“ประยุทธ์” ย้ำแก้ค้ามนุษย์เป็นหน้าที่ทุกรัฐบาลต้องทำเป็นรูปธรรม รับก้าวหน้ามาก สถานการณ์แรงงานประมงดีขึ้น จดทะเบียนกว่า 2 ล้านคน พร้อมจดสัมปทาน ตปท. ชี้ กม.เก่ากระทบประมงพื้นบ้าน เล็งแก้ รับให้เกียรติ “ปู” แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ย้อนไปดูที่พูดมาใช่หรือไม่ เตือนพระเตรียมบุกกรุงชุมนุม ค้านปฏิรูปพุทธฯ ต้องรู้อะไรควรไม่ควร - “สุวพันธุ์” รับผิดชอบเจรจา
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่อาคารสโมสรและหอประชุมกระทรวงคมนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมายว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเกิดขึ้น เรื่องประมง ค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าว ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของรัฐบาลทุกรัฐบาลต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมให้ได้ ต้องชัดเจน ไม่ใช่มีเฉพาะการรายงาน แต่ในการปฏิบัติมีน้อยมากที่มีความเปลี่ยนแปลง ถ้าเขียนว่าให้ทุกหน่วยช่วยกันดูแลเฝ้าระวังเรื่องแรงงานผิดกฎหมายมันไม่เกิดผลอะไร เพราะเป็นงานในระบบอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาดูเราคือการควบคุม มาตรการต่างๆ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของรัฐบาลจึงต้องเข้มงวดกวดขันว่าจะดำเนินการอย่างไรใน 4-5 ปี และเมื่อมีการเตือนมาแล้วก็ต้องมีมาตรการเตรียมความเสี่ยงเหล่านี้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการค้ามนุษย์ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการอยู่และมีความก้าวหน้ามาก และสั่งการให้ฝ่ายเศรษฐกิจศึกษาว่าจะมีความเดือดร้อนอย่างไรบ้าง ซึ่งยังอยู่ในระดับพอรับไหว และไม่เสียหายมากนัก แต่เราก็ไม่อยากให้เสียจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็ว และมีการกำหนดเวลาให้แล้วจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร เมื่อปัญหามีมายาวนาน 10-20 ปี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีความเข้มงวดมากขึ้นและขอเตือนพี่น้องชาวประมง นายทุนและผู้ประกอบการทั้งหมดทั้งรายใหญ่และรายย่อย วันนี้ตนดูปัญหาไปถึงประมงพื้นบ้านและประมงชายฝั่งด้วย วันนี้มีกฎหมายที่กำหนดว่า หากเรือต่ำว่า 30 ตันกรอส ต้องไม่มีประทุน ไม่มีเก๋ง วันนี้เรือดังกล่าวก็ออกไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องแก้ไขกฎหมายเพราะเป็นกฎหมายเก่าทั้งสิ้น ไม่มีการพัฒนากฎหมาย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวชี้แจงอีกว่า ขณะนี้เรื่องแรงงานประมงสถานการณ์น่าจะดีขึ้น เขาก็เห็นว่าเราเอาจริงเอาจังเรื่องการค้ามนุษย์ ครั้งที่แล้วไม่รู้รัฐบาลใครจะรายงานไปแล้ว แต่มันไม่เกิดผลในทางปฏิบัติเท่าไรนัก ครั้งที่แล้วเราเริ่มทำงานมา 3 เดือนกว่าๆ ซึ่งมีการจดทะเบียนแรงงานทั้งหมดทุกประเภท 2 ล้านกว่าคนเกิดในรัฐบาลนี้ทั้งนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยจดได้สำเร็จ วันนี้ก็ดีขึ้นพอสมควร ยอมรับว่าจะต้องเกิดขึ้นอีกเพราะคนไม่ดีก็เยอะ ก็ต้องไปไล่กัน นอกจากนี้ยังมีการร่วมจดสัมปทานร่วมกับต่างประเทศ เช่น บรูไน ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี และอีกหลายประเทศที่เป็นหมู่เกาะ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้อ่านเฟซบุ๊กของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โพสต์ถึงการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์แล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมเห็นแล้ว ผมเพิ่งพูดไป แต่ไม่อยากจะเอ่ยชื่อท่าน จะให้ผมไปตีกันอีกหรืออย่างไร ผมให้เกียรติท่าน เพราะท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นผู้หญิงแค่นั้นแหละ ส่วนเรื่องอื่นก็ให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ผมก็อำนวยความยุติธรรมให้ท่าน แต่สิ่งที่ท่านพูดมา ท่านก็ต้องไปใคร่ครวญดูว่ามันใช่หรือไม่ใช่ วันนี้ผมถามกระทรวงเกษตรฯ กรมประมง ปลัดกระทรวงเขาก็บอกว่ารายงานไป ผมก็ถามว่ารายงานไปว่าไง เขาก็บอกว่าเราตามจากตรงนี้ เรามีมาตรการรอบคอบ เข้มงวด เฝ้าระวัง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทำนองนี้ มันคิดอะไรบ้างล่ะ เขาถามว่าทำอะไรบ้าง หนึ่งขึ้นทะเบียนหมดหรือยัง สองคนที่มาอยู่เป็นสัญชาติไหน สาม หาปลาถูกต้องไหม มีสัมปทานหรือเปล่า สี่ เมื่อถูกจับกุม 600-700 คน ถูกค้ามนุษย์มาหรือเปล่า จะดูแล เยียวยาเขาอย่างไร โถ่เยอะแยะไปหมด ต้องทำทุกอัน”
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีเรือประมงถึง 6 หมื่นลำ ตอนนี้จดทะเบียนไปแล้ว 3 หมื่นลำ ส่วนที่เหลือก็เลี่ยงบ้าง หลบหนีบ้าง ต่อไปนี้ คสช.จะดูทุกท่าเรือทั้งหมด นี่ไงคือใช้อำนาจอย่างสร้างสรรค์ หนีตนไม่รอดหรอก ขึ้นทะเบียนให้หมด ถ้าชื่อซ้ำก็ยึด หนึ่งชื่อต้องมีลำเดียวเท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีเครือข่ายพระสงฆ์กว่า 10,000 คน เตรียมจัดกิจกรรมชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า 31 มีนาคมนี้ หลังไม่เห็นด้วยกับมติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ชุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่า “ท่านเป็นพระ ท่านต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็ถ้าท่านคิดว่าท่านเองไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เขาว่า เขาเสนอปฏิรูปมา แต่ความจริงแล้วผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะปฏิรูปอะไรกันนักกันหนา เพราะสิ่งที่ควรตอนนี้ คือ 1. ต่างคนต่างรับหลักการก่อนในขั้นต้น 2. ฝ่ายทรัพย์สินจะไปคุยกันเรื่องขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อย มันก็แค่นั้นแหละ ตอนนี้อย่ามาสร้างปัญหาให้ผม แค่นี้มันก็เยอะแยะแล้ว”
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะส่งใครเข้าเจรจาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องถามว่าเขาประท้วงเรื่องอะไร ถ้าประท้วงเรื่องปฏิรูป ต้องถามต่อคือ แล้วตอนนี้เขาทำหรือยัง ถ้ายัง จะมาประท้วงกันทำไม ส่วนเรื่องการพูดคุยก็ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบเจรจาพูดคุย