รองนายกรัฐมนตรี ไม่กังวลปมนายกรัฐมนตรีคนนอก ยันไม่มีไฟเขียว ไฟแดง ให้ สปช.- กมธ. ยกร่างฯ ไปคุยเอาแบบไหน เชื่อเจตนาต้องการเปิดช่องยามวิกฤต เรื่องประชามติต้องดูอนาคต แจงสหรัฐฯ ส่งหนังสือเลื่อนประชุมเตรียมการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ 2016 ไปต้นเดือน มิ.ย. ยันคดีบึ้มเซ็นทรัล สมุย คดีคืบหน้า ไม่ขอพูดโยงนักการเมือง
วันนี้ (21 มิ.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เลื่อนประชุมเตรียมการฝึกร่วมผสมภายใต้รหัสคอบร้าโกลด์ 2016 ว่า ทางสหรัฐฯ ได้ทำหนังสือเป็นเอกสารยืนยันว่า จะขอเลื่อนการประชุมไปต้นเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า ไม่ได้ยกเลิกการฝึก ดังนั้น จึงไม่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะทุกปีก็มีการเลื่อนประชุม ไม่ใช่เฉพาะปีนี้ อาจเป็นความไม่พร้อม แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า การเลื่อนฝึกครั้งนี้อาจเกี่ยวกับทางการไทยไปสานความสัมพันธ์กับทางรัสเซีย และ จีน เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกับ จีน และ รัสเซีย เรารัก และเปิดรับทุกประเทศ ซึ่งนายรัฐมนตรีรัสเซียไม่เคยมาเยือนก็มาเยือนปีนี้เป็นครั้งแรก สมัยตนเป็น ผู้บัญชาการทหารบกก็ไปเยือนรัสเซีย ไม่มีอะไรแปลกประหลาด”
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับ 6 ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบวางระเบิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เกาะสมุย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก สื่อถามทุกวัน ตนยืนยันว่า มีความก้าวหน้า และมีความชัดเจนมากขึ้น ในเรื่องพยานหลักฐาน ส่วนจะเชื่อมโยงถึงนักการเมืองหรือไม่นั้นตนไม่ขอพูด
รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังกล่าวถึงกรณีที่ทีข้อกังวลเปิดช่องให้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในร่างรัฐธรรมนูญ ว่า หลายประเทศก็เป็นแบบนี้ และ นายกฯ ก็ต้องเป็นคนในประเทศ ไม่ใช่คนนอกประเทศ ทั้งนี้ นายกฯ จะมาอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่ที่ทราบ ส.ส. เป็นคนเลือกนายกฯ จะเป็นหรือไม่เป็น ส.ส. ก็ได้ แต่คนเลือกจะต้องเป็น ส.ส. ไม่มีอะไรน่ากังวล
เมื่อถามว่า กรณีนี้ นายกฯ ไม่ได้มาจากตัวแทนของประชาชน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะเอาอย่างไรก็ได้ ตนไม่ได้มีไฟเขียว หรือ ไฟดำ ไฟแดง อะไรเลย ก็ให้ไปตกลงกันไป ทั้งนี้ เป็นเรื่องของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ. ยกร่างฯ) ต้องคุยกันว่าจะเอาแบบไหน ที่เห็นว่าประเทศสามารถที่จะอยู่ได้ ทั้งนี้ ตนคิดว่า เจตนารมณ์ของผู้ร่างฯ ก็เพื่อต้องการเปิดช่อง เพราะเมื่อถึงเวลามันไม่สามารถเดินไปก็จะต้องมาแก้ไขปัญหาแบบนี้อีก ซึ่งการดำเนินการไม่ต้องการให้เกิดในลักษณะนี้ จึงได้เปิดโอกาส ส.ส. สามารถเลือกคนที่เหมาะสม หรือ เป็นกลางที่ไม่มีพวกมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาในชั้นต้น
“ผมว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่ปกติแล้ว ส.ส. ก็จะต้องเลือกคนที่เป็น ส.ส. ที่มาจากพรรคการเมืองอยู่แล้ว ส่วนการทำประชามตินั้น โอกาสจะทำ หรือไม่ทำเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ต้องดูในอนาคตว่าควร หรือ ไม่ควรทำ ซึ่ง สปช. ก็ต้องดำเนินการ ว่าควรจะมีประชามติหรือไม่ ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่าห้าม ไม่ได้เขียนว่าต้องทำ” พล.อ.ประวิตร กล่าว