บิดานักท่องเที่ยวสาวญี่ปุ่น ร้องเลขาฯ นายกฯ คลี่คลายคดีถูกฆาตกรรมปี 50 หลังคดีไม่คืบ พร้อมขอดีเอสไอตามกล้องลูกสาว หวังเป็นเบาะแสตามตัวคนร้าย เผยตำรวจตั้งรางวัลนำจับ 2 แสน
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (6 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยาสุอากิ คาวาชิตะ ชาวญี่ปุ่น อายุ 66 ปี บิดาของ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่นที่ถูกฆาตกรรม บริเวณทางขึ้นวัดสะพานหิน ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ม.10 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2550 ที่ผ่านมา เข้าพบ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้เร่งรัดดำเนินคดีหาตัวคนร้ายโดยเร็ว
ภายหลังการเข้าพบ นายยาสุอากิเปิดเผยว่า ในการหารือกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทางการไทยได้ให้ความสำคัญและให้ความช่วยเหลือเพื่อให้คดีกระจ่างโดยเร็ว โดย พล.อ.วิลาศยืนยันว่าได้พยายามเต็มที่ในการคลี่คลายคดี เพราะตัวเองก็มีลูกสาวจึงเข้าใจถึงการสูญเสียลูกสาวไป
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.สุโขทัย ที่ได้ดูแลคดีมาตั้งแต่แรกก็ต้องขอบคุณ และทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพยายามในการคลี่คลายคดีดังกล่าว ขณะนี้ได้ย้ายคดีมาอยู่กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงเชื่อว่าจะมีมุมมองใหม่ๆ เกิดขึ้นก็คาดหวังคดีดังกล่าวจะสามารถคลี่คลายได้ ทางตำรวจและชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณในพื้นที่ จ.สุโขทัยก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
“ขอให้สื่อมวลชนช่วยผลักดันคดีนี้ด้วย โดยเฉพาะการติดตามค้นหากล้องดิจิตอลของลูกสาวที่เสียชีวิต เชื่อว่าจะเป็นเบาะแสหนึ่งในการคลี่คลายคดีได้ ในเบื้องต้นตำรวจจะมีการตั้งรางวัลนำจับ 5 แสนบาท ผมเชื่อว่าคนไทยเป็นคนใจดีแต่ก็สงสัยทำไมยังเกิดคดีแบบนี้อยู่อีก”
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (6 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยาสุอากิ คาวาชิตะ ชาวญี่ปุ่น อายุ 66 ปี บิดาของ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่นที่ถูกฆาตกรรม บริเวณทางขึ้นวัดสะพานหิน ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ม.10 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2550 ที่ผ่านมา เข้าพบ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้เร่งรัดดำเนินคดีหาตัวคนร้ายโดยเร็ว
ภายหลังการเข้าพบ นายยาสุอากิเปิดเผยว่า ในการหารือกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทางการไทยได้ให้ความสำคัญและให้ความช่วยเหลือเพื่อให้คดีกระจ่างโดยเร็ว โดย พล.อ.วิลาศยืนยันว่าได้พยายามเต็มที่ในการคลี่คลายคดี เพราะตัวเองก็มีลูกสาวจึงเข้าใจถึงการสูญเสียลูกสาวไป
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.สุโขทัย ที่ได้ดูแลคดีมาตั้งแต่แรกก็ต้องขอบคุณ และทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพยายามในการคลี่คลายคดีดังกล่าว ขณะนี้ได้ย้ายคดีมาอยู่กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงเชื่อว่าจะมีมุมมองใหม่ๆ เกิดขึ้นก็คาดหวังคดีดังกล่าวจะสามารถคลี่คลายได้ ทางตำรวจและชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณในพื้นที่ จ.สุโขทัยก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
“ขอให้สื่อมวลชนช่วยผลักดันคดีนี้ด้วย โดยเฉพาะการติดตามค้นหากล้องดิจิตอลของลูกสาวที่เสียชีวิต เชื่อว่าจะเป็นเบาะแสหนึ่งในการคลี่คลายคดีได้ ในเบื้องต้นตำรวจจะมีการตั้งรางวัลนำจับ 5 แสนบาท ผมเชื่อว่าคนไทยเป็นคนใจดีแต่ก็สงสัยทำไมยังเกิดคดีแบบนี้อยู่อีก”