xs
xsm
sm
md
lg

“นักเขียนดัง” แฉ! “บริษัทเกษตรรายใหญ่” ต้นตอควันพิษภาคเหนือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ขอความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว Vanchai Tantivitayapitak ของ นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
“นักเขียนดัง” แฉ! ต้นตอแห่งปัญหาหมอกควันพิษภาคเหนือ มี “บริษัทเกษตรรายใหญ่” ไปส่งเสริมให้ชาวบ้านรุกป่าปลูกข้าวโพด “ดาว์พงษ์” ขอ “มหาดไทย” จี้รายตัวจดชื่อคนเสี่ยงเผาป่า ด้าน “บิ๊กป๊อก” กำชับผู้ว่าฯภาคเหนือ คุมเข้ม

วันนี้ (19 มี.ค.) มีรายงานว่า บนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Vanchai Tantivitayapitak” ของ นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา ปี 2554 อดีตรองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี ได้โพสต์ข้อความระบุเกี่ยวกับปัญหาหมอกควันพิษในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือว่า

“ต้นเหตุแห่งปัญหาหมอกควันพิษที่เมืองเหนือ คือ ภูเขาหัวโล้นนับล้านไร่ทางภาคเหนือ ที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นไร่ข้าวโพด ฟังรัฐบาลบอกว่า ปัญหาหมอกควันพิษ มาจากชาวบ้านเผาซากไร่ มาจากไฟป่าของประเทศเพื่อนบ้าน กล้าไหมครับที่จะประกาศออกมาว่า ปัญหาใหญ่คือ บริษัทเกษตรรายใหญ่ไปส่งเสริมให้ชาวบ้านรุกป่า ปลูกข้าวโพด เพื่อตัวเองจะได้รับซื้อเป็นอาหารสัตว์ แถมยังขายเมล็ดพันธุ์กับชาวบ้านอีก”

“เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวโพด ชาวบ้านก็ต้องเผาซากไร่ เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกรอบใหม่ เป็นวงจรอุบาทว์มาทุกปี ปัญหาควันพิษภาคเหนือจึงไม่เคยแก้ไขได้ ตอนนี้ภูเขาประเทศเพื่อนบ้านก็เริ่มหัวโล้น เพราะมีส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดกันหลายล้านไร่ แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เกษตรรายเดียวกับบ้านเราหรือไม่ รัฐบาลกล้าไหมครับ หรือเงินอุดหนุนมันอุดปากอยู่”

สำหรับ นายวันชัย อดีตรองผู้อำนวยการสถานีไทยพีบีเอส เป็นบุคคลที่เคยถูกทหารควบคุมตัวไปยัง ร.1 พัน 1 รอ. ในช่วงที่ทหารเข้าขอยุติการออกอากาศรายการข่าว แต่ นายวันชัย ไม่เห็นด้วย โดยให้มีออกอากาศโดยปกติ

“ดาว์พงษ์” ขอ มท.จี้รายตัวจดชื่อคนเสี่ยงเผาป่า

พล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ยังคงต้องประเมินสถานการณ์ดังกล่าวเป็นรายวัน แต่ตัวเลขค่ามลพิษในวันนี้ (18 มี.ค.) ลดลงจากการช่วยเหลือของหลายหน่วยงาน โดยเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหม ได้ส่งกำลังพลทหาร ทหารพราน พร้อมด้วยเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ไปเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งกองทัพอากาศ ได้นำเครื่องบินช่วยโปรยน้ำดับไฟป่า และเครื่องบินชีนุกของประเทศสิงคโปร์เข้ามาร่วมปฏิบัติการนี้ด้วย ขณะที่กระทรวงมหาดไทยกำลังลงพื้นที่ไปจดทะเบียนรายชื่อบุคคลที่มีแนวโน้มว่าจะก่อเหตุเผาป่า ทั้งเกษตรกร และคนหาของป่า เพื่อที่ภาครัฐเข้าไปขอความร่วมมือเฉพาะตัวกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะได้ผลดีกว่าการขอความร่วมมือในภาพรวม

“ในวันที่ 19 มี.ค. นี้ ตนจะหารือกับกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามถึงปัญหาในการดำเนินการ และสิ่งที่จะต้องทำเพิ่มเติมในการสู้กับปัญหาไฟป่าและหมอกควันต่อไปอีก 1 เดือน นอกจากนี้ กำลังวางแผนจัดตั้งหน่วยงานแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระดับชาติ เราต้องคิดใหม่ เพื่อไม่ต้องเจอปัญหานี้ทุกปี”

“บิ๊กป๊อก” กำชับผู้ว่าฯภาคเหนือ คุมเข้ม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้พื้นที่ภาคเหนือได้รับผลกระทบจากวิกฤตหมอกควัน 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และ ตาก พร้อมกำชับจังหวัด ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน โดยคุมเข้มไม่ให้มีการเผาในพื้นที่เสี่ยง กำหนดช่วงเวลาห้ามเผาในช่วงวิกฤตไฟป่าหมอกควันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ เน้นการแก้ไขปัญหาในมิติเชิงพื้นที่ - หน้าที่ - การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงระดมสรรพกำลังและวัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่าและหมอกควัน เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้วิกฤตรุนแรงขึ้น

ด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ดำเนินมาตรการคุมเข้มไม่ให้มีการเผาในพื้นที่โล่ง โดยเฉพาะการเผาริมทาง การเผาในพื้นที่ป่า และพื้นที่การเกษตร พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ ตลอดจนบูรณาการทุกภาคส่วนสนธิกำลังในการนำวัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่า และลดผลกระทบหมอกควัน สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือหน้ากากอนามัย ปิดปาก และจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย

กรมป่าไม้ หนุน 1 แสน/หมู่บ้าน ที่เสี่ยงไฟป่า

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ตามโครงการสร้างเครือข่ายควบคุมไฟป่า จะมีเงินอุดหนุนหมู่บ้าน ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่า หมู่บ้านละ 1 แสนบาท ไว้สำหรับฝึกอบรมอาสาสมัครดับไฟในหมู่บ้าน และซื้ออุปกรณ์สำหรับดับไฟป่ามาใช้ กำหนดให้เงินอุดหนุนในรูปแบบดังกล่าวปีละ 100 หมู่บ้านทั่วประเทศ การพิจารณารับเงินแต่ละหมู่บ้านนั้นพิจารณาจากความเสี่ยงภัยของการเกิดไฟป่า เพื่อที่จะให้แต่ละหมู่บ้านนำไปบริหารจัดการ หาวิธี หาซื้ออุปกรณ์สำหรับป้องกันและดับไฟป่า

ส่วนจะทำให้บางหมู่บ้านใช้วิธีเผาพื้นที่ตัวเอง หวังที่จะได้เงินหรือไม่ นั้น จะมีการดูประวัติแต่ละพื้นที่ด้วยว่าเป็นอย่างไร มีประวัติการเกิดไฟป่าได้ แต่ไม่เกิน 20% ของพื้นที่ หรือไม่เคยเกิดเลย และการให้เงินอุดหนุนแบบนี้จะไม่ได้ให้ติดต่อกันทุกปี แต่ใช้วิธีการให้เงินอุดหนุนแบบหมุนเวียน หรือ 3 - 5 ปี อาจจะกลับมาให้อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ค่อนข้างจะเป็นหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็งในตัวเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะเผาป่าเพื่อเอาเงินแค่นี้


นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
กำลังโหลดความคิดเห็น