xs
xsm
sm
md
lg

เบรก!กฏหมายภาษีที่ดินฯ คนจนเฮ-เศรษฐีแฮปปี้

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว

เรื่องร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นวาระแรกๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และนายกรัฐมนตรี ประกาศเป็นนโยบายหลัก ที่จะใช้มาตรการทางภาษีมาลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

ผ่านมาเกือบปี กฎหมายนี้ก็ยังไม่สามารถคลอดออกมาได้ ทั้งๆ ที่มีร่างเดิมที่พรรคประชาธิปัตย์เคยทำ แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ล้มไป เป็นตุ๊กตาให้ศึกษาอยู่แล้ว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ “หลักคิดในการที่จะใช้เป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ”กลับกลายเป็น “การเก็บภาษีเพื่อเพิ่มรายได้”แถมไปไกลถึงขนาดว่า ถ้าไม่เก็บภาษีตัวนี้ อาจต้องไปขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

สิ่งที่ปรากฏแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ผู้มีอำนาจมิได้เข้าใจหลักการอย่างถ่องแท้ จึงทำให้การกำหนดหลักเกณฑ์ในร่างกฎหมายดังกล่าวผิดเพี้ยนไปหมด แทนที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ กลับกลายเป็นการสร้างภาระให้กับประชาชน ด้วยการเก็บภาษีบ้าน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย จนเกิดเป็นแรงต้านทำให้ต้องใส่เกียร์ถอย ชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนถูกมองว่า รัฐบาลชุดนี้ไร้หลักคิดที่ชัดเจน และกลัวคะแนนนิยมตกยิ่งกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เสียอีก

สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ควรทำในขณะนี้ ไม่ใช่การบริหารอารมณ์ประชาชน แต่ต้องจัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ว่า พอถูกต้านก็ถอย ทั้งๆ ที่หลักการของกฎหมายฉบับนี้ เป็นเรื่องที่ดี และควรจะต้องทำให้สำเร็จเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามเป้าหมายที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ถ้าพวกท่านทำไม่ได้ ก็ต้องบอกว่าแย่กว่า "รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง" เพราะรัฐบาล อภิสิทธิ์ เดินหน้าเสนอกฎหมายนี้เข้าสภาไปแล้ว ทั้งๆ ที่มีส.ส.ในพรรคหลายคนติดอันดับเศรษฐีที่ดิน ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ยืนยันจนกระทั่งกฎหมายตกไป

ปัญหาของเรื่องนี้จึงไม่ใช่การหยุด หรือชะลอ แต่ต้องทบทวนเนื้อหาที่บิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนไปจากเป้าหมายเดิม จนกลายเป็นการสร้างภาระให้กับประชาชน แทนที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ตามเจตนารมณ์เดิม

สิ่งที่ต้องตั้งคำถามคือ ร่างเดิมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ชัดเจนว่า จะมีการปรับภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่า เพื่อกดดันให้ต้องใช้ประโยชน์ และคายที่ดินออกมา หากไม่อยากแบกภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น และไม่มีการเก็บภาษีที่อยู่อาศัย ที่ดินที่ใช้เพื่อการเกษตร นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงให้ท้องถิ่น โดยมีการจัดสรรกลับคืนไปสู่การแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับคนจนด้วย ด้วยการแบ่งเงินบางส่วนเข้าสู่ธนาคารที่ดิน เพื่อจัดทำโฉนดชุมชนให้ประชาชนมีพื้นที่ใช้ทำมาหากินร่วมกัน

แต่อยู่ๆ หลักการข้างต้นซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนกลับหายไป แต่ปรากฏเรื่องที่ทำให้คนงงกันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า เก็บภาษีบ้าน แล้วจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำตรงไหน

เรื่องแบบนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว ในช่วงชีวิตหนึ่งกว่าจะมีบ้านเป็นของตัวเองได้สักหลัง และยังต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการผ่อนส่ง กระทั่งถึงวัยเกษียณจึงปลดหนี้หมดจากธนาคาร ก็คิดว่าภาระจบ แต่มาเจอมาตรการเก็บภาษีบ้านเข้าไป ต่อให้มีสวัสดิการเบี้ยยังชีพคนชรา ก็ช่วยหลืออะไรไม่ได้ เพราะภาระที่พวกท่านกำลังจะเพิ่มให้ประชาชนนั้น มันมากกว่าสวัสดิการที่คนไทยพึงได้รับจากรัฐ

ที่สำคัญคือ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำแต่อย่างใด จึงเป็นเรื่องที่มองได้สองทางว่า เข้าตาจน ต้องรีดเลือดจากประชาชนผ่านสารพัดภาษี หรือว่าตั้งใจทำกฎหมายออกมาให้ถูกคัดค้าน จนสุดท้ายหลักการที่ดีของกฎหมายที่จะเป็นเครื่องมือกระจายที่ดินจากนายทุนไปอยู่กับประชาชน โดยใช้ภาษีเป็นตัวบีบไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ ตามความต้องการของนายทุนที่เสียประโยชน์ ด้วยการเอาภาระคนชั้นกลางมาใส่เพิ่ม

ถ้าอยากให้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และช่วยแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินไปในคราวเดียวกัน รัฐบาลต้องตั้งสติ คิดให้เป็นระบบ เริ่มจากข้อเท็จจริงที่ว่า ที่ดินในประเทศที่มีเอกสารสิทธิ 127 ล้านไร่ กว่า 90 % ไปกระจุกตัวอยู่ที่คนแค่ 10 % หรืออยู่กับคน 6 ล้านจากทั้งหมด 65 ล้านคนเท่านั้น แถมบรรดาเศรษฐีที่ดิน ก็ยังเป็นการกักตุนเพื่อเก็งกำไร ปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า ไม่ได้นำมาสร้างประโยชน์

การดัดหลังให้คนเหล่านี้ต้องคายที่ดินออกมา หรือไม่ก็ต้องทำประโยชน์จากที่ดินดังกล่าว ด้วยการกำหนดมาตรการเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้ากับเจ้าของที่ดินที่ปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า ส่วนจะจัดเก็บในอัตราใด ก็ไปว่ากันในรายละเอียด แล้วจัดสรรเงินที่ได้ให้ชัดเจนว่าจะนำไปใช้ทำอะไร เช่น ส่วนที่ได้จากการเก็บภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่า นำเข้าธนาคารที่ดิน เพื่อจัดทำโฉนดชุมชน อันจะเป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างแท้จริงและแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนที่ไม่เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินได้มีที่ทำกินด้วย
รัฐบาลชุดนี้มักด่านักการเมืองเสมอว่า ไม่กล้าออกกฎหมาย หรือผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน และกลัวนายทุนพรรคที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้

แต่ในความเป็นจริงกฎหมายภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เสนอเข้าสภา ใกล้คลอดแล้ว แต่ยุบสภาไปเสียก่อน ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตีมึนไม่ยืนยัน จนกฎหมายตกไปนั้น มีหลักการที่ชัดเจนกว่าที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังดำเนินการ ทั้งเรื่องหลักคิด ที่มาแหล่งรายได้ และเป้าหมายของการนำรายได้นั้นไปใช้เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม

ความสับสนที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จึงไม่ใช่ปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่เป็นหลักคิดของรัฐบาลต่างหาก ที่ไม่ชัดเจนและความไม่หนักแน่นในเชิงนโยบาย ที่อ้างว่าเข้ามาเพื่อเป็น "รัฐบาลปฏิรูป" ถ้าท่านแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการ "หยุด" ไม่เดินหน้าต่อด้วยการแก้ไขเนื้อหาที่เป็นปัญหา คงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า "ตั้งใจที่จะไม่ออกกฎหมายนี้โดยการเอาความเดือดร้อนของคนชั้นกลางมาเป็นข้ออ้าง"

แต่ถ้าท่านไม่ได้คิดเช่นนั้น ก็แก้ปัญหาให้ถูกจุด แล้วท่านจะไม่ต้องมานั่งบริหารอารมณ์ประชาชน อย่างที่บ่นอยู่ทุกวันนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น