ผ่าประเด็นร้อน
แถลงออกมาแบบชัดถ้อยชัดคำออกมาจาก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดงานรำลึกครบรอบ 5 ปี ของเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 53 เนื่องจากเห็นว่ารูปแบบการจัดงานจะออกมาในเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง
“คสช. ไม่อนุญาตให้จัดงานนี้ เพราะเป็นการจัดการประชุมในเชิงสัญลักษณ์ทุกคนทราบดีว่าการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ต้องมีการให้ข้อมูลข่าวสารต่อสังคม และมีผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาให้สัมภาษณ์ เนื้อหาที่จะออกมาย่อมเป็นไปตามความเข้าใจของกลุ่มคนดังกล่าวที่จะคงเป็นประเด็นปมขัดแย้งเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถเดินหน้าการปฏิรูป และมองข้ามความขัดแย้งได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด คือ ขอให้ทุกฝ่ายหยุดวิพากษ์วิจารณ์แล้วปล่อยให้เรื่องทั้งหลายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และทุกฝ่ายต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม มิฉะนั้นจะไม่มีทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้”
นั่นคือ สัญญาณที่ส่งผ่านมาโดยตรง ชัดๆ เป็นครั้งแรกแล้วว่า ไม่อนุญาตให้จัดงานประเภทนี้อย่างเด็ดขาด แม้ว่าจะมีการขออนุญาตขอจัดงานก็ตาม
และแน่นอนว่า งานประเภทเดียวกันนี้ในวันที่ 16 - 19 พฤษภาคม ที่แยกราชประสงค์ ที่เป็นวีนรำลึก 5 ปี ก็ต้องงดไปโดยปริยายด้วยเหตุผลเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ เหวง โตจิราการ หนึ่งในหัวโจกคนเสื้อแดง ก็เคยออกมากล่าวแบบหยั่งเชิงว่าจะมีการจัดงานรำลึกวันดังกล่าว เพื่อฟังท่าทีจาก รัฐบาล และ คสช. ซึ่งแน่นอนว่า นี่คือคำตอบที่ชัดเจนออกมาแล้วก็ต้องเงียบเสียงไป เพราะเหมือนกับรับรู้กันอยู่แล้ว
สำหรับเหตผลของฝ่ายรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ดูแลด้านควมมมั่นคง ย่อมซีเรียสกับเรื่องอ่อนไหวประเภทนี้อยู่แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นจะมีการออกคำสั่ง คสช. แบบเข้มข้นตามหลัง มาตรา 44 หลังจากยกเลิกกฎอัยการศึกทำไม เพราะนอกเหนือจากการจัดห้ามจัดงานประเภทนี้แล้ว เชื่อว่ายังมีการ “ประกบ” บรรดา “หัวโจก” คนสำคัญเอาไว้กันแบบไม่ให้คลาดสายตาเป็นอันขาดอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่าเวลานี้ยังมีการเคลื่อนไหวในแบบใต้ดินทั้งในและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และโดยเฉพาะจากนอกประเทศที่นับวันจะยิ่งรวมตัวกันติด มีการแตะมือประสานงานกับกลุ่มเอ็นจีโตต่างประเทศ รัฐบาลตะวันตกบางประเทศ รวมทั้งสื่อต่างประเทศเคลื่อนไหวโจมตีดิสเครดิต รัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมไปถึงผู้นำคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เขาต้องออกมาเตือนกันเข้มๆกลับไปว่าให้หยุดพฤติกรรมแบบนั้นเสียที เนื่องจากเห็นว่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม
แน่นอนว่า ในมุมด้านความมั่นคงมันย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไฟเขียวให้คนเสื้อแดง ที่เป็นเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นกลุ่มอำนาจเก่า ที่เสียประโยชน์โดยตรงจากเหตุถารณ์ 22 พฤษภาคม จากการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช. เพราะหากปล่อยให้มีการจัดงานก็ย่อมต้องมีการพูดจา มีการรวมกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อม “ต่อติด” กันขึ้นมาได้ไม่ยาก ซึ่งเมื่อพิจารณาจากบรรยากาศที่ซีเรียสในเวลานี้ก็เชื่อว่าบรรดาแกนนำทั้งหลายก็คงรับรู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่เช่นนั้นคงต้องออกมาแถลงแบบเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ เหวง โตจิราการ ที่ไร้พาวเวอร์ออกมาพูดแบบนี้
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงวันดังกล่าวอาจมีการเคลื่อนไหวออกมาบ้างจากระดับของคนเสื้อแดงที่อาจเป็นญาติ เป็นระดับชาวบ้านที่เคยเข้าร่วมในเหตุการณ์ ยังมีอารมณ์ร่วมอาจจะมีการทำกิจกรรมกันแบบเฉพาะตัว ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ แต่ระดับแกนนำมีชื่อทั้งหลายคงไมาปรากฏตัว เพราะรู้ว่าเสี่ยงเกินไป ไม่คุ้มแน่นอน
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาประกอบจากข้อมูลที่ระบุว่ามี “5 กลุ่ม” ที่เคลื่อนไหว ที่มีทั้งกลุ่มอำนาจเก่า กลุ่มธุรกิจ ที่เสียผลประโยชน์ เป็นต้น ถือว่าเป็นพลังหลักที่ต้องสกัดดับไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ยอมให้ขยับกันได้ง่ายๆ เพราะถ้ากระเพื่อมนิดเดียว หรือต่อกันติด ไฟก็อาจลุกพริบก็เป็นได้ ยิ่งเวลานี้เงื่อนไขด้าน “ปากท้อง” กำลังมาแรงจนน่าจับตา มันก็ยิ่งต้องเข้มกว่าเดิมหลายเท่า
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายข่าว โดยเฉพาะข้อมูลจาก “ฝ่ายสีเขียว” ที่ต้องทำงานกันหนักกว่าเดิม โดยเฉพาะเน้นไปที่เป้าหมายเฉพาะรายเฉพาะกลุ่ม ล็อกไว้นานแล้วอย่าขยับเป็นอันขาด !!
