ข่าวปนคน คนปนข่าว
มาตามนัดหมายที่แจ้งไว้ล่วงหน้ากับสาวกของวัดพระธรรมกาย เมื่อเสาร์ที่ 21 มี.ค. “พระธัมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายตัวจริงเสียงจริงจะปรากฏตัวให้เห็นผ่านทีวีช่อง DMG สื่อทีวีของวัดพระธรรมกาย เพื่อกลบข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเจ้าอาวาส และวัดพระธรรมกายในช่วงที่ผ่านมา หลังเกิดกรณีพัวพันการทุจริตเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
การปรากฏตัวของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ธัมมชโย กล่าวตอนหนึ่งว่า “ดังกันไปทั่วโลกกันหรือยัง จงรวย รวยทุกๆ ท่านจงแข็งแรง จงมีอายุยืนนาน” แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาก็คือระหว่างนั้น ภาพตัดไปที่การเปิดคลิปเพลงที่มีเนื้อหาเพลงระบุทำนองว่า “ไม่ได้หนี ไม่ได้หาย แต่มันไม่มี ถ้ามีจะคืนทันที ไม่ต้องมาทวง เจ้าหนี้ไม่ต้องมาทวง ไม่ต้องมาแหย่ ”
อึ้งกันไหมล่ะ ทั้งสาวกและไม่ใช่สาวกวัดพระธรรมกาย จากนั้น เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ก็พูดตอนหนึ่งว่า
“ศาสนามีภัยมาก พระสงฆ์นิ่งดูดายไม่ได้อีกต่อไป เราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง ปกป้องพุทธศาสนา”
ลีลาธัมมชโย ตัวจริง เสียงจริง ต้องแบบนี้
อย่างไรก็ตาม อันนี้ แค่หนังตัวอย่าง กับท่าทีของวัดธรรมกายในเวลานี้ ที่กำลังถูกตรวจสอบและตั้งคำถามอย่างหนัก หลังมีคนของวัดเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่หลายคนเชื่อว่า สุดท้ายคดีนี้อาจมีกระบวนการตัดตอนเพื่อทำให้คดีไม่ลามไปถึงคนในวัดพระธรรมกาย ซึ่งการปรากฏตัวของพระธัมมชโยดังกล่าว ทำให้เห็นได้อย่างหนึ่งว่า ระดับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ปักหลักสู้ไม่ถอยแน่ แต่ไม่รู้ว่านัดหมายที่พระธัมมชโย จะไปให้ปากคำกับดีเอสไอในวันที่ 26 มี.ค.นี้ สุดท้ายจะเลื่อนออกไปอีกหรือไม่ ถ้าไป ก็รับรอง สาวกแห่ไปให้กำลังใจล้นดีเอสไอ แน่นอน
แต่ก่อนจะไปถึงวันที่ 26 มี.ค. ต้องจับตาการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันอังคารที่ 24 มี.ค.นี้กันก่อน เพราะจากการตรวจสอบวาระการประชุมสปช.ในวันดังกล่าว พบวาระที่น่าสนใจคือการที่ "คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ”ที่มีไพบูลย์ นิติตะวัน สปช. และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธาน ได้ส่งเอกสารรายงานเรื่อง“รายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทาง และมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา” ให้สปช.พิจารณา และตอนนี้ได้ถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมเรียบร้อยแล้ว โดยหากไม่มีอะไรผิดพลาดไม่มีการเลื่อนหรือมีวาระอื่นมาแทรก ที่ประชุม สปช. อังคารนี้ จะมีการพิจารณารายงานฉบับนี้กันแน่นอน
สำหรับรายงานดังกล่าว อาจเรียกได้ว่าเป็นรายงานทิ้งทวนของกรรมการชุดนี้ ที่ตอนนี้ประกาศยุติบทบาทตัวเองไปแล้ว ทั้งที่มีกองเชียร์กันมาก โดยเฉพาะที่เชียร์ให้ขุดคุ้ยเรื่องธรรมกาย แต่เนื่องจากโดนแรงบีบหนักจากฝ่ายวัดธรรมกาย และกลุ่มอื่นๆทำให้ต้องประกาศยุติบทบาทไปแบบดื้อๆ ทำเอาประชาชนชาวพุทธผิดหวังพอสมควร ท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีคนใน คสช.ร้องขอมาว่า ไม่อยากให้ปัญหาพระสงฆ์ บานปลายจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลคสช. เลยทำให้กรรมการชุดนี้ต้องยอมถอย
ในรายงานดังกล่าว มีการพูดถึงปัญหาพุทธศาสนาในสังคมไทยไว้หลายเรื่อง ทั้งปัญหาที่เกิดจากการบริหารจัดการในวัด โดยเฉพาะเรื่องเงินบริจาค ปัญหาเรื่องระบบโครงสร้างต่างๆ ตามพ.ร.บ. สงฆ์ พ.ศ. 2505 ที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการปกครองคณะสงฆ์ ที่น่าสนใจก็คือ เนื้อหาในรายงานดังกล่าวหลายช่วงหลายตอน ระบุถึง เรื่องปัญหาของวัดพระธรรมกายไว้อย่างชัดเจน โดยมีการแทรกไว้อยู่ในข้อเสนอเพื่อการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ที่กรรมการชุดนี้ แยกย่อยออกเป็น 4 แนวทาง คือ
1. เรื่องทรัพย์สินของวัด หรือพระสงฆ์ 2. เรื่องปัญหาของพระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย นำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธา 3. เรื่องการทำให้พระธรรมวินัยวิปริต และการประพฤติปฏิบัติวิปริตจากพระธรรมวินัย 4. เรื่องฝ่ายอาณาจักรที่ต้องเข้าไปสนับสนุนปกป้องคุ้มครองกิจการของฝ่ายศาสนาจักร
เช่น ในหัวข้อเรื่อง"การทำให้พระธรรมวินัยวิปริต และการประพฤติปฏิบัติวิปริตจากพระธรรมวินัย" ก็มีการพาดพิงถึงวัดธรรมกาย อย่างชัดเจนโต้งๆ ว่า ปัจจุบันมีลัทธิบูชาที่สมอ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามแนวทางพระพุทธศาสนา แต่แก่นแท้ของลัทธิกลับขัดแย้งหรือตรงข้าม โดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น กรณีวัดพระธรรมกาย อ้างว่าเป็นวัดในพระพุทธศาสนา แต่แนวทางคำสอนกลับขัดแย้งกับพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง อาทิ พระพุทธศาสนาสอนให้ยึดหลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ธรรมกาย กลับปลอมแปลงคำสอนกลายเป็นว่า มีความสุขที่ถาวร พระพุทธเจ้ายังทรงมีความสุขอยู่ที่แดนสุขาวดี สามารถจะขึ้นไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้าได้ ทำบุญมากได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูง และโหมกระพืออิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ทั้งเรื่องสตีฟ จ็อบ เรื่องปัดระเบิดปรมาณู หรือ อยากรวยต้องทำบุญมากๆ พยายามหว่านล้อมชักจูงให้คนทั่วไปเข้าใจว่า“บุญ”เป็นเหมือนสินค้าชนิดหนึ่ง ตามแนวทางบริโภคนิยม วัตถุนิยม การประพฤติหลายอย่างผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัย โดยนำเอาลัทธิทุนนิยม ระบบการตลาด เข้ามาใช้ในการระดมทุน
"เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และสังคมไทยอย่างลึกซึ้ง ทั้งหมดนี้ใช้พระพุทธศาสนามาแอบอ้าง เลียนแบบทำปลอมแปลง โดยที่เจ้าลัทธิมีพฤติกรรมที่น่าจะต้องปาราชิกไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะเกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์ ทั้งเงิน และที่ดิน ตลอดจนอวดอุตริมนุสธรรม แม้ถุกดำเนินคดี แต่อัยการกลับขอถอนฟ้องจำเลย โดยอ้างว่าคืนเงินแล้ว" รายงานดังกล่าวเขียนไว้ตอนหนึ่ง
รายงานดังกล่าว ยังเผยแพร่รายละเอียดพระลิขิตของ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ที่เคยมีพระลิขิตเกี่ยวกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไว้หลายฉบับ ที่ทำให้สังคมได้ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยละเอียด ตลอดจนได้นำปัญหาที่เกิดขึ้นล่าสุดคือ กรณีที่พบว่าวัดพระธรรมกาย รับเงินบริจาคจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ถูกกล่าวหาว่าได้มาจากการทุจริต คดียังอยู่ในการสอบสวนของหลายหน่วยงาน
คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้เสนอแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม แต่คงไม่ถูกใจสาวกธรรมกาย ว่าจากปัญหาข้างต้น เห็นควรว่าต้องมีคณะกรรมการมาชำระการปฏิบัติที่ผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัย ใครละเมิดพระธรรมวินัยก็ต้องถูกลงโทษ หากลัทธิใดยังต้องการดำเนินตามแนวทางของตน ก็ไม่ควรแอบอ้างพระพุทธศาสนา แต่ให้ไปตั้งลัทธิใหม่ และแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่พระพุทธศาสนา เพื่อมิให้ประชาชนเข้าใจผิด
พร้อมกับสรุปตอนท้ายไว้ในรายงานดังกล่าวที่แม้ไม่มีการระบุชื่อว่าเป็นสำนักไหน แต่หากอ่านรายงานฉบับนี้มาแต่ต้น ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าหมายถึงสำนักใด กับข้อความที่ระบุว่า
"พฤติการณ์ของบางสำนักนั้น เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้ง ถึงรากฐานชนิดที่เรียกว่า ถ้าหากทำสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้ ก็จะส่งผลให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาอย่างเถรวาทต้องสูญสิ้นอันตรธานไป"
ชัดเจนตรงไปตรงมาแบบนี้ สงสัย หากกรรมการชุดนี้ที่มีหัวหอกอย่าง ไพบูลย์ นิติตะวัน กลับมาเดินเครื่องทำงานตรวจสอบวัดดังจังหวัดปทุมธานี กันอีกรอบ อาจได้เจอม็อบพระธรรมกาย บุกรัฐสภาแน่
รายละเอียดต่างๆ ในรายงานดังกล่าวของคณะกรรมการชุดนี้ยัง มีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจควรที่คนไทยต้องติดตามหามาอ่านกัน