xs
xsm
sm
md
lg

มะกันเลือกข้างทักษิณ-เมินประยุทธ์ ความลับที่เพิ่งเปิดเผย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

อาจเป็นครั้งแรกที่ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดเผยความในใจออกมาให้สังคมและคนไทยได้ทราบว่า ตัวเขาถูกแบล็กลิสต์ “ห้ามเข้าสหรัฐอเมริกา” ระหว่างไปปาฐกถาในที่ประชุมวอร์ตัน โกบอล ฟอรัม ครั้งที่ 47 ในหัวข้อเอเชียในยุคที่โลกไร้พรมแดน เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยคณาจารย์ ศิษย์เก่า นักธุรกิจทั้งไทยและสหรัฐฯ และต่างชาติเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

“ขอให้ไปบอกกับสหรัฐฯ ให้เข้าใจด้วยว่า การตัดเสื้อ จะตัดตัวเดียวแล้วให้ทุกคนใส่ไม่ได้ ต้องมีหลายขนาดให้เหมาะกับแต่ละคน จึงต้องมีช่างตัดให้ จะตัดเสื้อตัวเดียวให้คนทั้งโลกใส่ไม่ได้ เพราะแต่ละประเทศ มีปัญหาต่างกัน แต่หากได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ทุกประเทศจะได้รับความเท่าเทียมกัน ร่วมมือกันทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม วันนี้ผมจะไปพูดคุยกับญี่ปุ่น และสมาชิกอีกหลายประเทศ จะมีความร่วมมือหลายมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคมทั้งในและนอกอาเซียน มีอาเซียนบวกสาม จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอาเซียนบวกหก จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ผมเดินตลาดพวกนี้ได้ทั้งหมด”

“ใครไม่ให้ไป ผมก็ให้รองนายกฯไป ผมขึ้นมายืนบนนี้ ไม่ใช่ผมไม่เสี่ยง ไม่เสียหาย แทนที่จะได้พักผ่อนก็ไม่ได้พัก ไปไหนก็ไปไม่ได้ และถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ให้ผมไป แต่ผมก็เปิดให้เขามา เพราะมีความสัมพันธ์มากว่า 200 ปี”

คำพูดดังกล่าวข้างต้นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต่างกับการตัดพ้อให้เห็นว่า ตัวเองมีเจตนาดีต่อบ้านเมือง และเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ช่วยดูแลการทำธุรกิจในประเทศไทยของนักธุรกิจต่างชาติให้ได้รับความสะดวกมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก และที่สำคัญ ไม่เคยปิดกั้นใคร เพียงแต่ว่าขอให้เข้าใจถึงความจำเป็นที่ตัวเขาต้องเข้ามาควบคุมอำนาจ เพื่อมาดูแลบ้านเมืองไม่ให้ล้มละลาย เข้ามาดูแลแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ดูแลคนด้อยโอกาส แต่สหรัฐฯ ยังไม่เข้าใจ ยังใช้มาตรฐานเดียวกับทุกชาติโดยไม่เคยมองว่าแต่ละชาติ ล้วนมีปัญหามีที่มาที่ไปต่างกัน โดยเปรียบให้เห็นภาพอย่างเจ็บแสบว่า “สหรัฐฯ ตัดเสื้อไซส์เดียวกันให้คนทั้งโลกใส่” ซึ่งแน่นอนว่า มันใส่ไม่ได้ เพราะแต่ละคนล้วนมีขนาดไม่เท่ากันดังกล่าวนั่นแหละ

อย่างไรก็ดี ในการตัดพ้อดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ขู่กลับไปเช่นเดียวกัน ในทำนองว่า “ในเมื่อสหรัฐฯไม่คบ เขาก็มีเพื่อนรายอื่นอีกจำนวนมาก ที่ยังยินดีคบหาด้วยภายใต้ประชาคมอาเซียน รวมทั้งอาเซียนบวกสาม และอาเซียนบวกหก” ที่มีทั้ง จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ เป็นต้น เพราะเราไม่ได้ปิดประเทศ และยินดีเป็นเพื่อนกับทุกคน

อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดเผยให้รู้ว่า เขาเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาไม่ได้ ซึ่งเหตุผลก็คงเข้าใจได้ว่า มีสาเหตุจากการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามชี้แจงให้ทราบถึงโรดแมปว่า ดำเนินการไปตามขั้นตอน รวมไปถึงกำหนดวันเลือกตั้ง และมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ แต่สหรัฐฯ ก็ไม่ฟัง ยังยืนยันไล่บี้ให้ คสช.รีบเลือกตั้งโดยเร็ว

หากย้อนกลับไปก็ทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ในความหมายที่ว่า เวลานี้ สหรัฐอเมริกาได้เลือกข้าง สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่ายของเขาอย่างชัดเจน เพราะหากเปรียบเปรียบกันถึงเรื่องการให้วีซ่าเข้าประเทศ ทักษิณ และครอบครัว ได้รับการเอาอกเอาใจเป็นอย่างดี อีกทั้งเมื่อมองย้อนกลับไปไม่นาน ก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนของ อดีตเอกอัครราชทูตสรัฐฯ ประจำประเทศไทย ก็เคลื่อนไหวร่วมมือกับคนเสื้อแดงอย่างแนบแน่น รวมไปถึงปัจจุบัน ที่ได้ลดระดับความสัมพันธ์ เหลือแค่ระดับอุปทูต และเพิ่งส่งระดับผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเข้ามา “เสียมารยาท” เหยียบหน้าคนไทยมา หมาดๆ

ขณะเดียวกัน กลับแบน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระงับวีซ่า ห้ามเข้าสหรัฐฯ นั่นก็แสดงว่า เวลานี้สหรัฐฯได้เลือกข้างชัดเจน แต่มีความหมายมากไกลกว่านั้น เพราะไม่ใช่แค่การเลือกข้างระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. เท่านั้น แต่มันหมายถึงการที่สหรัฐฯไปสนับสนุน ทักษิณ ที่คนไทยชี้หน้าด้วยความเกลียดว่า “คนโกง” จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง อยู่เบื้องหลังเครือข่ายทำลายชาติ และกลุ่มคนที่กำลังถูกออกหมายจับและถูกควบคุมตัวจากการลอบวางระเบิดศาลอาญา ที่พิพากษาคดีในพระปรมาภิไธย ก็ล้วนเข้าใจกันแบบไม่ต้องอ้อมค้อมว่า นี่คือพวกเดียวกัน ซึ่งสหรัฐฯ ก็เลือกข้างคนพวกนี้

ดังนั้น แม้ว่าคนไทยหลายคนอาจจะไม่ชอบนักกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ขณะเดียวกัน ก็ย่อมรับไม่ได้กับท่าทีของสหรัฐฯ ที่หน้ามืด คิดถึงแต่ผลประโยชน์ ที่ได้รับจากระบอบทักษิณ ที่ประเคนมอบให้ โดยแลกกับความมั่นคงของชาติ และประโยชน์ทางธุรกิจที่ได้รับ โดยอ้างเพียงแค่การเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยจอมปลอม ซึ่งคนไทยต้องรับรู้ความจริงข้อนี้

แน่นอนว่าเรายังต้องยอมรับความจริง เราประเทศไทยอาจตัวเล็ก คงไปท้ารบกับคนตัวใหญ่มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯได้ลำบาก แต่เราก็ต้องมีวิธีของเรา นั่นคือ ไม่ต้องไปสนใจ ไม่แคร์ ไม่อยากคบก็ไม่เป็นไร เราก็มีเพื่อนรอบบ้านมากมาย อาจจะดีเสียอีกที่เป็นมิตรกับคนใกล้ แทนที่จะคบกับคนไกล ที่เอาเปรียบ มิหนำซ้ำ คนใกล้บ้านก็เริ่มมีพลัง มีเงิน มีฐานะดีไม่น้อยเสียด้วยซี เพียงแต่ว่าคนไทย ต้องรู้เท่าทัน และเห็นธาตุแท้ของสหรัฐฯ เสียก่อน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น