นายกรัฐมนตรีเผยยังไม่มีข่าวบึ้มที่อื่น หลังเซ็นทรัลสมุยระเบิด วอนอย่าตื่นตระหนก เชื่อซับซ้อนซ่อนเงื่อน วางแผนไว้ล่วงหน้า ด่ากลับ ส.ส.ภาคใต้ยังไม่เอ่ยชื่อสักคนจะร้อนตัวทำไม เชื่อเรื่องการเมือง-ดิสเครดิตรัฐบาลแน่ เอาไฟใต้มาโยง แจงประชามติหรือไม่ยังตกลงไม่ได้ แต่ถามกลับแก้ปัญหาได้ไหม ปฏิรูปได้ไหม ติงโพลถามไม่มีสาระ อีกด้านอารมณ์ดี ถอดเหล็กดัดฟัน ตัดผมใหม่ นักข่าวชมถึงกับให้ ทส.จำไว้ว่าตัดทรงนี้
วันนี้ (17 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเหตุการณ์คาร์บอมบ์ลานจอดรถศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัส สมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่าขณะนี้ยังไม่มีข่าวจะมีการก่อเหตุในพื้นที่อื่น อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ หน่วยงานด้านความมั่นคง กองอำนายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พลเรือน ตำรวจ และทหารจับตาดูอย่างละเอียด ทุกคนที่เกี่ยวข้อง หรือที่เคยเกี่ยวข้องก็จับตาดูทั้งหมด ตอนนี้อย่าเพิ่งไปตัดสินแต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ตอนนี้การสืบสวนกำลังคืบหน้าไปมากขอเวลาระยะนิดหนึ่ง สิ่งที่เราควรสังเกตคือการกระทำครั้งนี้ค่อนข้างซับซ้อน มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ไม่เหมือนคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ในพื้นที่ออกมาปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้เอ่ยชื่อใครสักคน จะปฏิเสธทำไม ร้อนตัวกันหรือเปล่า อย่าไปสร้างความตื่นตระหนกสิ และตัวเองก็อย่าตื่นตระหนก ถ้าไม่ได้ทำไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรเลย เขาก็บอกว่าอาจจะเป็นเรื่องการเมืองก็ได้ เรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้ หรืออาจจะเป็นเรื่องการเมืองแล้วเอาคนจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาก่อเหตุก็ได้ อย่าเพิ่งไปตัดสิน นักการเมืองมีเป็นร้อยเป็นพัน เขาบอกเป็นนักการเมือภาคใต้หรือก็เลยเดือดร้อน มันก็มีตั้งหลายคน อย่าเพิ่งไปตื่นตระหนก
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้อย่างแน่นอนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้หมด ต้องได้ เพราะกำชับกันแล้ว เว้นแต่หลักฐานไม่ครบมันก็ลำบาก เพราะการจะลงโทษจะต้องให้ชัด เมื่อถามว่า มีการประเมินกันหรือไม่ว่าเหตุใดคนร้ายถึงไปก่อเหตุที่ อ.เกาะสมุย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงการท่องเที่ยว อาจต้องการไม่ให้การท่องเที่ยวเราบูมหรือต้องการดิสเครดิตรัฐบาลอะไรทำนองนี้
เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวว่าผู้ก่อเหตุเปลี่ยนจาก ร้อยจุดในกรุงเทพฯ ไปก่อเหตุในพื้นที่ท่อน้ำเลี้ยงของ กปปส. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน แต่เรื่องของการเมืองมันเกิดได้ทุกพื้นที่ เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวนายกฯมองเป็นเรื่องการดิสเครดิสรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า ไม่ว่าจะทำอะไร ด้วยสาเหตุอะไร ก็ดิสเครดิสรัฐบาลทั้งสิ้น ฉะนั้นประชาชนต้องช่วยกันเฝ้าระวัง เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งให้ดี่ที่สุด อย่างที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวไปแล้ว ภาครัฐดำเนินการติดตามเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ผบ.ตร.ก็เต็มที่ ช่วงวันหยุด 5 วัน ส่งทีมทั้งทหาร ตำรวจ ลงไปสอบสวน คสช.ก็ลงไป ข่าวลับก็ลงไปด้วย มีความคืบหน้าตามลำดับ
เมื่อถามว่า จากการรับฟังรายงานคิดว่าจะสามารถสาวถึงตัวบงการใหญ่ ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ถึงโน้น ต้องค่อยๆ ไปทีละขั้น เท่าที่ทราบเดี๋ยวคนที่ร้อนตัวก็ออกมาเอง คงต้องสร้างการรับรู้ไปเรื่อยๆ วันนี้ถ้าเกี่ยวข้องกับใคร เป็นคนของใครก็ต้องไปดูกัน แต่เวลานี้หลักฐานที่ได้รับรายงานยังไม่ชัดเจนถึงตัวผู้บงการ
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้การโพสต์ข้อความเป็นฝีมือของกลุ่มการเมืองอำนาจเก่าที่ยังยึดติดผลประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็มี แต่ตอนนี้ต้องระวัง เพราะในโซเชียลฯ บางทีเขียนกันไปเขียนกันมา บางทีมันใช่ ตอนแรกก็คิดว่าคนแรกที่จับมามันใช่ แต่จากการที่ตนให้ทดสอบว่ารู้เรื่องคอมพิวเตอร์แค่ไหน แต่ปรากฏว่ามันไม่รู้ กดยังไม่ถูกเลย เปิดเฟซบุ๊ก เปิดเว็บไซต์ยังไงก็ยังไม่รู้ แต่เกี่ยวพันกับข้างไหน เป็นคนของฝ่ายไหนก็รู้อยู่ คนที่ถูกจับมาก็เสื้อไหนล่ะ มันก็เริ่มจากตรงนี้ทั้งนั้น ฉะนั้นอย่ามาโทษโยนความผิดแต่พวกนี้ ก็หลักฐานมันเป็นอย่างนั้น แล้วตนจะเอาหลักฐานอะไรไปสร้างให้ ที่จับมามีหลักฐานทั้งสิ้นเป็นฝ่ายไหน มีเสื้อสีโน้นสีนี้ซึ่งก็อยู่ที่บ้านเขาเองจะไปยัดให้เขาได้อย่างไร
เมื่อถามว่า มองกันว่ายิ่งใกล้ที่รัฐธรรมนูยจะเสร็จ จะมีการก่อเหตุลักษณะนี้มากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้พุดแล้วการเลือกตั้งอะไรต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าคนไทยคิดอย่างไร สื่อคิดอย่างไร ถ้ามันเดินหน้าได้ บ้านเมืองเลือกตั้งได้ มันก็ดีใช่หรือไม่ และเราจำเป็นต้องปฏิรูปหรือไม่ ถามสิ ที่พูดไปในการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ หก เดือนจำเป็นหรือไม่ ในสิ่งที่ต้องทำ และที่ต้องทำก็ยังไม่ได้พูดอีกเยอะ เวลาเราก็มีเท่านี้ ซึ่งตนไม่ได้ต้องการจะยื้อเวลา ขอถามประชาชนต้องอะไรมากกว่า ต้องการให้ประเทศดีขึ้นหรือไม่ ต้องการให้เศรษฐกิจดีขึ้นหรือไม่ ไปดูได้ที่ผ่านมาเขาไม่ทำเลยอย่างที่ตนทำ ตนไม่ได้คิดแก้ปัญหาเร่งด่วนอย่างเดียวแล้วจบ มันไม่ใช่ ให้เขาเลิกเรียกร้อง เลิกเดินขบวนอย่างเดียว มันไม่ใช่ แต่ต้องทำให้เขามีความมั่นใจว่าต้องอดทน และต่อไปจะดีขึ้นหลัการปฏิรูป ทั้งการศึกษา การสร้างกระบวนการยุติธรรม แม้กระทั่งการสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจ การส่งออก การค้า เอสเอ็มอี ทุกอย่างโยงกันหมด ไม่ใช่มาเสียในปีนี้ ที่รัฐบาลทำการรัฐประหารเข้ามา ตรงนี้ประเด็นน้อยลงแล้ว
“เรื่องธุรกิจสีเทาที่รัฐบาลเข้าไปดำเนินการ วันนี้คนเดือดร้อนเยอะ ถ้าเอาตัวเลขของหอการค้าที่ได้สรุปส่งมาประมาณเดือนละสองหมื่นล้านบาท ปีหนึ่งเท่ากับสองแสนสี่ นี่คือเงินที่หายไป พวกเฝ้าต้นทาง ขายของผิดกฎหมาย แต่คนจนทั้งนั้นที่อยู่ตรงนี้ ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากทำความผิด แต่เขาไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องหากินแบบนั้น แต่พอรัฐบาลเข้าไปจัดระเบียบ คนพวกนี้ก็เดือดร้อน เงินก็หายไปจากระบบ ตรงนี้เรียกว่าธุรกิจสีเทา ผมว่าวันนี้ต้องมาดูเรื่องรายรับรายจ่ายภาคครัวเรือน ซึ่งรัฐบาลก็ต้องเข้าแก้เรื่องหนี้ครัวเรือนอีก ทั้งการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ คนจนต้องผ่อนกันทั้งนั้น ผมเองก็เคยผ่อนมาก่อน กว่าจะมีตังค์” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อะไรที่เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร ขอให้เชื่อมั่นตน ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารที่ไม่ต้องการอะไรเลย ไม่ได้อะไรสักอย่าง โดนตำหนิ โดนว่าอะไรต่างๆ ก็ต้องอดทน เพราะปล่อยไปมันไม่ได้ ถ้าเราไม่อยู่แล้ววันหน้าจะเกิดอะไร ตนก็ไม่รู้ วันหน้าเกิดอะไรไม่มีใครแก้แล้วนะ จะบอกให้
เมื่อถามว่า เหตุระเบิดที่เกาะสมุยจะเป็นตัวชี้วัดกระทบไปถึงโรดแมป ที่อาจต้องมีการทบทวนขยายเวลาออกไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า โรดแมปที่เขียนไว้ไม่ได้ระบุวันชัดเจน แต่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว แต่ถ้ามันไม่ได้คือรัฐธรรมนูญออกไม่ได้ ก็เลือกตั้งไมได้ ประชามติไม่ผ่านก็ไม่ได้อีก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้เกิดการทำประชามติ ว่า ยังไม่ถึงไหนเลย ถ้าตกลงกันได้ ยอมรับกันได้ว่าต้องเป็นอย่างไร ตนตั้งโจทย์ ทั้งประเทศไปตอบ ที่เป็นคนไทยนะ ต่างชาติที่อยู่ประเทศไทยด้วย เขาก็รักประเทศไทยนะ ไปดูสิ คนที่อยู่มานานก็บอกว่าประเทศไทยต้องปฏิรูป เขาอยากมีความสุข วันนี้สงบสุข เขาพอใจ เว้นแต่คนไทยเองไม่พอใจ อาจจะเป็นคนที่มีปัญหา
“ฉะนั้นวันนี้ผมถามกลับไปว่า ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านได้ ยอมรับกัน แล้วประชามติหรือไม่ทำประชามติ ประเด็นสำคัญก็คือว่า ถ้าผ่านมา หรือเขียนรัฐธรรมนูญแบบเดิมๆ มันแก้ปัญหาได้ไหม ปฏิรูปได้ไหม รัฐบาลกี่รัฐบาลแล้วที่เขาจะปฏิรูป ทำได้ไหม แล้วผมเข้ามาใช้อำนาจเนี่ย มันต้องได้ แต่ต้องได้รับการยอมรับจากพวกเรา ต้องช่วยเราสิ ถ้าอยากมีอนาคตที่มั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน ถ้าก็ต้องทำใหม่ การทุจริต ผิดกฎหมายก็ว่ามา มันสำคัญอยู่ที่ว่าเรื่องอะไรบ้างที่จะต้องปฏิรูป ใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ใครจะเป็นคนทำ ทำอย่างไร ใช้กฎหมายอะไร และใครจะอำนวยการตรงนี้ แต่ถ้าเลือกตั้งมามันเป็นพรรคการเมืองมันก็ตกหมด ก็เหมือนเดิม ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามว่า ประชาชนจะมีช่องทางการสื่อสารโดยตรงต่อรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไปทำโพลล์มาสิ มัวแต่ทำอะไรมาก็ไม่รู้ ไม่ชอบนายกฯ ตรงไหน เสียงดัง ดุ ตั้งแบบนี้ไม่มีสาระเลย ได้อะไรขึ้นมา ตนจะดุน้อยลงหรืออารมณ์ดีมากขึ้น ตนก็เป็นอย่างนี้ละ มันต้องตั้งคำถามให้ดี ถ้าตั้งคำถามว่าอยากเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ได้ ต้องถามว่าควรจะปฏิรูปหรือไม่
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะทำโพลเองหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ทำ เพราะถ้าทำแล้วเดี๋ยวหาว่าอยากอยู่ในอำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีได้กล่าวหยอกล้อกับกลุ่มผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี และได้มีผู้สื่อข่าวถามถึง “เหล็กดัดฟัน” ที่วันนี้ไม่เห็น พล.อ.ประยุทธ์ใส่มาด้วย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ฉันไม่ได้ใส่ฟันเพื่อความหล่อ ฉันเคี้ยวอาหารแล้วมันเจ็บเหงือก เพราะเคี้ยวแล้วฟันไม่สบ เลยไปปรึกษาหมอ หมอเลยเอานี่ครอบมาระยะหนึ่ง ก็ทนเจ็บเอา”
เมื่อผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า วันนี้ตัดผมหล่อ ตัดร้านไหน มีร้านประจำหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลูกน้องไปตามช่างมาตัดที่บ้าน ไปไหนไม่ได้ ทำงานแล้วก็กลับบ้าน เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวว่าทรงนี้ดูดี นายกรัฐมนตรีจึงหันไปบอก ทส. ว่า “จำไว้นะ ทรงนี้นะเว้ย”