ผ่าประเด็นร้อน
ตามกำหนดการ ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีทุจริตจะเดินทางไปเคารพศพ ลี กวนยู อดีตผู้นำสิงคโปร์ในวันที่ 28 มีนาคม ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะเดินทางไปเคารพศพในวันที่ 29 มีนาคม ดังนั้นถ้าพิจารณากันตามตารางเวลา บุคคลทั้งสองไม่มีทางจะได้พบกันแน่นอน
แต่ก็อย่างว่าพอมีกำหนดการแบบนี้ออกมาทีไร มักจะมีการคาดเดากันไปต่างๆ นานาทุกครั้ง ในทำนองว่าจะมีการนัดพบเพื่อเจรจาต่อรองอะไรกันบางอย่าง และก็มีการปฏิเสธกันทุกครั้งแบบนี้เรื่อยไปจนน่าเบื่อหน่ายทั้งคนถามและคนถูกถาม
คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน ก็มีข่าวคราวทำนองเดียวกันอีก แม้ว่าตามกำหนดการจะมีการไปเคารพศพต่างกันคนละวันแต่ก็ยังไม่วายสงสัยกันอีก มีการคาดเดาออกมาตามสื่อและในโลกออนไลน์บางแห่งที่นินทากันว่าอาจมีการนัดหมายเจรจากันในที่ลับกันสักแห่ง ซึ่งจะว่าไปแล้วในความเป็นจริงมันก็เกิดขึ้นได้และไม่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหากพบกันจริงมันก็ต้องเปิดเผยออกมาจนได้ ไม่ช้าก็เร็ว และคนที่จะเสียหายก็ไม่ใช่ใครอื่นย่อมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งก็คือ “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ขณะที่สถานะของ ทักษิณ ชินวัตร ก็คือ “นักโทษหนีคดี” มันไม่สมควรพบกันอยู่แล้ว เพราะมันผิดกฎหมาย และที่สำคัญก็คือมัน “น่าเกลียด”
อย่างไรก็ดี การพบกันดังกล่าวจะเกิดขึ้นหรือไม่ ก็ต้องมาพิจารณาจากคำพูดของ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เผยเมื่อวันอังคารที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเชิญไปร่วมงานพิธีศพนายลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีคนเเรกของประเทศสิงคโปร์ ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะไปร่วมเคารพศพเช่นเดียวกันว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำของประเทศที่ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการ ส่วนท่านอื่นๆ จะไปในฐานะส่วนตัว หรือได้รับเชิญจากสิงคโปร์ก็เป็นดุลพินิจของสิงคโปร์ ส่วนโอกาสที่ทั้งสองคนจะไปเจอหน้ากันนั้น ตนบอกไม่ได้ว่าจะมีหรือไม่ “แต่เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน มั่นใจว่าท่านรู้ว่าจะทำแค่ไหน อย่างไร ถึงจะเหมาะสม”
เขากล่าวว่า นอกเหนือจากการบริหารราชการแผ่นดิน การดูแลสถานการณ์ในภาพรวมในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การเป็นผู้รับผิดชอบในความสำเร็จและล้มเหลวของ คสช.และแม่น้ำทั้ง 5 สาย จึงมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรู้ว่าควรวางบทบาทอย่างไร เพราะท่านต้องบริหารอารมณ์ของสังคมในเวลานี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่กล้าคิดที่จะไปกำหนดว่าสิงคโปร์ต้องทำอย่างไร เนื่องจากขณะนี้ประเทศเขากำลังมีความโศกเศร้าอยู่
“มีหลายฝ่ายพยายามจะถามว่า ถ้าไปเจอแล้วไม่จับเลยหรือ โดยความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ โดยพฤติกรรมนั้น เป็นอย่างนั้นไม่ได้ ท่านนายกฯ ไปในฐานะแขกของสิงคโปร์ ท่านมีภารกิจของท่าน และจะให้ทำยังไงมันไม่ได้ เพราะมันเป็นพื้นที่ต่างประเทศด้วย ผู้ที่พยายามคิดถึงข่าวเหล่านี้ ต้องเข้าใจถึงสถานการณ์ความเป็นจริงด้วย เป็นไปได้หรือไม่ หรือจะขอให้ต่างประเทศทำนู่นนี่นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องสมควร เพราะเป็นเวลาที่สิงคโปร์เขากำลังมีความรู้สึกอาลัยต่ออดีตผู้นำที่สร้างความเจริญให้ประเทศ”
คำพูดดังกล่าวน่าจะมีความหมายชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่า “จะเจอกันหรือไม่” จากคำที่ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จะรู้ว่าควรวางบทบาทอย่างไร เพราะท่านต้องบริหารอารมณ์ของสังคมในเวลานี้ด้วย”
ดังนั้นถ้าพูดถึงเรื่องของอารมณ์สังคมมันก็ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สมควรพบกับ ทักษิณอยู่แล้ว เพราะถ้าพบกันรับรองว่ายุ่งแน่ และยุ่งมากเสียด้วย ความศรัทธาที่สังคมยังมีให้จะต้องลดลงอย่างฮวบฮาบ และจะเกิดปัญหาตามมามากมาย ซึ่งเชื่อว่าที่ผ่านมาเขารับรู้อารมณ์แบบนี้และวางระยะห่างบริหารอารมณ์เหมาะสมใช้ได้
ขณะเดียวกัน สิ่งที่พิสูจน์ยืนยันให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่น่าจะพบกับ ทักษิณ ชินวัตร ก็คือคำพูดก่อนหน้านี้ที่ย้ำในทำนองว่า “คนที่หนี ขอให้กลับมา จะหนีทำไม ใครๆ ก็คิดถึงถูกเมีย ผมให้อภัย แต่ต้องเข้ามาสู้กันตามกระบวนการ(ยุติธรรม)”
ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากท่าทีและคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท่าทีที่ส่งผ่านมาทางรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นจึงพอมั่นใจได้ในระดับหนึ่งในเวลานี้ว่าไม่มีทางพบกันไม่ว่าที่ลับหรือที่แจ้ง เพราะรู้ถึงความเหมาะสม และการบริหารอารมณ์ของสังคมที่จะตามมา!!
