“อุดมเดช” เผย จนท.ยังพิสูจน์ที่มาอาวุธสงคราม ใกล้ที่ประชุม ครม.สัญจร รับเป็นไปได้แอบมาจากชายแดน ปัดเอี่ยวการเมือง คาดคนเก็บกลัวความผิดจึงทิ้ง ยกเป็นผลงาน จนท.ตรวจเข้ม ขออย่าตระหนก ตัดไฟแต่ต้น ลั่นทหารนำอาวุธออกมาขายโทษหนัก ยันอัยการศึกใช้เมื่อจำเป็น ชี้พวกโปรยใบปลิวไม่เข้าใจท่าเดียว กร้าวไม่เหมาะแปลงเพลง ทบ. หมิ่นเกียรติ-ปลัด กห.เชิญอดีตบิ๊ก กห.แนะการทำงาน
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่พบว่าถุงบรรจุวัตถุระเบิดและกระสุนอาวุธสงครามที่ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ริมถนนเพชรเกษม ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งใกล้กับสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรระหว่างวันที่ 27-28 มี.ค.นี้ มีชื่อหน่วยทหารติดอยู่ว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดกวดขันดูแลพื้นที่ตั้งแต่มี คสช.เข้ามาดำเนินการให้ภาพรวมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ให้สอดส่องดูแลพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจากข่าวยังพบว่ายังมีอาวุธสงครามที่ผิดกฎหมายหลงเหลืออยู่ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการพิสูจน์ที่มาที่ไปของวัตถุระเบิดและอาวุธสงครามเหล่านั้นว่าเป็นของทางราชการเดิม หรือนำมาจากภายนอก ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการลักลอบนำเข้ามาทางด้านชายแดนหรือไม่นั้นตามพื้นฐานก็เป็นไปได้ เท่าที่ดูไม่เกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง สำหรับเรื่องถุงกระสอบที่ใส่มีชื่อของหน่วยทหารติดอยู่นั้นต้องมีการตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมาบางครั้งทางหน่วยทหารก็นำถุงไปใส่สิ่งของแจกประชาชน เพราะฉะนั้นการที่จะมีถุงลักษณะดังกล่าวนี้มาใช้ก็ไม่ได้หมายความว่ามาจากหน่วยทหาร ซึ่งต้องรอการพิสูจน์หมายเลขวัตถุระเบิดและกระสุนอาวุธสงคราม
เมื่อถามถึงกรณีที่อาจมีเจ้าหน้าที่ทหารลักลอบนำอาวุธออกมาจำหน่าย พล.อ.อุดมเดชกล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาเคยมี แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ถ้าเป็นเช่นนั้นทางกองทัพบกจะต้องลงโทษอย่างหนัก แต่ทั้งนี้ต้องขอโอกาสและเวลาในการพิสูจน์ เพราะอาจจะมีการลักลอบนำมาจากชายแดนก็ได้
เมื่อถามว่าบังเอิญพบช่วงที่จะมีการประชุม ครม.สัญจร พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งความบังเอิญและส่วนหนึ่งที่จะมีการประชุม ครม.สัญจรจึงต้องเพิ่มความเข้มงวดในพื้นที่เป็นพิเศษ ตนคิดว่าผู้ที่เก็บของเหล่านั้นอาจเกิดความกลัวว่าจะถูกตรวจค้นจึงนำมาทิ้งไว้ หรืออาจเป็นกรณีอื่นก็ได้ เช่น เป็นการนำมาขายต่อในพื้นที่ชายแดนก็ได้ แต่นับว่าเป็นผลจากการกำชับและควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความเข้มข้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถจับกุมอาวุธต่างๆ ได้ ทั้งอาวุธสงครามและไม่ได้เป็นอาวุธสงคราม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ เพราะความไม่สงบอาจนำมาใช้ขยายผลต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนช่วยดูแลและอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากทางราชการได้ระงับและตัดไฟแต่ต้นลมได้หลายครั้ง ส่วนอาวุธที่จับได้บางอย่างของเก่ามาก และบางอย่างก็เก่าแบบกลางๆค่อนข้างใหม่ที่ไม่น่าขยายผลในทางอื่น
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า สำหรับเรื่องการบังคับใช้กฎอัยการศึกนั้น เรายืนยันแล้วว่าใช้เมื่อจำเป็นโดยเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรง หากมั่นใจว่าใช้จะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ แต่ขณะนี้พยายามใช้กฎหมายปกติ ขอให้สบายใจ แต่ความจำเป็นใช้กฎอัยการศึกก็ยังมีความจำเป็นแต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้อย่างพร่ำเพรื่อ
เมื่อถามกรณีที่มีการโปรยใบปลิวต่อต้าน คสช.ทิ้งเกลื่อนเมืองระยองนั้น แสดงว่าคนในพื้นที่ยังไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของรัฐบาลและ คสช.หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า นายกฯ ชี้แจงผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติทุกสัปดาห์ เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางคนที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจท่าเดียว แต่ก็มีบางคนติดตาม เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกไม่เห็นด้วย ตนอยากให้ลดและมาดูสิ่งที่ดีๆ ที่กำลังจะเดินไปข้างหน้า ส่วนเรื่องคอร์รัปชันอาจยังไม่ดีขึ้นมาก แต่ประเทศเราก็ดีขึ้น อยากให้เข้าใจว่าเราพยายามทำเต็มที่ทุกด้าน แต่จะรวดเร็วไม่ได้ เพราะต้องมีลำดับและการใช้เวลา เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยพยายามไม่ใช้อำนาจพิเศษ แต่จะใช้การขอความร่วมมือจากทุกคน
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับดัดแปลงเนื้อเพลงมาร์ชของกองทัพบก พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่ดี เราต้องอดทน ใครรู้ ใครรับทราบ และใครฟังต้องช่วยกันประณาม เพราะทหารมีเกียรติ จะมีการปรับแปลงเป็นสิ่งไม่งามนั้นไม่ดี ควรบอกเขาด้วย เพราะคนที่ไม่ดีจะได้ไม่กล้าทำอะไร ใครที่ทำไม่ดีต้องช่วยกันออกข่าวให้เขาหยุดและควรแก้ไข ส่วนจะมีการใช้กฎหมายกับกลุ่มที่ทำให้องค์กรเสื่อมเสีย เพื่อเป็นบทเรียนหรือไม่นั้น ช่วงเวลานี้รัฐบาลพยายามให้อภัยเพื่อให้เกิดความปรองดอง แต่เรื่องที่มีผลกระทบตนก็เห็นด้วยว่าควรดำเนินการตามกฎหมาย แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยพยายามโจมตีว่าเป็นการทำเกินไปและละเมิดสิทธิ แต่สิ่งใดที่ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด
ขณะที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญอดีตผู้บังคับบัญชาของกระทรวงกลาโหม อาทิ พล.อ.อู้ด เบื้องบน พล.อ.วินัย ภัททิยกุล พล.อ.อภิชาติ เพ็ญกิตติ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ รวมถึง พล.อ.อุทัย ชินวัตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมกว่า 50 คน มาดูความก้าวหน้าของกระทรวงกลาโหม พร้อมรับฟังความคิดเห็นของอดีตผู้บังคับบัญชา เพื่อนำไปปรับปรุงให้การทำงานของกระทรวงกลาโหมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ศิริชัยได้กล่าวต้อนรับว่า ขอขอบคุณที่อดีตผู้บังคับบัญชาได้มาเยี่ยมเยือนสำนักงานปลัดกระทรวงกลลาโหมแห่งใหม่ ทางกำลังพลและสำนักงานปลักกระทรวงกลาโหม ตระหนักดีว่าอดีตผู้บังคับบัญชาทุกคนได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจ ให้สำนักปลัดกระทรวงโหม แม้จะพ้นตำแหน่งและเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ความผูกพันยังคงอยู่และเนื่องจากสภาวะบ้านเมืองในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นส่วนหนึ่งทำให้ภาระบทบาททางทหารเปลี่ยนแปลงไปเพื่อสนับสนุนภารกิจ คสช. และรัฐบาลให้เดินหน้า จึงขอรับทราบและรับฟังความคิดเห็นตลอดจนข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ในการทำงานต่อไป