทย หรือของชาติในปัจจุบันนั้น ได้แก่ เรื่องการจัดระเบียบในสังคม คสช. ดำเนินการมาเกือบ 1 ปี แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดระเบียบรถตู้ รถเมล์ รถจักรยานยนต์รับจ้าง อย่างไรก็ตาม ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างจิตสำนึกทางสังคมนะครับ โดยเฉพาะเรื่องของการใช้รถใช้ถนน วินัยจราจร ปัจจุบันอุบัติเหตุบนท้องถนนยังมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่ผู้ใช้รถไม่ค่อยระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่เคารพกฎหมาย กติกา และการดื่มสุราขับรถ ขับยานพาหนะต่างๆ เหล่านี้ ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนบุคคล รถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุกขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่พยายามกวดขันนะครับ ตั้งแต่การออกใบขับขี่ การใช้รถใช้ถนนตามกฎจราจร ตลอดจนการเพิ่มมาตรการ เช่น ใครโดนใบสั่งเกินกี่ครั้งต่อปี จนต้องเลิกถอนใบอนุญาตขับรถอีกต่อไป แล้วต่อกันใหม่ ในขณะนี้ผมได้เร่งไปหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุที่เกิดจากการขับขี่จักรยาน และมีการบาดเจ็บเสียชีวิตในช่วงนี้หลายรายด้วยกัน กวดขันไปว่าถ้าใครที่ทำให้เกิดความเดือดร้อน เกิดการสูญเสียชีวิตทรัพย์สินช่วงนี้ผมให้เข้มงวด อาจจะต้องยึดใบอนุญาตห้ามการขับรถไประยะเวลาหนึ่ง ถ้ามันไม่เข็ดหลาบก็เพิกถอนตลอดชีวิตไป อันนี้เร่งรัดทางกระทรวงคมนาคมไปแล้ว วันนี้ต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน เจ้าหน้าที่เขาก็เหน็ดเหนื่อย จะบอกว่าเขาทำหน้าที่แต่บางเวลามันก็ไม่ใช่ เขาต้องมาเสริมกันอะไรกัน เบี้ยเลี้ยงวันหนึ่ง 240 บาท ประมาณนั้นแหละต้องอดทนทุกอย่าง ทั้งแดดทั้งฝน ทั้งคนไม่ชอบ คนเกลียดเยอะแยะไป เจ้าหน้าที่ เห็นใจกันสิครับ คนขับรถจักรยาน จักรยานยนต์ รถยนต์ รถบรรทุก ต้องเผื่อแผ่แบ่งปันกัน ระมัดระวังกันด้วย ไม่ใช่ว่าไม่รับผิดชอบใครเลย มุ่งเน้นแต่ประโยชน์ของตนเอง มันก็ อะไรก็ทำไม่ได้ทั้งสิ้น แก้ไขอะไรไม่ได้ทั้งหมด ใช้กฎหมายอย่างเดียวก็ไม่ได้ รัฐบาลไปแก้อย่างเดียวก็ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ มันต้องทุกคนช่วยกัน

เรื่องต่อไปคือเรื่องการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายและปัญหาการค้ามนุษย์ นี่มันคนละเรื่องกัน แต่มันเกี่ยวพัน เชื่อมโยงกัน

ความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ มีดังต่อไปนี้ กรณีอียูออกใบเหลือง IUU และการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ รัฐบาลก็ดำเนินการโดยใช้มาตรการต่างๆ พร้อมกันโดยไม่รีรอ เพราะกฎหมายบางฉบับ บางเรื่อง ยังไม่ทันสมัย ไม่ได้ออก ไม่ได้มีไว้ วันนี้เราก็เร่งรัดเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหา ก็ทำควบคู่กัน ใช้มาตรา 44 ร่วมกับกฎหมายปกติที่เสนอเข้าไปใหม่ เพื่อพิจารณาใน สนช. แต่มันรอไม่ได้ไง รอไม่ได้ก็ต้องใช้มาตรา 44 ไปขับเคลื่อน แล้วก็ใช้กฎหมายปกติให้ทำงานให้ได้ ร่วมกัน เท่านั้นเอง

ในด้านนโยบายนั้น จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายแก้ไขปัญหาไปแล้ว มอบหมาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รัฐมนตรีกลาโหม ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติ ในระดับนโยบายอย่างที่ผมได้กำหนดไว้แล้ว

ด้านกฎหมายผลักดัน พ.ร.บ. การประมง ได้สำเร็จดีแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ต้องเร่งรัดออกกฎหมายลูกอีกหลายกฎหมายอีกหลายตัว เพราะหลายกระทรวงด้วยกัน ก็ทำคู่ขนานกันไปให้มีผลบังคับโดยเร็ว ทันทีที่ พ.ร.บ. การประมง มีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ ก็จะมีการลงโทษทั้งทางแพ่ง และอาญา ต่อผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง

ในส่วนด้านการปฏิบัติที่เรียนไปแล้ว ปัญหาด้านกฎหมายที่กำลังออกอยู่ไม่ทันการ คสช.อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นศูนย์เฉพาะกิจ ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้บัญชาการศูนย์ สำหรับการบูรณาการงานทั้งปวง เพื่อแก้ไขปัญหาโดยทันที ไม่ต้องรอ พ.ร.บ.การประมง และกฎหมายลูกอื่น ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการ จะเน้นในเรื่องของการจดทะเบียนเรือประมง แรงงาน การติดตั้งระบบวีเอ็มเอส การจัดตั้งศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า - ออก มีตั้ง 301 ท่า ที่จะต้องเข้า - ออกตามนั้น และเรื่องอาชญาบัตร จะต้องตรวจสอบทั้งหมด เข้า - ออกเวลาไหน เครื่องมือเป็นอย่างไร ลูกเรือเป็นอย่างไร ถูกต้องหรือเปล่า ถึงจะออกไปได้ กลับมาก็ต้องตามเวลา และมีการตรวจสอบย้อนหลังได้ ขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ ยกร่างแผนดำเนินการระดับชาติไว้ด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาในภาคประมงทุกเรื่อง และเสนอต่อที่ประชุม ครม. ภายในอาทิตย์หน้า เราไม่ได้ทำกันไว้เลย เป็นแต่ละกระทรวง กฎหมายแต่ละกฎหมาย ทำอย่างนี้มาตลอด วันนี้ ต้องเป็นแผนชาตินะครับ

ด้านการสร้างความเข้าใจกับอียูและต่างประเทศ ได้จัดคณะทำงานช่วยกันเดินสายชี้แจงเชิงรุกทุกกระทรวง สร้างความมั่นใจ สร้างความเข้าใจ และแนวทางเจตนารมณ์ของเราในการแก้ปัญหา มาตรการต่างๆ ที่เริ่มต้นขณะนี้ในการแก้ปัญหา ไอยูยูอย่างต่อเนื่อง กรณีการพบหลุมฝังศพชาวโรฮีนจา ผมขอเรียนว่ามันเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่เอาจริงเอาจังในช่วงนี้ ที่ผ่านมา มีการกระทำอยู่ จะเห็นได้ว่ามีเรื่องนี้มานานแล้ว ทางฝ่ายความมั่นคงได้ดำเนินการตลอด แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าการดำเนินการทั้งระบบมันทำไม่ได้ โดยมีความผิดพลาดเท่าที่ควรนะครับ เพราะฉะนั้น การแก้ปัญหาเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับเรื่องของแรงงานข้ามชาติด้วย กฎหมายระหว่างประเทศด้วย เยอะแยะไปหมด เราต้องแก้ทั้งระบบ ปราบปรามทั้งกระบวนการ ซึ่งมีตั้งแต่ต้นทาง จากคนในประเทศต้นทางนั่นแหละ และกลางทางคือไทย มีคนไทยร่วมด้วย เชื่อมต่อกัน ปลายทางก็ประเทศที่สามที่เขาจะไปนั่นแหละ มีคนทั้ง 3 ประเทศอยู่ในขบวนการ และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมด้วย

เมื่อเช้านี้ ตามที่สั่งการไปแล้ว ทางกรมตำรวจรู้สึกจะปรับย้ายออกมาจากตำแหน่งทั้งสิ้น 38 คน ในส่วนของกรมการปกครองของกระทรวงมหาดไทย กำลังดำเนินการอยู่ คือจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้นมานานเต็มทีแล้ว วันนี้เราเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นผมเคยบอกไว้แล้วเรื่องความมั่นคงให้เป็นประเด็นหลัก เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และอย่าโทษกันไปโทษกันมา วันนี้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวม ก็จะเร่งดำเนินการทั้งหมดขอให้เชื่อมั่นเราว่า เรามีความตั้งใจในการแก้ปัญหา พวกเราต้องเห็นอกเห็นใจ สิทธิมนุษยชนด้วยอะไรด้วย ต้องดูแลเขาด้วย การลงโทษดำเนินการไปบ้างแล้วนะครับ รายอื่นๆ ใหญ่ๆ สอดถึงใครก็ลงโทษหมดทั้งวินัยและอาญาด้วย

ในเรื่องของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ก็มีความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ อยู่ในขั้นตอนตามโรดแมป ครม. คสช. จะต้องรวบรวมในสิ่งที่อยากจะให้แก้ไข อยากให้ปรับปรุงส่งเข้าไปให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญดูอีกครั้งหนึ่ง สปช.เขาทำไปแล้วใช่ไหมครับ ทั้งหมดจะไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และขึ้นอยู่กับ กมธ.จะแก้ไขอย่างไร ถ้าไม่แก้ไข ถ้าจะนำเสนอขึ้นไปเพื่อโปรดเกล้าฯ ก็ต้องผ่านการทำประชามติก่อน ในเรื่องคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ต้องรับข้อทักท้วงข้อวินัยจากทุกฝ่ายนะครับ ในส่วนของ ครม. คสช.ไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงนะครับ ภายในเดือนสิงหาคม และจะให้ สปช.ลงมติเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ ไม่เห็นชอบก็ร่างกันใหม่ ส่วนใครจะทำประชามติหรือไม่นั้น คงต้องหลังจากนั้นแล้วจะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง ผมไม่สามารถจะตอบได้เวลานี้ มันต้องวิธีการแก้ปัญหาจนได้ ถ้าเราร่วมมือกัน ไม่ขัดแย้งกัน ไม่ถกเถียงกันไม่รู้จบ มันก็ไปกันจนได้ คสช. จะพิจารณาให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้มากที่สุด

หลักการที่ผมอยากจะฝากไว้ก็คือว่า ทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะร่างกฎหมาย ร่างรัฐธรรมนูญ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีความพึงพอใจ รับได้ ด้วยตัวของพี่น้องประชาชนเอง ไม่อย่างนั้นเราก็ถูกชี้นำ แล้วมันทำให้เกิดความขัดแย้ง รัฐธรรมนูญจะต้องทำให้ต่างชาติเขายอมรับได้ ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือว่าเพื่อการปฏิรูป มันก็ต้องไปเพิ่มตรงไหน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปใส่กันมาเถอะ ถ้าใส่ทุกอย่างเข้าไปในรัฐธรรมนูญ มันก็ยาว มันก็เยอะ แล้วข้อถกเถียงมันก็ไม่จบไม่สิ้นเสียที ก็ไปว่ากัน

แล้วคนที่ออกมาพูดวิจารณ์รัฐธรรมนูญวันนี้ ถ้าเคยบริหารราชการแผ่นดินมาแล้ว ในรัฐบาลต่างๆ มาแล้ว ก็ไม่ควรจะพูดให้เสียหายนะ เพราะว่าตัวเองก็ไม่ได้ทำอย่างที่เขาแก้ เพราะว่าไม่ได้ทำไง เขาเลยต้องเขียนกฎกติกามามากขึ้น พอมากขึ้นมันก็ขัดแย้ง ท่านก็อยากจะกลับมาแบบเดิมๆ มีอำนาจ อ้างอำนาจประชาธิปไตยเป็นของมวลชน ประชาชนเลือกมา อ้างอยู่แค่นี้ แต่ท่านไม่ได้แก้ปัญหาทั้งหมด มันก็เลยเป็นปัญหาวันนี้ไง ผมถึงต้องมายืนพูดกับท่านวันนี้ไง

เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้มันอาจจะไม่เหมือนปกติ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ต่างชาติก็ยอมรับได้ แล้วก็เป็นส่วนของการปฏิรูปด้วย อันนี้เป็นความสำคัญของประเทศไทย และเป็นการแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย ซึ่งจะต้องมั่นคงและยั่งยืน ที่ผ่านมามันก็เปลี่ยนกันไปเปลี่ยนกันมา ไม่รู้กี่ฉบับแล้ว การจัดระเบียบสังคม การแก้ปัญหาร้ายแรงของชาติ การสร้างความเข้มแข็ง ทุกภาคส่วน การมีธรรมาภิบาลให้กับนักการเมือง รัฐบาล ข้าราชการ ลด ละ เลิก สิ่งที่่่ทำให้ประเทศถอยหลัง วันนี้ คสช.ทำทุกอย่าง แต่คงทำคนเดียวไม่ได้ ต่อให้มีกฎหมายอะไรมากกว่ามาตรา 44 หรือกฎอัยการศึกก็ตาม ก็ทำไม่ได้หรอกถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ทั้งฝ่ายการเมือง ภาคประชาชน ภาคเอกชน อะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ต้องช่วยกันนะ

เรื่องสลากกินแบ่ง ผมเห็นมันเป็นความเดือดร้อนมานานแล้ว บางคนบอกเป็นเรื่องเล็กน้อย รัฐบาลไม่เห็นน่าจะต้องมายุ่งวุ่นวาย แล้วทำไม่ได้ ผมจะทำให้ได้ มีหลายมาตรการนะครับ เพราะสิ่งสำคัญประการหนึ่งคือเป็นตามกฎหมาย คือ ตัวล็อตเตอรี่เขียนไว้ 80 บาท ก็ต้อง 80 บาท ถ้าจะขาย 90 ก็ต้องพิมพ์ 90 วันนี้มันพิมพ์ 80 ต้องขาย 80 และวันนี้เราต้องมาเคลียร์ใหม่ตั้งแต่ต้นทาง ปลายทาง ต้นทางคือที่กองสลากใช่ไหม โควตาต่างๆ เกลี่ยดูใหม่ อันไหนหมดอายุไปแล้ว ก็ปรับเพิ่มโควตาตรงนู้นตรงนี้เพิ่มเติมให้เกิดความยุติธรรมมากขึ้น เพราะฉะนั้น ในส่วนการต่อไปนี้ เดือนมิถุนายน รับสลากได้ 2 ที่ 1 คือรับที่กองสลากนะครับ อันนี้คือส่วนกลาง สำหรับจังหวัดต่างๆ ไปรับที่จังหวัด เพราะฉะนั้นแต่ละส่วนตรงนี้ มันต้องมีโควต้า มีผู้รับสลากชัดเจน และการที่มีผู้รับได้โควต้าไป ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ขายเอง ได้โควต้าแล้วไปขายต่อ มันอาจจะมี มีได้แค่ขั้นตอนเดียวนะ ได้โควต้าแล้วไปให้กับผู้ขายไปขาย มันจะได้มีกำไร ไม่ใช่ไปขายต่อไปอีกเรื่อยๆ 3 4 ขั้น มันก็บวกเรื่อยๆ 70 80 90 สุดท้ายมันก็ไปออกสุดท้ายที่เดินตลาด 90 แล้ว จะขาย 80 ได้ไง วันนี้ ก็ลดราคาสลากไปแล้ว รัฐบาลได้เงินลดลงจาก 28% เหลือแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ของงบ ของรายรับนะ รางวัลก็ไม่ได้ลด ในส่วนของตรงนี้มันต้องคิดส่วนต่างให้เท่ากันทั้งหมด เพราะฉะนั้น มันอยู่ที่ความซื่อสัตย์ต่อกัน ถ้าท่านซื่อสัตย์ ท่านก็รับกติกาตัวนี้ มันขายได้ 80 เพราะฉะนั้น คนที่ได้โควตาไป ถ้าไม่ขายเองจะไปให้คนอื่นขายต่อ คนเหล่านี้ต้องมีกำไร เดินขาย มีค่าใช้จ่ายเขา เท่านั้นแหละ ถ้าขายต่อให้คนนี้ คนนี้ไม่ขาย เอง ไปขายต่ออีก นี่มันเป็นอย่างนี้มาตลอดแหละ เพราะฉะนั้นโทษใครไม่ได้หรอก ต้องโทษในกระบวนการกันเองนั่นแหละ มันเป็นบ่อเกิดของการทุจริต และมีการนำส่งโน้นส่งนี่ ผมบอกแล้วว่า ไม่ให้มีโดยเด็ดขาด จะจ่ายใครผมไม่สนใจ อย่าให้ผมต้องสอบว่า ที่ผ่านมาจ่ายใครบ้าง ผมไม่ได้ไปล้วงลึกอะไรขนาดนั้นแล้ว วันนี้ต้องแก้วันหน้าให้ได้ก่อน เอาวันเก่ามายังไม่ได้ เดี๋ยวว่ากันไปที่หลัง

เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาการขายสลากนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ผมให้เวลามา 8 เดือนเต็มๆ ในการแก้ไขปัญหาด้วยกฎหมายปกติ ด้วยระเบียบข้อบังคับปกติก็แก้ไม่ได้ วันนี้ผมใช้มาตรา 44 ในการตั้งกรรมการใหม่ และเพื่อจะทำงานให้ได้โดยใช้มาตรา 44 นี่แหละ ปัญหาอย่างเดียวคือ คนได้โควตาแล้วไม่ขายจริง ก็จะมีขาใหญ่ไปรับซื้อแล้วบวกราคาเข้าไปอีก มีการรวมเล่ม การจัดชุด ผมถามว่ามันจะมาจากไหน ก็มาจากคนที่ได้โควตาไปนั่นแหละ มาขายคืนเขาๆ เพราะฉะนั้นที่ว่า 5 เสือ 5 สิงห์ มันก็แข็งแรงขึ้น มันกลับไปอีกทีมันก็แพง เรื่องแค่นี้นะ

เพราะฉะนั้นถ้ามันแก้กันไม่ได้ครั้งนี้ ผมคงต้องเด็ดขาด อาจจะต้องยกเลิกการออกสลากชั่วคราว เพื่อจะจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด ก็ต้องทำใหม่ เพราะว่าไม่อย่างนั้นมันก็ไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายรวมทั้งประชาชนช่วยกันนะครับ รองวดมิถุนายนถ้ามีการขายเกินราคาที่ใดอีกแจ้งมา ต้องขาย 80 เท่านั้น รับสลากได้ที่กองสลาก กับที่จังหวัดเท่านั้น โควตามีการปรับเพิ่มเติมให้

เพราะฉะนั้นพวกบรรดาพ่อค้า สมาคม มูลนิธิต่างๆ อย่าให้ผมรู้ว่า ท่านเอาไปขายต่อ ไม่ได้ขายเองโดยสมาชิกของท่าน ไม่ได้ ต้องช่วยกัน เป็นสิ่งเดียวที่ประชาชนเข้าถึงในขณะนี้ ผมไม่ได้สนับสนุนการเล่นการพนันเลย เพราะเป็นเรื่องของประชาชนยังมีความต้องการอยู่

ในเรื่องเศรษฐกิจนะครับ เรื่องราคาสินค้าการเกษตร ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจโลกวันนี้ อาเซียนยังมีปัญหาอยู่นะครับ อย่าไปเปรียบเทียบกับประเทศที่เขาแข็งแรงแล้ว หรือประเทศที่มีอุตสาหกรรมหลักอยู่แล้ว เราเป็นประเทศเกษตรกรรม แล้วเราไม่มีความเข้มแข็งเลย ผมจะบอกให้ ไม่มีเลยนะผมเข้ามา ที่ไม่ได้ทำคือ เราไม่ได้แก้ไขปัญหาโครงสร้างมาก่อน การเกษตรเข้มแข็งอย่างไรไม่ได้ทำ แก้ปัญหาเฉพาะกาลเฉพาะกิจไปเป็นหน้าๆ ไป มันไม่ได้ ต้องใช้ความร่วมมือภาคส่วนต่างๆ ร่วมมือด้วย การบูรณาการทุกกระทรวง ไม่ใช่ว่าเกษตรปลูกอย่างเดียวเท่าไรก็ได้ สนับสนุนการปลูกเข้าไปราคามันสูงปลูกไป เกษตรกรก็ปลูกตามกันหมด พาณิชย์ก็ไปหาตลาด หน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ไปหาตลาด แล้วมันจะหาได้ไหมครับ มันต้องเริ่มมาจากความต้องการก่อน ใช่ไหม แล้วถึงกำหนดความต้องการของในประเทศ ต่างประเทศอย่างไร หาตลาดได้ไหม และอะไหล่ไว้เท่าไร มันวุ่นไปหมด ถ้าไม่ได้เตรียมการอย่างนี้ วันนี้ทำอยู่ ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราพยายามจะไม่จ่ายเงินเป็นเงินเปล่าๆ ไป มันประชานิยมแบบนั้นไม่ได้ ก็ต้องช่วยเหลือ 1. บรรเทาความเดือดร้อน 2. สร้างความเข้มแข็งในการผลิต ไม่อย่างนั้นมันก็ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่ไม่ดี ผู้มีอิทธิพล ข้าราชการที่มิชอบ

เพราะฉะนั้นเหล่านี้ต้องปรับปรุงทั้งระบบ เกษตร สินค้าเกษตร ข้าว ยาง ปาล์ม มันสำปะหลัง อ้อยต่างๆ ทั้งหมด ต้องปรับทั้งหมด ทั้งพื้นที่ปลูก ทั้งพันธุ์ปลูกก็ไม่ให้มีระบบผูกขาด รัฐต้องสร้างแหล่งเมล็ดพันธุ์หลัก กระทรวงเกษตรฯ ต้องสร้างกระทรวงการข้าว และไปขยายพันธุ์หลักไปให้ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ของชาวไร่ ชาวนาที่เป็นสหกรณ์สร้างขึ้นมา ท่านบอกว่า ท่านถูกผูกขาดในเรื่องเมล็ดพันธุ์อะไรเหล่านี้ นี่ไงกำลังทำตรงนี้ ถ้าไม่ทำตรงนี้แล้วท่านจะโทษใคร เพราะเราเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย เสรีทางการค้า เข้าใจตรงนี้ด้วย เราเร่งตรงนี้ เพราะวันนี้มาเร่งสมัยเรานี่แหละ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้ และในส่วนของคนอื่นๆ ที่มีรายได้น้อย เช่น พ่อค้าแม่ค้า รับจ้าง แรงงาน มอเตอร์ไซค์รับจ้างเหล่านี้ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แม่บ้านทำกันอยู่ต้องมาขึ้นทะเบียนแรงงานให้หมด ให้กระทรวงแรงงาน มหาดไทย เกษตรฯ พาณิชย์ วิทยาศาสตร์ฯ ร่วมกันขึ้นบัญชีทั้งอาชีพรายได้ จะได้ดูแลกันทั่วถึงและเป็นธรรมมากน้อยมันแล้วแต่ความจำเป็น แล้วแต่ความเร่งด่วน ด้านเกษตรกร แรงงาน หรือผู้รับจ้างทั้งหมด และวันที่ 1 เขาก็มากันเยอะนะครับ ก็อยากจะเข้ามามีส่วนร่วมมันจะได้ต่อกันถึงเรื่องประกันสังคมต่อไปอีก ไม่อย่างนั้นก็ขาดกันอย่างนี้ ขายก๋วยเตี๋ยวเอาหมด ขึ้นบัญชีเลยนะครับ เราจะได้ช่วยท่านได้ ไม่อย่างนั้นท่านก็โวยวายว่า ไม่มีเงินแย่อยู่แล้ว อะไรอยู่แล้ว ก็มันไม่ขึ้นบัญชีจะให้ทำอย่างไร

เอสเอ็มอีเหมือนกัน วันนี้เข้ามาขึ้นบัญชีมากขึ้น เอสเอ็มอีมีทั้งขยายในประเทศ ขยายไปต่างประเทศ ที่เข้าเกณฑ์ก็จะมีเงินทุนให้ อันที่ 3 คือในส่วนของเอสเอ็มอีที่จะล้มละลาย ที่ใกล้จะปิดกิจกรรม ยังมีอยู่แต่ขาดเงินทุน นี่จะไปดูให้ อันที่ 4 คือที่มันล้มไปแล้วไวๆ นี้ แต่น่าจะยังมีศักยภาพอยู่ ก็จะไปฟื้นฟูขึ้นมา มันต้องแบ่งกันเป็นส่วนๆ ถ้าท่านไม่ขึ้นบัญชีกับเรา ไม่จดทะเบียน มันจะช่วยได้มั้ยล่ะครับ มันจะช่วยไหวมั้ยล่ะ เอสเอ็มอีทั้งหมด 2 ล้านกว่าราย เอาแค่รายละบาท ก็ 2 ล้านกว่าบาทแล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนก็ต้องการ 10 ล้าน 15 ล้าน บางรายก็แสนเดียว 2 แสน 3 แสน ทุกคนต้องการมากหมด เกษตรก็ต้องการ เอสเอ็มอีก็ต้องการ การลงทุนพื้นฐานประเทศก็ต้องการ ข้าราชการส่วนต่างๆ ก็ต้องการ ต้องการหมดล่ะ เขาก็เดือดร้อนไง ทุกคนต้องช่วยกันสิครับ วันนี้เป็นวาระแห่งชาตินะ ต้องช่วยกัน ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็ต้องสร้างความเข้มแข็ง ต้องใช้ความอดทนอดกลั้น และเชื่อฟังในการทำใหม่ เราทำกันในอนาคต นำเงินในอนาคตมาใช้ไม่ได้ ใช้มากไม่ได้ กู้มามากแล้วมีปัญหาหนี้สาธารณะอีก วันนี้ก็ 47 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ถ้า 60 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ก็ยังคงสถานะหนี้อยู่ แต่หลายประเทศเขามีอนาคตไง เขาก็สามารถที่จะเป็นหนี้ได้ 200 เปอร์เซ็นต์ บางประเทศเขามีหนี้สาธารณะ 200 เปอร์เซ็นต์ นะ แต่เขาพัฒนาเลยหน้าเราไปแล้ว เขาก็มีทางที่จะเอากลับมาคืนได้ เขาลงทุนไม่มาก แล้วมันเสี่ยง มาตรการลดความเสี่ยงเราไม่ได้เตรียมการไว้มากนัก

การตั้งราคาเกินจริง ทำให้ไม่สามารถนำสินค้าไปขายแข่งขันในตลาดโลกได้ เรื่องค่าแรง เรื่องอะไรเยอะแยะไปหมด บางประเทศ 80 บางประเทศ 100 บาท บางประเทศ 150 ของเรา มีสองประเทศ ได้ 300 แต่ผมเห็นใจนะ 300 เป็นผม ผมก็ลำบาก แต่ต้องให้เข้มแข็งก่อน แล้วมันจะเพิ่มขึ้นได้ แล้วก็ต้องดูสถานการณ์อาเซียนด้วย สถานการณ์แข่งขันข้างนอก โลกด้วย เราจะมาดูกันยังไงว่าค่าแรงไม่ขึ้น จะปรับขึ้นตามวุฒิ ตามความสามารถ ที่ไปทดสอบแรงงานมาได้มั้ย ผมคุยกับพี่น้องแรงงานมาอย่างนั้น ไม่งั้นมันเท่ากันหมดมันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ในช่วงนี้

เพราะฉะนั้นทุกคนต้องร่วมกันกับเราในการที่จะพลิกวิกฤตต่างๆ ที่เลวร้ายเหล่านี้เป็นโอกาส ไม่ใช่มาทำลายกันเองในขณะนี้ บางคน บางกลุ่ม บางพวกโจมตีให้ร้ายรัฐบาลว่า ทำเศรษฐกิจตกต่ำ แก้ปัญหาไม่เป็น แก้ไม่ถูก นี่แก้ทั้งหลักการด้วย ตามทฤษฎีด้วย ตามหลักเศรษฐศาสตร์ด้วย แล้วแก้ในข้อเท็จจริงด้วย ปรับทั้งหมด ถ้าท่านคิดว่าท่านทำได้ดี ท่านลองพูดมาซิว่าท่านจะแก้ยังไง คนที่พูดเก่งๆ นะ พูดซิว่า จะแก้ปัญหาปาล์มยังไง ที่ไม่ใช่การเอาเงินไปจ่ายให้โดยตรง แก้ยังไงบอกมา ที่พูดๆ กันอยู่แก้ยังไง เพราะที่ผ่านมา อยู่ในอำนาจทั้งสิ้น ท่านไม่ทำ ทีนี้พอผมเริ่มทำ ท่านก็มาตำหนิผม ประชาชนฟังแล้วกันจะเชื่อใครแล้วแต่ เพราะฉะนั้น เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนการเกษตร ให้เข้มแข็งมีคุณภาพในการผลิตสินค้าเพื่อการแข่งขัน ยั่งยืน รัฐบาลทำทุกอย่างนะครับ ลดต้นทุน ปรับปรุงพัฒนาคุณภาพสินค้า สร้างตลาดใหม่ๆ ตลาดชุมชน รวมกลุ่มสหกรณ์เข้มแข็ง สหกรณ์ร้านค้า ปรับทั้งหมด ทั้งระบบ สหกรณ์ 7 ประเภท ไม่ใช่สหกรณ์ทั้งหมดมีหน้าที่ในการหาเงินมาปล่อยกู้ ไปซื้อนู้นนี่ไม่ใช่ มันมีประเภทมันอยู่ สหกรณ์การเกษตรทำหน้าที่อะไร สหกรณ์เงินกู้ทำอะไร ทุกอย่างวันนี้จะเป็นธนาคารกันหมด กู้ไปใช้ของ นั่นแหละหนี้ครัวเรือนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นอย่าไปทำกันอีกนะครับ ทบทวนหมด ได้มีการสั่งการแล้ว กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ ได้ปฏิบัติการร่วมกับทหารและกองทัพในการช่วยเหลือเกษตรกร เข้าไปสำรวจจริงๆ ว่าที่ดินเป็นของตัวเองหรือนายทุน สัญญาเช่าเป็นยังไง ค่าเช่าเป็นยังไง ต้องเดินสำรวจทุกที่ตอนนี้ ให้ทันกรอบหน้า และลดต้นทุนปัจจัยการผลิต หาเครื่องจักรกลมา มี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งไปอยู่กับสหกรณ์ที่เข้มแข็ง ส่วนหนึ่งอยู่กับทหาร กองพลพัฒนา หรือหน่วยทหารพัฒนา ทหารต้องลงไปช่วย เดือนแรกๆ อาจจะเช่ามา เดือนที่สองซื้อมา แต่ต้องมีงบบำรุงรักษาไม่งั้นก็พังหมดเหมือนเดิม อะไรก็พังหมด ใช้แปบเดียวก็พัง ต้องจัดระเบียบให้ได้ อะไรที่เป็นสหกรณ์ สหกรณ์รับผิดชอบ อะไรนอกเขตสหกรณ์ ไม่มีทหาร และกระทรวงมหาดไทยจะเข้าไปจัดการ ทำให้เป็นแปลงใหญ่ 5 ไร่ 10 ไร่ เป็น 100 ไร่ รวมกัน และไปไถให้มันราคาเดียวกัน จัดระเบียบ ไถก่อนไถหลัง มันจะได้ไม่ถูกรังแก เอารัดเอาเปรียบอีก ถ้ารถไถ รถไรเหล่านั้น รถเกี่ยวต่างๆ ที่มีอยู่เดิม ถ้าอยากร่วมมือกันมากับเรา แล้วท่านจะมีงานเหล่านี้ตลอดไป และเป็นธรรมด้วย สงสารชาวไร่ ชาวเกษตรกรเขาลำบากกันหมด ตั้งแต่ปลูก ขาย เป็นหนี้ตั้งแต่ต้น ไม่เคยไม่มีหนี้เลย มันก็หนี้ต่อไปๆ กู้มา ใช้หนี้ ก็เป็นหนี้เหมือนเดิม ตั้งแต่แม่ยันลูกนะ เพราะฉะนั้น มันต่อเนื่อง ถ้าเราไม่แก้ทั้งระบบ มันก็เป็นแบบเดิม ต้องจดทะเบียนให้ได้ เกษตรกร ให้ชัดเจนขึ้น ก็หลายอย่าง รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ แต่ต้องขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อย อย่างที่ผมเคยบอกแล้วว่า ทุกคนจะต้องมี ในบัตรประชาชน มีอาชีพอะไร รายได้เท่าไหร่ต่อปี ประเมินเอา คงไม่ประเมินให้เสียภาษีมาก มีกติกาอยู่แล้ว เท่าไหร่ถึงจะต้องเสียภาษี คงไม่ประเมินชาวไร่ชาวนาเกินต้องเสียภาษี ระยะแรก ต่อไประยะพัฒนาไปสู่ระบบภาษีใหม่ๆ ที่จะช่วยท่านได้ สร้างความเข้มแข็งให้เข้าสู่ระบบภาษีให้ได้

เรื่องกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างวันนี้ใช้กฎหมายปกติทั้งสิ้น และกฎหมายที่ปรับปรุงใหม่เสร็จแล้ว หรืออาจใช้มาตรา 44 ในบางเรื่อง มาตรา 44 ก็จะเขียนให้ใกล้เคียงกับกฎหมายปกติ แต่ให้ทำงานได้ ทันสมัยมากขึ้น บูรณาการได้มากขึ้น กฎหมายเดิมมันเป็นแท่งๆอยู่ก็บูรณาการเท่านั้นเองใช้มาตรา 44 สามารถบูรณาการได้ทุกงาน ฉะนั้นที่ผ่านมานั้นทุกกระทรวงก็ทำเองหมด เพราะมีกฎหมายของตัวเอง และบวกไปกับการขาดการเอาใจใส่ด้วย ฝ่ายบริหาร ไม่ว่าใคร ก็ไม่เอาใจใส่ ปล่อยไป อะไรเป็นหน้าที่ของใครก็ปล่อยไป ตำรวจตามกฎหมายของตัวเองก็ว่าไป รัฐบาลจะทำเฉพาะสิ่งที่อยากจะทำไม่ได้ รัฐบาลต้องดูแลคน 67 ล้าน ไมได้ดูแลเป็นจังหวัดเป็นพื้นที่ เป็นแหล่งที่ท่านเลือกตั้งมา ไม่ใช่ คณะรัฐมนตรีต้องดูคนทั้งประเทศ เหมือนที่ผมทำเวลานี้ มันยากไหม ดูแลคน 67 ล้านกับคนดูแลคนในเขตเลือกตั้งของท่านเขตเดียว มันยากกว่ากันไหม ถ้าคุณรวมกันได้ก็ได้ นี่คือประชาธิปไตยที่ถูกต้อง

การบริหารราชการแผ่นดินนั้น รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด มีความสัมพันธ์กับกฎหมายอื่นๆอีกมากมาย และสำคัญที่สุดคือ เป็นการจัดระเบียบการปกครองประเทศ ให้เป็นเกิดประโยชน์แก่สังคม ร่วมกันมา 80 ปีที่ผ่านมานั้นเรามีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 19 ฉบับ เพราะรัฐธรรมนูญเราจะแก้ไปเรื่อย พอไม่ดีก็รัฐประหาร ก็แก้รัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาก็พยายามแก้ในสภาฯ แก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้ มีเรื่องกันอยู่ทุกวันนี้ มันก็ไร้ความมีเสถียรภาพ ทหารก็เบื่อที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ ไม่อยากจะให้ประเทศชาติมันถอยหลังหรอกนะ แต่มันก็จำเป็นนะในบางสถานการณ์ ก็อย่าให้เกิดอีกนะครับ รัฐบาลก็ต้องสร้างความชอบธรรมให้ได้ ถ้ามาด้วยความชอบทางใจ ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ไม่ดูแลเฉพาะพื้นที่ของตัวเอง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เขารู้ดีอยู่แล้วล่ะทั้งหมด ถ้าบริหารแบบเดิม ก็เป็นแบบเดิม เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญนี่เป็นกรอบหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปประเทศ เป็นเข็มทิศให้ประเทศ เป้าหมายที่เดินร่วมกัน และส่งผลกระทบต่อชีวิต บทบาทของไทยในเวทีโลกด้วย เป็นพลังอำนาจของชาติ

รัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทราบดี แต่เรามีเอกภาพ แล้วก็ทุ่มเท เสียสละ ทำทุกอย่าง มันเลยเยอะไง เยอะมันก็ไม่ทันใจ ทุกคนใจร้อน พยายามเต็มที่นะ วันนี้เข้ามา 6 เดือนแล้ว ก็เป็นไปตามโรดแมป จะทำได้แค่ไหนก็อยู่กับเวลาที่เราทำ ก็เต็มที่แล้วกัน เพราะฉะนั้นก็อยากจะให้แก้ไขปัญหาในอดีตให้ได้ก่อน วางรากฐานให้มั่นคง แนวทางปฏิรูป แล้วก็ใครได้มีโอกาสก็ทำต่อ ก็ทำไป ถ้าไม่ทำท่านจะทำยังไง ท่านไปหามาตรการเองตรงโน้น ถ้าท่านมากดดันผมตอนนี้ มันยิ่งไปไม่ได้ใหญ่

เพราะฉะนั้น รัฐบาลผสมนี่ไม่มีปัญหา แต่ไปกำหนดอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของการเลือกตั้งนะ ก็ไปว่ากันมา

ในการปฏิรูปประเทศมันจะต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาว 10 ปี 20 ปี 30 ปี 50 ปี ว่าประเทศไทยมันจะเดินแต่ละช่วงยังไงให้สอดคล้องกับรัฐบาลเข้ามา ท่านมาเดินต่อในหลักตรงนี้ไป บ้านเมืองก็ไปข้างหน้า ตรงไหนที่มันขัดแย้งกัน ทำไม่ได้ก็เอาไว้ก่อน อันนี้มันรอได้ แต่บางอย่าง เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ การแก้ปัญหาภาคเกษตร มันหยุดไม่ได้ รัฐบาลในอนาคตก็ต้องทำต่อๆ มันถึงจะจบ ที่ผ่านมาไม่จบเสียที เพราะฉะนั้นวันนี้ผมก็จะวางตรงนี้ไว้ให้ แต่ท่านไม่ทำ ผมก็ไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไง ประชาชนสิครับ จะต้องเป็นผู้ที่กำหนดชะตาตัวเองให้ได้บ้าง วันหน้า อย่าให้เขาชี้นำมากนัก

ในส่วนของรัฐธรรมนูญ พอแล้ว เราก็เพียงแต่ว่าอยากให้ชาติสุขสงบ มีเสถียรภาพเหมือนวันนี้ ผมไปพูด เขาบอกประเทศไทยมีเสถียรภาพ เขาชื่นชมนะ เขาก็ให้ผมยืนยันว่าเราจะเป็นอย่างนี้ต่อไปตลอดไปมั้ย ผมบอก เอาล่ะ ในฐานะที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีวันนี้ ผมก็บอกว่าผมมั่นใจ เพราะว่าคนไทยต้องรักชาติ รักสถาบัน และร่วมมือกัน ไม่ให้ใครชี้นำ ไม่อ่อนแอ เพราะฉะนั้นท่านต้องเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตท่านเอง อย่าให้ใครมาชี้นำ ต่างประเทศ พยายามสร้างความเข้าใจ ทุกคนไม่รังเกียจผม แต่ธรรมดา ในโลกก็เป็นอย่างนี้ล่ะ

วันนี้ การท่องเที่ยว อยากจะบอกว่ามันเยอะขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยกว่า 2 ล้าน 2 แสน ในช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ร้อยละ 18.34 ได้รายได้เข้าประเทศกว่าแสนล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 22 ก็เป็นสัญญาณที่ดี ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติพร้อมจะเดินทางเข้ามาประเทศเรา เราต้องร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี สร้างความสงบสุข มีเอกลักษณ์ของเราเอง เป็นภาพพจน์ที่ดีของชาติ

ช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา 1 - 5 พฤษภา 58 มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยกว่า 3 แสนคน นำรายได้เข้ามา 14,000 ล้านบาท น่าดีใจนะครับ คนไทยเลือกท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ไปต่างประเทศก็ธรรมดา เมื่อเขามาเรา จะห้ามคนเราไปบ้านเขาก็ไม่ได้ แต่ขอร้องคนไทยด้วยกัน เที่ยวเมืองไทยในช่วงนี้ก็ดี เงินจะได้อยู่ในประเทศ คนรวยๆ จะไปก็ไป คนไม่รวยมากนัก ก็อย่าไปเลย เที่ยวเมืองไทยก่อนะนครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น จังหวัดที่กำหนดไว้แนวใหม่ 12 เมืองต้องห้าม พลาด เป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลปีนี้ ท่องเที่ยววิถีไทย มีทั้งปี ทุกภาค มีทั้งปี ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกส่วนนะครับ เสียสละมาทำงานช่วงวันหยุด เพื่ออำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว พี่น้องประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือรัฐบาลเป็นเจ้าภาพที่ดี นักท่องเที่ยวที่มาเยือน

ผมเป็นห่วงอุบัติเหตุอย่างเดียว เมาสุรา มันกลับมาที่รัฐบาลหมด รัฐบาลเปิดวันหยุดยาวเกินไป คนก็เลยดื่มสุรามาก และเกิดอุบัติเหตุมาก มันกลับมาที่ผมหมดละ สร้างทางจักรยาน ก็มีรถชน ก็บอกผมไม่ปลอดภัย แล้วผมจะทำไรได้ ทุกคนต้องช่วยกันซิครับ ทำแล้วต้องมีคนรักษา ดูแล ทุกคนต้องทำกันต่อให้แบ่งความรับผิดชอบกันไป ใครไม่ทำบอกมา เจ้าหน้าที่ไหนไม่สนใจ บอกมา แจ้งศูนย์ดำรงธรรมทุกที่ไปแจ้งมา

เดือนพฤษภาคม มีเทศกาลผักผลไม้ไทยคุณภาพ อังคารที่ 6-31 พฤษภาคม 2558 มีทั้งผัก ทั้งผลไม้ เมื่อวานผมไปเปิดมา วันก่อนนี้ ช่วงนี้ให้คนต่างชาติ ใครมาเยี่ยมผม ก็ให้ไปนั่นแหละ ไปเดินตลาดผมนี่แหละ ตลาดทำเนียบ ทุกคนชื่นชมนะครับ ประเทศไทยผลไม้อร่อย เมื่อวานผมก็พาเขาไปรับประทาน บางคนบางทูตไม่เคยทานทุเรียน เพราะกลิ่นเหม็น ผมก็นเป็นพ่อค้าชักชวนเขาชิมดู อุดจมูกกินก่อนก็ได้ ตอนหลังก็เห็นเปิดจมูกกินกันหมดแหละ เขาบอกมันอร่อย เพราะเป็นทุเรียนเก่า พวงมาลีก็มี ทุกเรียนหายากก็มี อะไรละ มะม่วงก็มี มีทั้งขนาดเล็กยันขนาดใหญ่ สีม่วง สีแดง มีหมด ว่างๆ มาดูนะ ตอนนี้เป็นทำเต็นท์ติดแอร์ด้วยนะ แอร์อาจไม่ค่อยเย็นนัก เพราะพื้นที่มันยาวใหญ่ เป็นผ้าใบพลาสติก อย่างน้อยก็ดีกว่าเดิม เดิมมาร้อนๆ ก็เลยมาเย็นๆ วันนี้มาได้ทั้งวันนะครับ แล้วผลไม้จะได้ไม่เสีย เย็นนิดหน่อย เย็นมากกว่านี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ถือพัดลมมา กับพัดคนละอันแล้วกัน มาช่วยกัน

เพราะฉะนั้นเราคาดหวังว่า ให้เขารู้จัก เกษตรกรมาจากหลายจังหวัดนะครับ และเขาบอกผมมาอันหนึ่ง เขาบอกว่า เขาได้มาเจอนายกฯ เขาเข้าใจ เพราะว่าเขาฟังจากวันศุกร์ของผม วันแรกเขาบอกว่า ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะผมพูดเร็ว หลังๆ เขาพยายามอดทนฟังหน่อย จนกระทั่งเขาเริ่มฟังรู้เรื่องแล้ว เขาบอกว่ามีสาระ ผมก็ชื่นใจ เขาไม่ได้จบอะไรสูงหรอก ดูถูกเขาไม่ได้ แต่เขาบอกอย่างนี้ถูกต้องแล้ว เขามีโอกาสมาตลาดแบบนี้ ไปเข้ากับตลาดชุมชน เดี๋ยวกระทรวงเกษตรฯ ไปจับเข้ามา เอสเอ็มอีเข้ามาส่งเสริมการส่งออก ผมได้แนะนำให้ขนมที่ทำจากอะไร เขาเรียกสำเร็จรูป เช่น ทุเรียนกวน กวนๆ ทั้งหมด ทำมาเป็นกล่องๆ อย่างนี้ มันขายไปก็ได้กล่องเดียว ใครเขาจะไปกินหมดกล่อง ก็ไปทำเป็นท็อฟฟี่ทำห่อเล็กๆ ทุเรียนขายได้อยู่แล้ว ท่านขายแบบนี้จะไปขายหมดได้อย่างไร ถ้าทำเป็นท็อฟฟี่ขาย 50 100 เป็นเม็ดในถุง ขายได้มากกว่าอย่างนี้อีก เขาบอกจริงๆ

อีกอันหนึ่งคือ แพ็กเกจต้องสวยๆ หน่อย ถ้าขายอาเซียนก็เอาธรรมดา ฉูดฉาดสี แต่ถ้าขายยุโรป ขายตะวันตกมันต้องคลาสสิก มันต้องมีการดีไซน์ออกแบบให้ดี มันต้องมีดีไซเนอร์ทุกอย่าง การค้าขาย เพราะฉะนั้นวันนี้ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยได้ขยายผลต่อยอดไป คือมันขาดแคลนตลาดไง วันนี้ตลาดชุมชนก็เตรียมเร่งกันอยู่ เรื่องเมล็ดพันธุ์พืช เรื่องการขายปลีก ขายส่งก็มีปัญหาหมด หาว่าพวกผมไปเอื้อประโยชน์ให้กับพ่อค้ารายใหญ่ๆ ก็ผมกำลังสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้อง สร้างตลาดของชุมชน ตลาดของชาวบ้าน เอาของมาขาย ใครมีสตางค์ก็ขึ้นห้างกันไป ใครไม่มีสตางค์ ถามว่าตรงนี้สร้างหรือยัง กำลังสร้างอยู่ 2 พันกว่าแห่ง เรื่องเมล็ดพันธุ์ก็กำลังสร้างอยู่ จะได้ไม่ได้ต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์เขามากนัก ทำนองนี้ แต่มันต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ผมไปหยุดตรงนี้แล้วจะทำไง เศรษฐกิจอื่นมันจะไปอย่างไร มันผูกพันเชื่อมโยงหมด เขาเรียกว่า Connectivity ความเชื่อมโยง โซ่เศรษฐกิจ วันนี้ผมก็พูดมาเยอะแล้ว ลำดับต่อไปผมขอเชิญท่าน ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลด้านกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม มาพูดคุยในเรื่องเกี่ยวกับงานในความรับผิดชอบ สำคัญที่สุดคือ กฎหมาย กฎหมายมีไว้เพื่อให้คนอยู่ร่วมกันได้ กฎหมายไม่ใช่เป็นกฎหมาย เพื่อสร้างความขัดแย้ง

เพราะฉะนั้นกฎหมายจะใช้เมื่อมันไม่เรียบร้อย ถึงจะใช้กฎหมาย ถ้าสังคมมันไม่เบียดเบียนกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เจ้าหน้าที่ก็สบาย งานก็น้อยลง ไม่ต้องบังคับใช้กฎหมายมากนัก ไม่ต้องใช้ความรุนแรง ประชาชนก็มีความสุข ถ้าทุกคนรู้จักบทบาทของตัวเอง อยู่ในที่ๆ เราควรจะอยู่ มันก็ลดความขัดแย้ง มันก็พ่อแม่พี่น้องด้วยกันทั้งนั้นแหละ ตำรวจก็ลูกท่าน ทหารก็ลูกท่าน ใช่ไหม นักการเมืองก็ลูกท่าน เพราะฉะนั้นทุกคนต้องร่วมมือกันสร้างชาติ ขอท่านอย่างเดียว ผมก็ทำเต็มที่ไม่มีท้อแท้ พยายามทำให้ที่สุด จนถึงที่สุด ขอบคุณครับ สวัสดีครับ


วิษณุ เครืองาม

สวัสดีครับท่านผู้ชมที่เคารพ รายการในวันนี้ ผมมีรัฐมนตรีอีกท่านหนึ่งที่มาช่วยให้ความกระจ่างแจ้งในเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล นั่นคือ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

สวัสดีครับท่านรัฐมนตรี ท่านผู้ชมที่เคารพครับ พักนี้เราพูดกันมากถึงหลักนิติธรรม หลักนี้จะหมายถึงอะไรก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ดูจะขึ้นใจกันทั่วไปก็คือหลักที่อาศัยว่า การทำงานการบริหารราชการแผ่นดิน การใช้อำนาจใดๆ ของรัฐ จะต้องมีกฎหมายเป็นฐานรองรับ หรือเป็นเครื่องมือสำคัญ ไม่ใช่บริหารไปตามอำเภอใจ หรือตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจ และนอกจากว่าจะต้องมีกฎบัตร กฎหมายเป็นเครื่องมือแล้ว กฎหมายนั้นต้องเป็นกฎหมายที่ดี เป็นกฎหมายที่อำนวยความเป็นธรรม เป็นกฎหมายที่ขจัดปัญหาอุปสรรคต่างๆและเป็นปัญหาที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ภารกิจของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องของกฎหมายจึงเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องนี้รัฐบาลนึกเองคิดเอง แล้วจะออกมาเป็นกฎหมายเองโดยลำพังไม่ได้ อย่างมากก็ได้แต่คิดและเสนอไปยังองค์กรที่มีอำนาจ เช่นในขณะนี้ก็คือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ท่านผู้ชมที่เคารพ รัฐบาลชุดนี้ ได้บริหารราชการแผ่นดินมาจนถึงบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 8 เดือน ในระยะเวลา 8 เดือนนี้ ได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว กว่า 100 ฉบับ ประมาณ 110 ฉบับ และที่ผ่านมาพิจารณาออกมาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยบ้าง ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้วบ้างมีอยู่ประมาณ 70 - 80 ฉบับ ด้วยกัน เรื่องนี้จะอาศัยตัวเลข และสถิติมาวัดกันว่ามากหรือน้อยคงไม่ได้ อยู่ที่ว่า กฎหมายเหล่านั้น มีความจำเป็น มีเนื้อหาสาระอย่างไร ตอบสนองความต้องการของประชาชนหรือไม่ เพียงไร

รัฐบาลต้องเรียนให้ท่านผู้ชมทั้งหลายได้ทราบว่า ในบรรดากฎหมายทั้งหลายที่เตรียมจะเข้าสู่สภาฯก็ดี กำลังอยู่ในสภาก็ดี หรือผ่านการพิจารณาออกมาจากสภาฯแล้วก็ดี จัดเป็นกลุ่มสำคัญได้ทั้งหมด 5 กลุ่มด้วยกัน

กลุ่มที่ 1 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งอีกสักครู่ผมจะขอให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมช่วยชี้แจง

กลุ่มที่ 2 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับพันธกรณีระหว่างประเทศ เราไปลงนามบ้าง ไปผูกพันบ้าง และยังไม่ได้ออกกฎบัตร กฎหมาย มาให้เขา ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่จะเร่งรัดกฎหมายเหล่านั้นออกมา กฎหมายที่อยู่ในกลุ่มที่ 2 กฎหมายตามพันธกรณี เช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ กฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมการค้า งาช้าง กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า เป็นต้น

กลุ่มที่ 3 คือกฎหมายที่เกี่ยวกับระบบราชการ ที่ได้ผลักดันจนกระทั่งคลอดออกมาแล้วเวลานี้ คือกฎหมายเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการที่จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจะอนุญาต อนุมัติให้แก่ประชาชน ซึ่งตามกฎหมายที่กำหนดให้ประชาชนต้องไปขออนุญาต ขออนุมัติ ไปขอขึ้นทะเบียน ลงทะเบียน มีประมาณเกือบ 500 ฉบับ คิดเป็นงานที่จะต้องไปขออนุญาต อนุมัติ ประมาณ 2,500 งาน และท่านผู้ชมลองคิดดู ว่าในอดีตมันยุ่งยากขนาดไหน ล่าช้าขนาดไหน บางทีเจ้าหน้าที่ใช้เวลาพิจารณานานเหลือเกินเป็นปีกว่าจะอนุญาต อนุมัติ บางครั้งไม่โปร่งใส นำไปสู่ข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่เรียกรับสินบน ใต้โต๊ ถ่วงเวลาให้ล่าช้า บัดนี้มีกฎหมายออกมาแล้ว เพื่อควบคุมกำหนดเวลาในการอนุญาต อนุมติให้ชัดเจน และกำหนดว่าจะต้องขอเอกสารอะไรบ้างจากประชาชน จะขาดจะเกินจากนั้นไม่ได้ และต้องประกาศให้ประชาชนทราบ อย่างนี้ถือว่าเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับกลุ่มของระบบราชการ หรือนอกจากนั้นที่อยู่ในกลุ่มนี้คือกฎหมายที่เกี่ยวกับการขึ้นเงินเดือน หรือปรับเงินเดือน ของข้าราชการชั้นผู้น้อย 5 ประเภท ได้แก่ ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการทหาร ข้าราชการครู และข้าราชการรัฐสภา พวกนี้ก็ได้อานิสงส์จากกฎหมายที่ได้ออกมาเพื่อปรับเงินเดือนและย้อนหลังไป จนกระทั่งถึงวันที่ 1 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา นั่นเป็นกลุ่มที่ 3

กลุ่มที่ 4 ก็มีกฎหมายที่แก้ปัญหาในทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งก็มีอยู่หลายฉบับด้วยกัน โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับการค้า กฎหมายที่เกี่ยวกับบริษัทมหาชน กฎหมายที่เกี่ยวกับหลักประกันทางธุรกิจ กฎหมายเหล่านี้ภาคเอกชน โดยเฉพาะต่างประเทศ ได้ร้องเรียน เรียกร้องกันมาเป็นเวลานาน นาน และเรียกร้องเอาจริงเอาจังจนกระทั่งถึงขนาดธนาคารโลกได้เคยจัดลำดับประเทศไทยเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา ว่า อยู่ในประเทศ หรือในลำดับของประเทศที่ควรแก่การลงทุนน้อย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เพราะเรายังขาดกฎบัตร กฎหมาย ที่ให้ความมั่นใจแก่นักลงทุนอยู่ บัดนี้ รัฐบาลก็ได้เสนอร่างกฎหมายเหล่านั้น ที่เขาเรียกร้องกันมาเป็นเวลานาน เข้าสู่การพิจารณาของสภา และบางฉบับก็ได้ผ่านออกมาเป็นกฎหมายเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นกลุ่มที่ 4 คือเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

กลุ่มที่ 5 ก็คือกลุ่มที่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในทางสังคม ซึ่งบางฉบับก็ยังเป็นกฎหมายค้างอยู่ในการพิจารณาของสภา เช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับกองทุน กฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีมรดก กฎหมายที่เกี่ยวกับคนลำบากยากจน เด็ก สตรี คนชรา คนพิการ คนทุพพลภาพ รวมทั้งแม้กระทั่งกฎหมายที่เกี่ยวกับมนุษยธรรม เช่น กฎหมายคุ้มครองสัตว์ หรือกฎหมายที่คุ้มครองเยาวชนที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ กฎหมายที่คุ้มครองเทคโนโลยี ซึ่งที่เราเรียกกันว่ากฎหมายอุ้มบุญ

บรรดากฎหมายทั้ง 5 กลุ่มนี้ หลายฉบับเป็นกฎหมายที่ยากจะออกมาได้ในเวลาที่ปกติ เพราะว่า หนึ่ง ไปกระทบผลประโยชน์ได้เสียของบุคคลต่างกลุ่ม ต่างประเภท เมื่อยังถกเถียงกันอยู่ รัฐบาลก็ลังเล หรือมิฉะนั้น ออกมาได้ยาก ก็เพราะเหตุว่าเป็นกฎหมายที่จะไปกระทบกับฐานอำนาจ หรือคะแนนเสียง คะแนนนิยม ของบางกลุ่ม บางพวก ซึ่งเป็นธรรมดา รัฐบาลท่านก็ต้องคิดหนักหน่อยว่า ถ้าหากว่าเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มนี้ ก็จะกระทบประโยชน์ของกลุ่มนั้น อย่ากระนั้นเลย ชะลอไว้ก่อน ทั้งหมดก็เลยทำให้เกิดความล่าช้า แม้กระทั่งเรื่องที่เป็นพันธกรณีกับต่างประเทศ ก็ไม่สามารถออกมาได้ และที่สำคัญก็คือ บางทีไม่สามารถจะออกมาได้โดยง่ายในเวลาปกติ เพราะว่ามันจะใช้ระยะเวลาอันยาวนานมาก จนกระทั่งยุบสภาแล้วก็ยังตกไป กฎหมายอย่างนี้มีอยู่หลายฉบับด้วยกัน ที่เข้าสภาแล้วยุบ ยุบแล้วก็ตก ตกแล้ว พอขึ้นรัฐบาลใหม่ เลือกตั้งใหม่ ไม่ได้ยืนยัน ไม่ได้ยืนยันกฎหมายนั้นก็ตก แล้วก็หายไป วันนี้รัฐบาลก็ได้เอากฎหมายเหล่านั้นมาดู ก็ต้องยอมรับว่ามีจำนวน 70 - 80 ฉบับ ที่คลอดมาเป็นกฎหมายแล้ว หรือในจำนวน 110 ฉบับ ที่จะเข้าสภานั้น บางฉบับเป็นกฎหมายที่ค้างมาจากในอดีต แต่เนื่องจากว่าไม่สามารถจะผลักดันให้ออกมาได้ในเวลาเป็นปกติ มันก็เลยชะงักอยู่ บัดนี้ก็ได้เวลาที่เอามาพิจารณา เพื่อสมทบกับกฎหมายใหม่ที่ดำริขึ้นใหม่ เช่น กฎหมายการอำนวยความสะดวก หรือแม้แต่กฎหมายภาษีมรดก กฎหมายที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเรื่องการเจริญพันธุ์ หรือที่เรียกกันว่ากฎหมายอุ้มบุญ กฎหมายควบคุมการค้างาช้าง กฎหมายเหล่านี้เป็นกฎหมายใหม่ ที่รัฐบาลได้ผลักดันและดำเนินการจนกระทั่งนำเข้าสู่สภา และผ่านออกมาเป็นกฎหมายได้

ที่จริงยังมีกฎหมายที่ไม่ได้เป็นร่างพระราชบัญญัติ เป็นแค่ร่างพระราชกฤษฎีกา คือเป็นกฎหมายเล็กที่ไม่ต้องอาศัยกระบวนการทางสภา ก็ยังมีอีกหลายฉบับ ฉบับหนึ่งที่เพิ่งผ่านคณะรัฐมนตรีไปเมื่อไม่นาน และจะประกาศใช้ในเร็ววัน ก็คือร่างพระราชกฤษฎีกาที่กำหนดให้ส่วนราชการทุกแห่งต้องทบทวนกฎหมายที่ตัวมีอยู่ในกระทรวงทุก 5 ปี ทบทวนว่าควรมีต่อไปหรือไม่ ควรเลิก เรามีกฎหมายมากเหลือเกินครับท่านผู้ชม มากจนกระทั่งรู้สึกปฏิบัติไม่ถูก ตื่นเช้าเปิดหน้าต่างจะผิดพระราชบัญญัติอะไรสักฉบับหรือไม่ วันนี้เราได้กำหนดให้รัฐมนตรีที่รักษาการตามกฎหมาย และเป็นเจ้ากระทรวง มีหน้าที่ต้องทบทวนกฎหมายทุก 5 ปี ว่าอันไหนควรเลิก อันไหนควรอยู่ ขณะเดียวกัน กฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของท่าน ท่านต้องจัดการแปลเป็นภาษากลางของอาเซียน ซึ่งบัดนี้คือภาษาอังกฤษ เพื่อให้ชาวต่างประเทศเขาได้รับรู้ด้วย ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อการติดต่อสื่อสารและทำความเข้าใจกัน

ท่านผู้ชมที่เคารพครับ เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามา มันมีตัวเลขสถิติบางอย่างที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน ธนาคาโลกก็ดี องค์การที่เกี่ยวกับความโปร่งใสนานาชาติก็ดี เขารายงานมาทุกปี และจัดลำดับประเทศโน้นประเทศนี้มาจำนวนร้อยกว่าประเทศ กำหนดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ควรแก่การลงทุนอันดับกลางๆ ค่อนไปในทางท้ายๆ จัดอันดับความโปร่งใสของประเทศอยู่ในลำดับกลางๆ ค่อนไปในทางท้ายๆ ท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการชัดเจนว่า ท่านต้องการที่จะแก้ปัญหาในส่วนเหล่านี้ จริงอยู่ครับ ดัชนีชี้วัดเหล่านี้มันมาจากต่างประเทศ มันอาจจะอาศัยปัจจัยหลายอย่าง จึงทำให้จัดลำดับออกมาอย่างนั้น แต่เมื่อสากลนิยมเขายังยกย่องและยอมรับอย่างนั้น ก็จะต้องแก้ปัญหา ส่วนหนึ่งก็คือจะต้องแก้ปัญหาในเรื่องของกฎหมายออกมา ส่วนหนึ่งต้องแก้ปัญหาในเรื่องพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ หรือข้าราชการ และอีกส่วนหนึ่งก็คือต้องแก้ปัญหาในเรื่องของกฎหมายออกมา ส่วนหนึ่งต้องแก้ปัญหาเรื่องพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่และข้าราชการ และอีกส่วนหนึ่งคือต้องแก้ปัญหาในส่วนของการสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ ให้ประชาชนก็ดี นักลงทุนก็ดีได้รู้ว่า เราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราได้กำลังทำอะไร และจะทำอะไรต่อไป รัฐบาลนี้มีความเชื่อว่า กฎหมายที่จัดลำดับไว้ 5 กลุ่มนี้ จะมีไส้ข้างในคือตัวพระราชบัญญัติอยู่จำนวนมาก และทยอยออกมาได้ในระยะเวลาที่เหลือจนกระทั่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ แน่นอนครับ คงแก้ปัญหาทั้งหมดของประเทศไม่ได้ เหมือนกับที่เราพูดถึงการปฏิรูป เราจะปฏิรูปทุกอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกันทั้งหมดภายในเวลาอันจำกัดคงไม่ได้ ส่วนใดที่เหลือจะบอกให้ท่านประชาชนทั้งหลายได้ทราบ และต้องมอบให้แก่รัฐบาลใหม่ สภาใหม่ เข้ามารับภาระไปดำเนินการต่อไป แต่ส่วนใดผลักดันได้จะขับเคลื่อนต่อไป ส่วนใดเตรียมการไว้ได้เช่น ยกร่างไว้ ระดมความเห็นไว้ และลงความเห็นประชาชนไว้จะทำในส่วนนี้ เพื่อเตรียมส่งมอบให้แก่ผู้ที่จะเข้ามารับช่วงต่อไป นำไปพิจารณาดำเนินการ

ท่านผู้ชมครับ ผมแบ่งกลุ่มกฎหมายที่รัฐบาลต้องการขับเคลื่อน หรือผลักดันเป็น 5 กลุ่ม เริ่มต้นกล่าวถึงกลุ่มที่ 1 คือ กฎหมายที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ผมใครขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กรุณาชี้แจงในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมที่กระทรวงกำลังทำ จะทำ รวมถึงงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการยุติธรรมที่แม้อาจไม่เกี่ยวกับกฎหมายโดยตรง เชิญท่านรัฐมนตรีครับ


พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา

ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับท่านผู้ชมครับ กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการอย่างที่ท่านรองนายกฯ รัฐมนตรีได้พูดไปแล้ว เมื่อเราทางรัฐบาลได้บัญญัติกฎหมายมาแล้ว สิ่งที่กระทรวงต้องนำไปปฏิบัติ คือปฏิบัติอย่างไรจะถึงประชาชนนะครับ มีกฎหมายอยู่ 2 ฉบับ ที่ผมให้ความสำคัญคือฉบับแรก เป็นกฎกระทรวงคือ กองทุนยุติธรรมขณะนี้ ได้ยกร่างเป็นพระราชบัญญัติ ก็อยู่ระหว่างที่ผ่าน ครม.แล้ว กฤษฎีกาได้ตรวจสอบ ปัญหาของเรื่องกองทุนยุติธรรมคือ วันนี้ ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการบริการของรัฐได้นะครับ เนื่องจากกองทุนยุติธรรมนั้น ได้ดำเนินการโดยกระทรวงยุติธรรมแล้วมาจบที่กระทรวงทั้งประเทศ ทั้ง 77 จังหวัดส่งเรื่องมา ขอรับการสนับสนุน การร้องขอจากกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกองทุนยุติธรรมจะช่วยเหลือประชาชนโดยการสนับสนุนค่าทนาย สนับสนุนในเรื่องของการประกันตัว สนับสนุนค่าเดินทาง และอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มีโอกาสต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเท่าเทียมกัน นี่เป็นกฎหมายในความยุติธรรม และความเหลื่อมล้ำ

วันนี้ กระทรวงยุติธรรมได้ทำเอ็มโอยูกับกระทรวงมหาดไทย วันนี้ ประชาชนตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ท่านไปติดต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอได้ แล้วผมสั่งการไปแล้วว่า ทั้ง 77 จังหวัดนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้พิจารณากองทุนยุติธรรม ไม่จำเป็นต้องส่งเรื่องมาที่กระทรวงยุติธรรมอีกแล้ว เพราะแต่ละปีมีเรื่องราวที่หายไปจากการพิจารณาหลายร้อย หลายพันเรื่อง วันนี้ ทุกจังหวัดได้ดำเนินการโดยผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการ โดยมีผู้ยุติธรรมจังหวัดเป็นเลขาธิการในการดูแล อำนวยการให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดได้ดูแล วันนี้ ประชาชนเข้าถึงกฎหมายฉบับนี้ในทางปฏิบัติ

อีกกฎหมายฉบับหนึ่งคือ กฎหมายปฏิบัติการเยียวยาคดีอาญา 2544 ความจริงกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่กระทรวงยุติธรรมเป็นคนดูแล แต่เรื่องการเยียวยามักไม่เข้าถึงประชาชน เป็นเช่นเดียวกัน คนที่จะมาดำเนินการเรียกร้องขอความช่วยเหลือจะต้องมายื่นกระทรวงยุติธรรมต้องดู 77 จังหวัดนี้ ประชาชนต้องเดินทางมากระทรวงยุติธรรม การช่วยเหลือ การเยียวยาก็อาจขาดหายไม่ทั่วถึง วันนี้ การเอ็มโอยูกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่านไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่สถานีตำรวจทุกสถานี 1,465 แห่ง พนักงานสอบสวนผมแต่งตั้งให้เป็น พนักงานเกี่ยวกับทางคดีอาญาทั้งหมด ท่านไปร้องขอ พนักงานสอบสวนนี้จะมีเอกสารให้ท่านกรอกความช่วยเหลือทั้งหมด ทันทีที่ท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติของทางราชการ เจ้าหน้าที่ใดๆ ก็ตาม เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะอำนวยการ และเยียวยาให้ท่าน อันนี้คือ 2 กฎหมายหลัก ที่ผมคิดว่า น่าจะต้องเข้าถึงประชาชนตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป สำหรับอีกเรื่องหนึ่งที่กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการนะครับ อาจจะไม่เกี่ยวกับกฎหมายโดยตรงคือ เรื่องที่เป็นวาระ หรือเป็นเรื่องที่สำคัญที่รัฐบาลได้ประกาศเจตนารมณ์ในการแก้ไขชัดเจน

เรื่องแรกคือ เรื่องของการทุจริต ในทุกรัฐบาลจะประกาศเรื่องการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติเสมอมานะครับ ในความจริงแล้ว หน่วยงานที่อยู่ในมือของรัฐบาลนั้น มีเพียงหน่วยงานป้องกันและปราบปรามทุจริตภาครัฐ เพียงหน่วยงานเดียว เราไม่มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เราไม่มีหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เราไม่มีระบบสอบสวน ไม่ว่าทางอัยการหรือทางศาลก็ดี เพราะฉะนั้นกระบวนการยุติธรรม ในการดำเนินงานเกี่ยวกับช่วยจริงล่าช้า และเป็นที่สงสัย เคลือบแครงใจของประชาชนตลอดมา ท่านนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ตั้งศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตขึ้นมา โดยมีผมเป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่องราว ซึ่งเดิมนั้นเราใช้การดำเนินการสิ้นสุดในลักษณะของศาลยุติธรรม ตัดสินวันนี้ เรากลับมาใช้อีกรูปแบบหนึ่งควบคู่กันไป คือ การใช้ทางวินัย และการปกครอง ซึ่งลักษณะผู้ใดที่มีเกี่ยวพันในเรื่องการทุจริตก็จะถูกพิจารณาในการเคลื่อนย้ายออกจากจุดที่มีปัญหาเป็นการชั่วคราว เพื่อที่จะดำเนินการการไต่สวน หรือการไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวในระหว่างดำเนินการนั้นๆ และอีกเรื่องหนึ่งที่เราพยายามจะเร่งรัดนะครับ เป็น พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง เรื่องนี้จะปรับปรุงจากระเบียบสำนักนายกฯ เพื่อจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และมีบทลงโทษ ตั้งแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับผู้บริหาร หรืออาจจะเป็นถึงระดับนักการเมือง ผู้บริหารชั้นสูง ระดับสูงขึ้นไป กฎหมายฉบับนี้กำลังเร่งรัดที่ออกมาควบคู่กับการทำงานของกระทรวงยุติธรรมในเรื่องการทุจริต

อีกเรื่องหนึ่งเรื่องที่เป็นวาระแห่งชาติเช่นเดียวกัน ก็คือ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ ทุกครั้งมาเราจะเห็นว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริตมักจะทำในรูปแบบ หรือประชาชนจะได้ยินในเรื่องราวเกี่ยวกับการปราบปราม หรือการบังคับใช้กฎหมาย การจับยาบ้า การตรวจค้น การดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำงานอย่างเข้มแข็ง แต่คิดว่างานในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีอยู่ 2 - 3 กิ่งงานด้วยกัน

งานแรกคือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างที่ผมเรียนให้ทราบแล้ว อันที่ 2 คือการบำบัดและฟื้นฟู ตาม พ.ร.บ. ฟื้นฟูปี 2545 เรื่องสุดท้ายงานสุดท้ายคือ งานป้องกันและการสร้างภูมิคุ้มกัน ปีนี้รัฐบาลในปีงบประมาณ 58 และ 59 สองปีที่เราดูที่เราดูแลเรื่องงบประมาณ เราเน้นหนักไปที่การป้องกัน สร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีหน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้องแบบบูรณาการ คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน เป็นต้น เพื่อดึงดันกับกลุ่มเยาวชนทั้งใน และนอกสถานศึกษา กลุ่มแรงงานและกลุ่มชุมชนทั่วไปนะครับ สำหรับการบำบัดและฟื้นฟูนั้นหมายความว่า เราได้มีผู้ติดยาเสพติดแล้ว ซึ่งเป็นระยะ เป็นมาตรการกลางที่เราจะฟื้นฟูกลุ่มพวกนี้ ได้ปรับปรุงหลักสูตรแล้วก็เจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการในศูนย์ฟื้นฟูต่างๆ ให้มีความรู้ ขีดความสามารถในการปรับทัศนคติ หรือการเกี่ยวกับจิตวิทยา หรือในด้านการสังคม เพื่อให้กลุ่มนี้ได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติในการที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

สำหรับเรื่องการปราบปรามนั้น ที่ผมเรียนมาตั้งแต่ต้นว่า มีความเข้มแข็งอยู่แล้วนั้น เราจะไม่ทำภายในประเทศ ปีนี้ใน 2 ปีขึ้นไป ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายอย่างชัดเจนว่า เราจะมุ่งที่จะไปแก้ไขภายนอกประเทศคือ แหล่งผลิตยาเสพติด ซึ่งในประเทศเราคงจะเป็นเกี่ยวกับทางตอนเหนือ ที่รอยติดต่อระหว่างประเทศลาว พม่า และจีน ซึ่งผมได้ดำเนินการตั้งแต่ประชาชนในประเทศลาว และประเทศพม่า เช่นเดียวกับโครงการพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ดำเนินการทำกับประเทศเรามาเป็น 10 - 20 ปี ประสบผลสำเร็จมาแล้วนะครับ

นอกจากนั้นแล้ว ในเรื่องการปราบปราม เรื่องบังคับใช้กฎหมายนั้น เรายังดำเนินการเกี่ยวกับสารตั้งต้นต่างๆ เป็นปีแรกที่เราสามารถผลักดันให้องค์กรรับผิดชอบเกี่ยวกับยาเสพติดขององค์การสหประชาชาติได้เห็นความสำคัญในการป้องกัน เรื่องสารตั้งต้น ได้มาประชุมที่ประเทศไทยเมื่อเดือนที่แล้วกว่า 40 ประเทศ ซึ่งจะต้องจัดขึ้นเป็นระบบ เพราะประเทศเราเป็นประเทศที่ได้รับสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด ซึ่งสารตั้งต้นนี้อาจจะใช้ผลิตเกี่ยวกับยา หรืออุตสาหรรมชนิดอื่น แต่สารตั้งต้นนี้ไม่ได้ผลิตในประเทศของเรา มีหลายๆ ประเทศทั้งยุโรป หรือเอเชียก็ตาม ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือกันระดับโลก ระดับภูมิภาค ซึ่งเราได้ผลักดันเรื่องนี้ไป อันนี้คืองานสำคัญๆ ทั้งงานเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมุ่งไปสู่การใช้บริการภาครัฐโดยตรง กับงานที่เป็นนโยบายของรัฐ ซึ่งดำเนินการ 2 งานหลักๆ ซึ่งผมกราบเรียนในชั้นต้นเพียงเท่านี้ ขอบพระคุณครับ


วิษณุ เครืองาม

ท่านผู้ชมครับ กระทรวงยุติธรรมในอดีตตั้งแต่สมัยแรก สถาปนาขึ้นครั้งรัชกาลที่ 5 เขาเรียกกันว่า กระทรวงศาล เพราะว่าในกระทรวงนี้ เนื้อในมีแต่เรื่องศาลเท่านั้น และเป็นกระทรวงศาลจนกระทั่งผมเรียนกฎหมาย ก็ยังเป็นกระทรวงศาลอยู่ มาถึงระยะหลังๆ จนถึงครั้งท่านรัฐมนตรีนี่แหละ ที่กระทรวงจะเริ่มเปลี่ยนบทบาทไปจากกระทรวง เพราะว่าศาลออกจากกระทรวงยุติธรรมไปเป็นอิสระอยู่ต่างหากแล้ว ถามว่าแล้วในกระทรวงยุติธรรมเหลืออะไรอยู่ ที่แสดงถึงความเป็นยุติธรรม หรือ Justice คำตอบก็คือว่า ในกระทรวงยุติธรรมวันนี้มีเรื่องที่เกี่ยวกับการสอบสวน อย่างที่เรารู้จักกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI มีเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน ใครเดือดร้อนเรื่องถูกรบกวนสิทธิเสรีภาพ ก็มาที่กระทรวงยุติธรรมได้ มาร้องเรียน มาขอความช่วยเหลือได้ มีเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองเยาวชน เรื่องเกี่ยวกับการบังคับคดี ศาลตัดสินแล้วทำอย่างไรต่อไปที่จะทำให้คำพิพากษานั้นศักดิ์สิทธิ์ มีเรื่องที่เกี่ยวกับนิติเวชศาสตร์ เอ่ยขึ้นมาเราก็นึกถึงคุณหญิง พรทิพย์

นอกจากนั้น ยังมีงานอื่นอีกมากมาย ใครจะไปนึกว่า งานด้านป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ป้องกันและปรามปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เหล่านี้อยู่ที่รกะทรวงยุติธรรม และวันนี้ท่านก็ยังทำเรื่องเกี่ยวกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ ต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน และยังเรื่องที่ต้องมีพันธกรณีกับต่างประเทศ ต้องไปเจรจา ต้องไปสร้างความร่วมมือ ทั้งหมดนี้คือกระทรวงยุติธรรมยุคใหม่ในปัจจุบัน ฉะนั้นภารกิจมาก

ท่านรัฐมนตรีไพบูลย์ นอกจากนั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรี ท่านจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถ้าท่านแยกออกไปนั่งอีกวงหนึ่ง คือในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หคือ คสช.ท่านก็เป็นรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ตรงนี้ท่านก็ใช้ศักยภาพที่ท่านมีทั้ง 2 ด้าน ผลึกกำลังกัน ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในเรื่องของการยุติธรรม

ท่านผู้ชมที่เคารพครับ ผมได้กล่าวแล้วนะครับในตอนต้นว่า งานด้านกฎหมายของรัฐบาลที่ต้องการจะผลักดันหรือขับเคลื่อนนั้นแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มที่ 1 คือเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้สรุปไปแล้วว่า ในช่วงระยะเวลาประมาณ 7- 8 เดือน ท่านได้ทำอะไร ถ้าจะประมวลสรุปอีกครั้งตรงนี้ให้เห็นภาพชัดขึ้น เพื่อที่จะเข้าชุดกับอีก 4 กลุ่มกฎหมาย ก็มีคำตอบว่า กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมนั้น กระทรวงได้พยายามผลักดันกฎหมายกองทุนยุติธรรม ซึ่งได้พยายามกันมานานและทำได้เป็นเพียงกฎกระทรวง บัดนี้จะยกฐานะขึ้นเป็นพระราชบัญญัติ มีเงินมีทองเข้าไป ก็ขยายขอบเขต เงินทองจะใช้ในเรื่องการช่วยคนจนในการขอประกันตัว ในการที่จะจ่ายค่าทนาย ในการที่จะจ่ายค่าพยาน ในการที่จะทำอะไรก็ตามที่สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น

เวลาเราพูดถึงการสร้างความยุติธรรมนั้นเราพูดถึงว่าทำอย่างไรเพื่อให้มันรวดเร็ว ทำอย่างไรที่จะให้การยุติธรรมมันทั่วถึง ทำอย่างไรที่จะให้การยุติธรรมมันเป็นธรรมจริงๆ ทำอย่างไรที่จะให้การยุติธรรมไม่ลำเอียง ไม่สองมาตรฐาน ไม่มีการทุจริต ไม่มีเรื่องปัจจัยอื่น อคติใดๆ เข้ามาแทรกแซง หน้าที่ของคนที่รับผิดชอบเรื่องการยุติธรรมและกฎหมายของประเทศ จึงต้องพยายามผลักดันสิ่งเหล่านี้ออกมาให้ได้ อย่างเป็นรูปธรรม ยิ่งในยุคปฏิรูปนี้ ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องแสดงออกมาให้ปรากฎ

ในวันนี้บรรดากฎบัตร กฎหมาย ที่เข้าสภาไปแล้วก็ดี สิ่งที่ทำอยู่นอกสภา ซึ่งเป็นพระราชกฤษฎีกา หรือเป็นการกระทำทางฝ่ายบริหาร ทางฝ่ายปกครองก็ดี ก็ได้พยายามที่จะแก้ปัญหาในส่วนเหล่านี้ ปัญหาหลายเรื่องหมักหมมมาจากในอดีต ก็ไม่ได้โทษหรือตำหนิรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง เพราะรัฐบาลอดีตก็มีสิทธิที่จะโทษรัฐบาลอดีตในอดีตย้อนไป สุดท้ายมันก็ยาวกันไปนาน ทำอย่างไรที่จะมองไปข้างหน้า นโยบายที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้ไว้ในวันที่ต้องลุกขึ้นยืนแถลงต่อสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน ก็ดี หรือท่านพูดซ้ำในคณะรัฐมนตรีอีกหลายครั้งก็ดี ในเวทีประชุมหลายเวทีก็ดี ตรงกันอย่างหนึ่งว่า ทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจ สร้างความรับรู้ ความเข้าใจ คงเป็นศัพท์ทหารนะ เมื่อก่อนผมก็นึกถึงคำว่าประชาสัมพันธ์ วันนี้เริ่มชินที่จะรู้จักคำว่า รับรู้ สร้างความรับรู้ ความเข้าใจ

ความรับรู้ คือรู้ว่ารัฐบาลทำอะไร ปัญหาของประเทศอยู่ที่ตรงไหน ถ้าจะแก้ แก้อย่างไร แล้วก็สร้างความเข้าใจ ก็คือหมายถึงว่า เกิดความรู้สึกซึมซับเข้ามา ก็อย่างที่เราพูดครับ ยุทธศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงแนะนำไว้ ก็คือว่า เข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วมันก็จะได้เข้าถึง เมื่อเข้าถึงแล้วก็จะพัฒนา ท่านนายกฯ ถอยไปอีกขั้นหนึ่งว่า ช่วยกันสร้างความรับรู้ ความเข้าใจ เมื่อเข้าใจ ต่อไปประชาชนก็จะได้เข้าถึง เข้าถึงนโยบาย เข้าถึงงานของรัฐ แล้วต่อไปก็จะได้ร่วมกันพัฒนาได้ ในทิศทางเดียวกัน ถ้าหากว่าไม่รับรู้ ไม่เข้าใจ แล้วก็ยังปิดทาง เข้าไม่ถึง การยุติธรรมนี่มีราคาแพง มันใช้เวลานาน ในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะเดินไปข้างหน้า หรือพัฒนาได้

ท่านผู้ชมที่เคารพครับ รายการในวันนี้ก็คงจะจบทิ้งท้ายลงด้วยคำว่า หลักนิติธรรมนั้น คือหลักที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการทำงาน ไม่ได้ใช้อารมณ์ ไม่ได้ใช้ความรู้สึก ไม่ได้ใช้อำเภอใจ แต่กฎหมายนั้นต้องเป็นกฎหมายที่ดี กฎหมายที่เป็นธรรม กฎหมายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ถ้าหากเราเข้าใจตรงกันอย่างนี้ทั้งหมด การที่เราจะปฏิรูปประเทศจากนี้ไป ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยุ่งยาก ลำบากจนเกินไปนัก รายการในวันนี้ขอจบลงเพียงเท่านี้ ผมและท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขอลาท่านผู้ชมไปก่อน สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น