ทอ.เผยสนามบินกาฐมาณฑุ เคลียร์รันเวย์ให้เครื่องบิน C-130 จากไทยสองลำนำของพระราชทาน-สิ่งของ 16 ตันจากรัฐบาลไทยเข้าเนปาลได้แล้ว คืนนี้เวลาตี 2 ด้าน “ทำเนียบฯ” เปิดวอร์รูมติดตามช่วยเหลือ พร้อมรับบริจาค ที่ตึกนารีสโมสรทุกวัน
วันนี้ (29 เม.ย) มีรายงานว่า พล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมมอบหมายให้กองทัพอากาศจัดเครื่องบินลำเลียงแบบ C-130 H จำนวน 2 เครื่อง เพื่อนำสิ่งของช่วยเหลือไปยังประเทศเนปาลในเช้าวันนี้ (29 เม.ย.) แต่เกิดปัญหาในเรื่องของการลงจอดที่สนามบินกาฐมาณฑุไม่มีพื้นที่รองรับเครื่องบินจากไทย จึงได้ต้องเลื่อนการเดินทางออกไปก่อนนั้น
“ขณะนี้ทางสนามบินกาฐมาณฑุได้แจ้งมาว่า มีความพร้อมในการรองรับเครื่องบินที่จะนำความช่วยเหลือจากประเทศไทยแล้ว กองทัพอากาศจึงได้กำหนดทำการบินเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 จำนวน 2 เครื่อง ในคืนนี้ เวลา 02.00 น. และ 02.30 น.ของวันที่ 30 เม.ย.นี้ ตามลำดับ”
โฆษกกองทัพอากาศยังระบุว่า เครื่องบินทั้ง 2 ลำจะนำสิ่งของประกอบด้วย สิ่งของประทานจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นเครื่องยังชีพที่จำเป็นในการดำรงชีวิต และสิ่งของที่เป็นความต้องการเบื้องต้นจากรัฐบาลและส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ เต็นท์ และเก้าอี้สนาม ผ้าใบ น้ำดื่ม และปลากระป๋อง ยาและเวชภัณฑ์ ผ้าห่ม เครื่องกรองน้ำ อุปกรณ์ยังชีพ น้ำเกลือ รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 16 ตัน
ทั้งนี้ คาดว่าจะไปถึงสนามบินกาฐมาณฑุในเวลาประมาณ 07.00 น. และ 07.30 น.ตามลำดับ และสำหรับในเที่ยวบินกลับหากทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกาฐมาณฑุมีคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับมาด้วย กองทัพอากาศพร้อมที่จะรับกลับเหมือนที่ได้ดำเนินการมาแล้ว
อีกด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้วางแผนการจัดประชุมวิดีทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมระหว่างศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรีจากทำเนียบรัฐบาล กับศูนย์บัญชาการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และสถานเอกอัครทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุ/ชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศเนปาล เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เป็นประจำทุกวัน
“ขณะนี้การทดสอบสัญญาณการสื่อสารพบว่าสามารถใช้การได้เป็นอย่างดี โดยจะเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้ชุดปฏิบัติการของสถานทูตร่วมกับชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ของไทยที่เดินทางไปถึงเนปาลเมื่อวานนี้กำลังลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและสถานการณ์เพื่อวางแผนการปฏิบัติงาน”
ส่วนการประชุมร่วมผ่านศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรีจะมีการรายงานผลการปฏิบัติทุกวันให้นายกรัฐมนตรีทราบ และสถานการณ์การช่วยเหลือในทุกช่วงจะมีการรายงานผ่านกองบัญชาการกองทัพไทยซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบหลักเป็นประจำทุกวันเช่นกัน โดยรัฐบาลไทยจะยืนหยัดช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยในเนปาลอย่างถึงที่สุดตามหลักมนุษยธรรม จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
วันเดียวกันที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนรัฐบาลรับมอบเงินบริจาคและสิ่งของจากตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เนปาล โดยมีตัวแทนภาครัฐและเอกชนบริจาคเงิน ดังนี้
1) กลุ่มบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริจาค จำนวน 5,000,000 บาท 2) วิทยาลัยเสนาธิการทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (ผู้บังคับบัญชา คณาจารย์ นักศึกษาและข้าราชการ) บริจาคเงิน จำนวน 30,004 บาท 3) องค์การเภสัชกรรม โดยนายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม บริจาคเงิน จำนวน 300,000 บาท พร้อมยาและเวชภัณฑ์ จำนวนมูลค่า 8,389,829 บาท และ 4) สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า บริจาคจำนวน 11,100 บาท
ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนทุกคนที่ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อสมทบเข้ากองทุนช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล ซึ่งรัฐบาลได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ชื่อบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” บัญชีเลขที่ 067-0-10330-6 โดยยืนยันเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมอบจากประชาชนจะนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยดังกล่าวให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ถูกต้อง และเกิดประโยชน์คุ้มค่าอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของที่ตึกนารีสโมสร เวลา 14.30 ทุกวัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยที่เนปาลอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีผู้แทนรัฐบาลเป็นผู้รับมอบ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสิ่งของนั้นสามารถบริจาคโดยตรงที่ กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิต และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ บางเขน เพื่อความสะดวกในการขนส่งไปยังเนปาลต่อไป