xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มการเมืองสุมหัว-เรื่องใหญ่ที่ “ประยุทธ์” ซีเรียส!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ทำไปทำมาเรื่อง “เตรียมเคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรง” ที่นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยออกมาพูดปรามแบบเข้มข้นมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด เพราะล่าสุดเมื่อวันก่อน เขาก็ได้ออกมาเตือนซ้ำอีกครั้งให้หยุดเคลื่อนไหวดังกล่าวทันที โดยย้ำว่าหากยังไม่หยุดจะใช้กฎหมาย “พิเศษ” จัดการอย่างเด็ดขาด

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ ในคำเตือนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ย้ำออกมาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามความเคลื่อนไหวผิดปกติแบบนี้อย่างใกล้ชิด และรับรู้ว่ามีการประชุมลับหรือ “สุมหัว” กันที่ไหนบ้าง มีใครเข้าร่วมบ้าง ถึงได้บอกว่า “อย่าทำ” เป็นอันขาด

คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขยายความออกมาเพิ่มเติมว่า เป็น “กลุ่มการเมือง” และอีกตอนหนึ่งได้ระบุว่า “ไม่ใช่ว่าได้คะแนนเสียงมากมาเป็นรัฐบาล แล้วไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มันไม่ใช่นะ” แม้ว่าไม่ได้ระบุชื่อกันตรงๆ ว่ากลุ่มการเมืองที่ว่านั้นเป็นกลุ่มไหน แต่พูดแบบนี้ก็น่าจะเดาออกหมายถึงใคร เพราะมีการแอบอ้างประชาธิปไตยอยู่ตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากผลกระทบจากคดีความหลายคดีทั้งคดีอาญา และตามมาด้วยคดีแพ่งจะถูกเรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท จากโครงการรับจำนำข้าว ล้วนมีผลกระทบไปถึงคนในเครือข่ายนี้ คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้ถูกถอดถอนและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ไปแล้ว

นอกจากนี้ เมื่อมีความพยายามเคลื่อนไหวเรื่องปรองดอง กับ ทักษิณ ชินวัตร ก็ถูกบอกปัดอย่างสิ้นเชิงจาก นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยย้ำว่าต้องกลับมาติดคุกหรือสู้คดีก่อน และทุกคดีเมื่อมีการฟ้องร้องก็ต้องมีการดำเนินคดีและตัดสินชี้ขาดในศาลเท่านั้น

รวมไปถึงการบล็อก-สกัดทุกทางไม่ให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกนอกประเทศทั้งก่อนหน้านี้และในช่วงหลังจากที่อัยการสูงสุดส่งฟ้องคดีจากโครงการรับจำนำข้าวไปแล้ว เรียกว่าทำเอา ทักษิณ ชินวัตรและเครือข่ายมีอาการเครียดพอสมควร

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวที่ต่อเนื่องกัน ทำให้ล่าสุดนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกโรงเตือนเข้มว่า “ห้ามเคลื่อนไหวโดยพลการ” และแน่นอนว่าเมื่อมีการส่งเสียงเตือนถี่ๆ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ย่อมแสดงให้เห็นว่า “ซีเรียส” พอสมควร เนื่องจากขณะนี้เส้นทางโรดแมป กำลังเดินไปตามกำหนดเพียงแต่ว่ากำลังเข้าสู่เรื่องสำคัญทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะต้องชี้ขาดว่า มีคนกลุ่มใดบ้าง “ที่ห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิต” มีใครบ้างที่มีคุณสมบัติต้องห้าม เช่นคนที่เคยถูกตัดสิทธิทางการเมือง คดี เคยมีความผิดจาการทุจริตเลือกตั้ง เคยถูกคำสั่งชี้มูลความผิดจากองค์กรโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามกรอบของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 35 (4) ถ้าออกมารูปนี้อีกก็ถือว่า “แจ๊กพ็อต” อีก เพราะจะมีแต่พวกที่เคยถูกยุบพรรค ถูกตัดสิทธิการเมือง ถูกฟ้องคดีทุจริต ถูกยึดทรัพย์ ก็มีแต่ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต สส.พรรคเพื่อไทย พวกบ้านเลขที่ 111 และบ้านเลขที่ 109 ที่โดนกันเป็นแผง จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และถึงอย่างไรก็กำลังงวดเข้ามาทุกทีแล้ว แต่เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริงแล้วหากไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวในข้อความมาตรา 35 มันก็หลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะมีการบัญญัติเป็นลักษณะ “บัญญัติ 10 ประการ” เอาไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์และบรรยากาศในช่วงนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลที่กำลังเจอทั้งศึกในศึกนอกรุมเร้าเข้ามา ศึกในก็เห็นจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ที่จนถึงวันนี้หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่ายังไม่กระเตื้องเท่าที่ควร เรื่องแบบนี้ถือว่าอ่อนไหวและชวนให้น่าผิดหวังพอสมควร ที่สำคัญหากไม่แก้ปัญหาจนสร้างความเปรียบเทียบให้เหนือกว่าอย่างชัดเจนได้ มันก็เข้าทางฝ่ายตรงข้าม และยังทำให้มาตรการการแก้ปัญหาของรัฐบาล และ คสช.มีปัญหามากขึ้น ประกอบกับมีอาการ “เกียร์ว่าง” ของบรรดาข้าราชการที่รอรับใช้กลุ่มการเมืองเข้ามาอีก มันก็ยิ่งชวนปวดหัว

ส่วนศึกนอกก็มีทั้งนอกรัฐบาล เป็นกลุ่มการเมืองที่ว่าเตรียมเคลื่อนไหวตอบโต้ โดยอาจประสานกับภายนอกประเทศกดดันเข้ามา โดยอ้างถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ มันก็ยิ่งสร้างความกระอักกระอ่วนขึ้นมาได้อีกไม่น้อย

ดังนั้น เมื่อพิจารณาเรื่องราวที่กล่าวมาทั้งหมด รวมไปถึงอาการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงออกมาล่าสุด ก็ต้องบอกว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่ “ซีเรียส” กันทั้งสองฝ่าย และเชื่อว่าคราวนี้ ฝ่ายอำนาจรัฐ ทั้งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คงจะต้องงัด “กฎเหล็ก” ขึ้นมาใช้จริงๆ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้บานปลาย จนกระทบกระเทือนต่อโรดแมปการปฏิรูป และนำไปสู่การเลือกตั้งในปีหน้า ซึ่งก็ต้องจับตาอาจได้เห็น “แอ็กชัน” เข้มๆ ออกมาให้เห็นก็เป็นได้!!
กำลังโหลดความคิดเห็น