“อุดมเดช” ไปเชียงใหม่ ตรวจเยี่ยมกำลังพลแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ เผย 2 วันที่ผ่านมาจัดอากาศยานเพิ่มเติมหลายแบบทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบเอ็มไทย-17 และฮิวอี้ร่วมปฏิบัติภารกิจ ขณะที่สิงคโปร์ส่งชีนุก 2 ลำช่วย ด้านโฆษกกองทัพอากาศเผยเครื่องบินบีที 67 โปรยน้ำดับไฟยางแตกขณะลงจอด โชคดีเจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัย
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยก่อนเดินทางไปราชการในจังหวัดเชียงใหม่ว่า ไปร่วมงานวันสถาปนากองพลทหารราบที่ 7 และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกำลังพลที่เข้าแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งกองทัพบก (ทบ.) ได้รับนโยบายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านทาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เข้าไปดูแลและดำเนินการโดยตรงในเรื่องการใช้อากาศยาน โดยมอบหมายให้ พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 (มทภ.3) ดูแลในพื้นที่ ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบโดยภาพรวม
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาได้มีการจัดอากาศยานเพิ่มเติมหลายแบบเข้าร่วมปฏิบัติการ โดย ทบ.ได้จัดเฮริลคอปเตอร์แบบ เอ็มไอ-17 พร้อมถุงน้ำเพื่อบรรจุน้ำจำนวน 3,500 ลิตร เฮลิคอปเตอร์แบบฮิวอี้ บรรทุกน้ำได้ 1,500 ลิตร ขณะที่สิงคโปร์ได้สนับสนุนเฮริลคอปเตอร์ชีนุก 2 ลำซึ่งสามารถบรรทุกน้ำได้ถึง 7,000 ลิตรต่อเที่ยวบินเข้าร่วมภารกิจด้วย เป็นไปตามการประสานงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์
ทั้งนี้ เฮริลคอปเตอร์ชีนุกทั้ง 2 ลำฝึกร่วมผสมภายใต้รหัสโคปไทเกอร์และวางกำลังที่ จ.นครราชสีมาพอดี เมื่อมีการประสานงานเรียบร้อยก็สามารถเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่เพื่อสนับสนุนภารกิจได้ใน 1 ชั่วโมง ถือเป็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันทางทหารในกลุ่มประเทศอาเซียน
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพอากาศไทยก็ได้สนับสนุนเครื่องบินบีที-67 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบิน เอยู-23 หรือพีซเมกเกอร์ เพื่อทำภารกิจในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่ตามหมูบ้านชายป่าได้มีความรู้ความเข้าใจและได้ตระหนักถึงภัยที่จะเกิดกับส่วนรวม อีกทั้งให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่าการเผาป่าเสี่ยงที่จะกระทำผิดกฎหมาย จึงต้องระมัดระวังไม่ให้เขาทำสิ่งที่เกิดปัญหาจนกระทบต่อส่วนรวม
นอกจากนั้นยังใช้เป็นเครื่องตรวจการณ์ทางอากาศเพื่อส่งข้อมูลลงมายังแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งได้รับมอบหมายดูแลเรื่องนี้ได้บูรณาการแก้ไขปัญหาได้ ทั้งนี้ ภาพการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหามีการบูรณาการร่วมกันเป็นอย่างดี ทั้งหมดเป็นการดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดกำลังทางเท้าในการเดินเข้าไปในพื้นที่ด้วยทั้งในส่วนกำลังพลของกองทัพ และ ชุดเสือไฟของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกส่วนต่างร่วมมือและเร่งดำเนินการ และการใช้อากาศยานช่วยมีความเหมาะสมและจะทำให้การแก้ไขปัญหารวดเร็วขึ้น เพราะเป็นปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ อนามัย และการท่องเที่ยว คิดว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติในไม่ช้านี้
พล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 10.00 น.วันนี้ (20 มี.ค.) หลังจากเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2 ก หรือบีที -67 ขึ้นบินโปรยละอองน้ำ ดับป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เที่ยวแรก ได้เกิดอุบัติเหตุขณะบินกลับมาลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ โดยล้อหน้าด้านซ้ายกระทบกับพื้นรันเวย์ทำให้ยางแตกลื่นไถลออกนอกรันเวย์เล็กน้อย นักบินรวมถึงตัวเครื่องปลอดภัย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ทำการเปลี่ยนล้อยางที่ได้รับความเสียหาย พร้อมนำเครื่องเข้าตรวจสภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง และหากไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง ก็พร้อมขึ้นปฏิบัติการโปรยละอองน้ำดับไฟป่าและหมอกควันต่อไป
โฆษกกองทัพอากาศยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทุกนายมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่กำลังกระทบประชาชนในภาคเหนืออย่างเต็มที่
