ไทย-จีนยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านทุกมิติ

ไทย-จีนยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน พร้อมสร้างกลไกความร่วมมือสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในทุกมิติ มั่นใจพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยการบินได้ตามกำหนด ชม “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” บริหารประเทศนำความสงบมาสู่คนไทย เร่งเดินหน้าซื้อขายยางจากไทย

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยด้วยว่า ในช่วงเย็นวันที่ 9 เม.ย. 58 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้เข้าเยี่ยมคำนับและหารือข้อราชการกับนายเมิ้ง เจี้ยนจู้ สมาชิกกรมการเมือง และ หัวหน้าคณะกรรมาธิการการเมืองและกฎหมาย คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ สาธารณรัฐประชาชนจีน (สปจ.) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะร่วมกันพัฒนาและยกระดับความสัมพันธ์ในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่รอบด้าน เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาในภูมิภาคให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

หลังจากนั้นได้เข้าเยี่ยมคำนับนายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีน หารือสานต่อความร่วมมือและความคืบหน้าในเรื่องต่างๆ ที่เป็นรูปธรรม ประกอบด้วย การลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน การพัฒนาเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือซื้อพืชผลทางการเกษตร การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาและจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน จีนสนับสนุนการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายหนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด-กทม. ซึ่งเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมของจีนกับประเทศนอกภูมิภาคซึ่งทั้งสองประเทศจะได้รับประโยชน์ร่วมกันรวมทั้งประเทศในภูมิภาค

ทั้งนี้ โครงการมีการพัฒนาคืบหน้าเป็นอย่างดี โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะผลักดันให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยจัดตั้งกลไกความร่วมมือร่วมกัน ขณะเดียวกัน จีนขอให้ไทยสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับสื่อมวลชนเพื่อให้รายงานข่าวอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง สร้างปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินโครงการ ให้เกิดการก่อสร้างโดยเร็วเพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศ

พล.ต.คงชีพกล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคง ในปี 2557 ที่ผ่านมาจีนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ากว่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งสองฝ่ายเห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงควบคู่กันไป เนื่องจากปัจจุบันมีความเชื่อมโยงระหว่างประเทศในมิติต่างๆ มากขึ้น การขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนระหว่างกันจะได้ประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ ขณะเดียวกัน ความร่วมมือด้านความมั่นคงขอให้กลาโหมของทั้งสองประเทศได้หารือร่วมกันให้ได้ฉันทามติในการปฏิบัติร่วมกันอย่างราบรื่น นำความสงบสุขมาสู่ทั้งสองประเทศ

สำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีประชากรจีนเดินทางไปท่องเที่ยวไทยสูงถึง 4 ล้านคนซึ่งเป็นอันดับ 1 ของไทย ไทยขอขอบคุณจีนที่สนับสนุนประชาชนจีนมาท่องเที่ยวไทย และปี 2558 นี้มีความสำคัญของวาระครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน กอปรกับ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา จึงเห็นชอบร่วมกันที่จะยกระดับความสัมพันธ์ในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่รอบด้าน และสร้างกลไกความร่วมมือสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในทุกมิติ

สำหรับความกังวลของไทยต่อการบินพลเรือนสากล (ICAO) นั้น จีนมีความเข้าใจและเชื่อมั่นว่าไทยสามารถที่จะดำเนินการได้ทันตามกำหนด และจะได้กำชับให้มีติดต่อประสานงานกับไทยมากขึ้น เพื่อรักษาความปลอดภัยให้การบินของทั้งสองประเทศ ดำเนินไปได้อย่างมั่นคง

โฆษกระทรวงกลาโหมกล่าวอีกว่า ความร่วมมือการค้าพืชผลทางการเกษตร จีนเห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของทั้งสองประเทศที่มีมายาวนาน 40 ปี และยืนยันถึงความพร้อมที่จะซื้อข้าวและยางพาราจากไทยตามที่ตกลงกัน โดยขอให้รมช.พาณิชย์ของจีน ได้พูดคุยกับ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ของไทยในรายละเอียดเพิ่มเติมให้ได้ข้อยุติและมีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

สำหรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยนั้น จีนเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่สามารถบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมของจีนที่มีความเชื่อมโยงกัน จีนพร้อมที่จะสนับสนุนให้วิสาหกิจและวิสาหกิจร่วมหุ้นของจีนไปร่วมลงทุน โดยขอให้ไทยสร้างความชัดเจนในการคุ้มครองผลประโยชน์และสิทธิพิเศษการลงทุนซึ่งไทยกำลังเร่งดำเนินการโดยจะจัดทำกฎหมายรองรับ คาดว่าจะมีความชัดเจนที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ท้ายที่สุดนี้ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชาจีนได้กล่าวชื่มชมการบริหารงานของรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และการดูแลความมั่นคงของ พล.อ.ประวิตร ที่สามารถนำความสงบสุข สันติภาพและความมั่นคงมาสู่ประเทศและประชาชน ตลอดจนพัฒนาและกระชับความสัมพันธ์ไทย-จีนที่มีมายาวนาน 40 ปี ให้แน่นแฟ้นและปรากฏผลที่เด่นชัดเป็นรูปธรรม มีความก้าวหน้าที่มั่นคงและเป็นไปอย่างราบรื่น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป