xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กป้อม” ป้อง จนท.ใต้ไม่ตั้งใจให้สูญเสีย ห้ามแดงจัดงาน ยัน ดีลทุกชาติเป็นกลาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม(แฟ้มภาพ)
“ประวิตร” เชื่อ จนท.ไม่ตั้งใจให้สูญเสีย ต้องการให้ จชต.สันติสุข ว่าไปตามผลสอบ ถือเป็นบทเรียน ปัดปรับทุ่งยางแดงโมเดล ย้ำเลือกตั้งตามโรดแมป ห้าม แดงจัดงานรำลึก ให้ทำส่วนตัว ย้อนทหารเสียชีวิตไม่เห็นรำลึก รับนายกฯ ตั้งความหวังมาก มั่นใจ ขรก.ร่วมมือ เชื่อทุกคนเข้าใจ ม.44 แจง บินพบกลาโหมจีน 8-10 เม.ย. โครงการจัดหาเรือดำน้ำยังไม่คืบ รับจำเป็น โต้ถ่วงดุลมะกัน ยันดีลทุกชาติเป็นกลาง

วันนี้ (8 เม.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลสรุปของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ระบุเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกรณียิงผู้ต้องสงสัยเสียชีวิต 4 ศพ บริเวณป่าสวนยางเชิงเขา บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ว่าเมื่อผลสอบสวนออกมาเป็นเช่นไรก็เป็นไปตามนั้น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่พยายามทำดีที่สุดแล้วและไม่ได้ตั้งใจให้เกิดความสูญเสีย ช่วงนั้นเป็นเวลากลางคืนอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ก็ต้องถือเป็นบทเรียน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมที่จะดำเนินการเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไป

ส่วนรายละเอียดของข้อผิดพลาดนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องรายละเอียดในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ต่อไปคงต้องตรวจสอบข้อมูลมากขึ้น แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตั้งใจให้เกิดสันติสุขขึ้น สำหรับการเยียวยาให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียนั้น ทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดูแลอยู่แล้ว โดยรัฐบาลและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ยืนยันในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ต่อไป ในส่วนของทุ่งยางแดงโมเดลนั้นคงไม่ต้องปรับปรุงอะไร เพราะดีอยู่แล้วในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต หรือโหร คสช. ออกมาระบุถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าจะอยู่ในตำแหน่ง 3 ปีว่า ยืนยันได้ว่า คสช.ยังยืนยันที่จะเดินไปตามโรดแมป ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่ คสช.ได้ประกาศไว้ หัวหน้า คสช.ก็พูดมาตลอดเวลาไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงในการดำเนินการ ส่วนที่มองว่าปัญหาอาจจะเกิดจากร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยังไม่ลงตัวนั้น ห้วงเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญมีการกำหนดไว้ชัดเจน ตอนนี้อยู่ในช่วงการดำเนินการ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อถามว่ายืนยันมีการเลือกตั้งปีหน้าแน่นอนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเป็นไปตามโรดแมปที่ คสช.ได้วางไว้

ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นหนังสือขอนุญาต คสช.จัดกิจกรรมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไปรำลึกส่วนตัวไป ทหารก็เสียชีวิตเยอะแยะไม่เห็นต้องรำลึกเลย ทำบุญก็ทำไป ไม่มีใครห้าม แต่อย่ามารวมกลุ่มกัน อย่าไปทำให้เป็นประเด็น มันไม่ดี และให้ไปทำที่อื่น อย่ารวมกลุ่มกันทำ บ้านช่องก็มีก็ทำไป ไม่ใช่ทำเป็นส่วนรวม ผมขอร้องแล้วกัน อะไรที่เป็นประเด็นอย่าไปทำเลยในตอนนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามทำ ไม่ได้มีปัญหา” รมว.กลาโหมกล่าว

เมื่อถามว่าในการประชุมแม่น้ำ 5 สายเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีหนักใจที่ทำงานได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์จากที่ตั้งความหวังไว้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีตั้งความหวังไว้มาก แต่รายละเอียดต่างๆ ในการบริหารประเทศมีจำนวนมาก ต้องแก้ไขปัญหาและทำอย่างไรให้ถูกต้องเป็นแบบสากล และต้องดูแลว่าอะไรที่ต้องทำให้เป็นผลสัมฤทธิ์ และดูแลประชาชนไม่ให้เกิดความยากลำบาก โดยลดความเหลื่อมล้ำ ขณะนี้นายกรัฐมนตรีก็ทำทุกอย่าง ตั้งใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำทุกวัน และคิดทุกวัน และผลยังไม่ออกมา แต่ในอนาคตก็ต้องออกมาเพราะท่านต้องการให้เกิดความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน ทุกเรื่องก็มีปัญหาแต่ก็ต้องแก้ไขกันไป เดินไปตามเข็มมุ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องการ เมื่อตั้งใจไว้แล้วก็ต้องดำเนินการเพื่อประชาชนเพื่อประเทศชาติเดินไปข้างหน้าให้ได้ และยังมั่นใจว่าข้าราชการยังคงให้ความร่วมมืออย่างดี

พล.อ.ประวิตรกล่าวด้วยว่า สำหรับการชี้แจงต่างชาติให้เข้าใจถึงการใช้มาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงทูตต่างประเทศหลายชาติไปแล้ว เชื่อมั่นว่าทุกคนเข้าใจว่ามาตรา 44 ไม่ได้มีไว้ทำร้ายคน มีไว้ทำประโยชน์ แก้ไขปัญหาติดขัด ใช้เพื่อให้ประเทศเดินไปให้เร็ว อะไรที่ทำให้สงบและเกิดความปรองดองได้ นายกรัฐมนตรีถึงจะนำมาใช้

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวก่อนเดินทางไปเยือนกระทรวงกลาโหมจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.นี้ว่า เป็นการไปเยือนหลังจากที่นายฉาง ว่านฉ่วน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของจีนเดินทางมาเยือนไทยก่อนหน้านี้ โดยจะใช้เวลาห้วงสั้นๆ ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องการฝึกและศึกษาที่ได้ดำเนินการไปตามแผนงานที่วางไว้ เพราะกระทรวงกลาโหมสองประเทศได้ประสานงานกันมานานแล้ว ไม่ใช่เริ่มทำในวันนี้ ส่วนจะเดินทางไปดูอาวุธยุทโธปกรณ์และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับทางจีนว่าจะจัดให้ดูหรือไม่ ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่ดู

“โครงการจัดหาเรือดำน้ำที่พูดกันมากนั้น ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า กระทรวงกลาโหมเพียงแค่เห็นชอบในหลักการตามที่กองทัพเรือได้เสนอความจำเป็นขึ้นมา ส่วนการจัดหาและเลือกแบบ รวมถึงงบประมาณ เป็นเรื่องของกองทัพเรือ ซึ่งไม่ใช่ซื้อวันนี้แล้วจะนำเข้าประจำการได้ทันที ต้องใช้เวลาอีกนาน และต้องมีการผูกผันงบประมาณไปอีก 5-10 ปี และจำไว้แล้วกันว่าเราไม่มีปัญญาที่จะซื้อยุทโธปกรณ์ด้วยเงินจำนวนมาก ถึงมีเงิน ก็คงไม่ใช้มากขนาดนี้ เพราะเราคงไม่รวยมากขนาดนั้น แต่เรือดำน้ำมีความจำเป็นที่เราต้องมี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุ

เมื่อถามถึงการถ่วงดุลมหาอำนาจสหรัฐฯ ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์โดยมีการดีลจีน และรัสเซียมากขึ้นนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เราพร้อมจะดีลกับทุกประเทศ ไม่ได้ระบุหรือเจาะจงว่าต้องเป็นประเทศใด อย่าพูดให้เป็นประเด็น ยืนยันว่าไม่มี และบังเอิญที่นายกรัฐมนตรีรัสเซียมาเยี่ยมเยียนนายกรัฐมนตรีของไทย ไม่เกี่ยวกับตนที่เดินทางไปประเทศจีนในวันนี้ (7 เม.ย.) พอดี ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ตนเดินทางไปในนามของกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ใครจะมาเราก็พร้อมต้อนรับ และเราก็อยากไปทุกประเทศที่เชิญมา ขึ้นอยู่กับเวลาด้วย ยืนยันว่าเราเปิดกว้างและเป็นกลาง พร้อมรับทุกประเทศ โดยต้องการทำให้ประเทศชาติเจริญและมั่งคั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัชมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก และคณะประกอบด้วย รมช.ต่างประเทศ, รมช.เกษตรและสหกรณ์, ปลัดกลาโหม, ผบ.ทหารสูงสุด และผบ.เหล่าทัพ เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 8-10 เม.ย. 2558 นี้ ตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับกำหนดการเข้าเยี่ยมคำนับและหารือกับข้อราชการกับ พล.อ.ฉาง ว่านฉวน มนตรีแห่งรัฐและ รมว.กลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน พล.อ.อ.สวี่ ฉีเลี่ยง รองประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลางแห่งชาติ นายเมิ่ง เจี้ยนจู้ สมาชิกกรมการเมือง หัวหน้าคณะกรรมาธิการการเมืองและกฎหมาย คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ นายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์และขยายความร่วมมือระหว่างกลาโหมของทั้งสองประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น