“อลงกรณ์” หนุนรัฐทบทวนสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 ชี้กระทรวงพลังงานอ้างถ้าไม่เร่งเปิด ไทยจะขาดแคลนก๊าซธรรมชาติใน 7 ปี ซึ่งขัดแย้งกันเองกับฐานข้อมูลของ ปตท. ที่ระบุไว้ที่ 20 ปี ลั่นอีก 7 ปี ความต้องการใช้ก๊าซไม่เพิ่มมากจากวันนี้ เพราะกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองขณะนี้เกินอยู่ 25% และจะเป็น 44% ใน 6 ปี
วันนี้ (15 ก.พ.) นายอลงกรณ์ พลบุตร โฆษกคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัว “@alongkornpb” ระบุถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเปิดเวทีถกสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 ว่า การที่รัฐบาลเปิดเวทีกลางรับฟังความเห็นเรื่องสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 และการขยายเวลาการยื่นคำขอสัมปทานออกไปนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง รัฐบาลจะมีเวลาในการทบทวนเรื่องสำคัญๆ ได้แก่การแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม การปรับหลักเกณฑ์คำขอสัมปทาน และการตัดสินใจอนาคตของแหล่งปิโตรเลียมในทะเล
นายอลงกรณ์ ระบุอีกว่า ความมั่นคงด้านพลังงานเป็นเรื่องที่สำคัญแต่มีข้อเท็จจริงบางประการที่ขาดหายไปเกี่ยวกับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้าในอนาคต กระทรวงพลังงานอ้างเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานว่าถ้าไม่เร่งเปิดสัมปทานรอบ 21 จะไม่มีก๊าซธรรมชาติใน 7 ปีข้างหน้าซึ่งเป็นข้ออ้างที่คลาดเคลื่อน
ส่วนฐานข้อมูลของ ปตท. ระบุว่า เราจะมีก๊าซธรรมชาติใช้ได้อีก 20 ปี ถ้าไม่มีการสำรวจและผลิตเพิ่มเติม ตัวเลข 20 ปีของ ปตท. กับ 7 ปีต่างกันเกือบ 3 เท่าตัว และยิ่งกว่านั้นความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติใน 7 ปีข้างหน้าจะไม่เพิ่มจากวันนี้เท่าใดนักเพราะกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองขณะนี้เกินอยู่ 25% และจะเป็น 44% ใน 6 ปี
นอกจากนี้ การไฟฟ้ากำลังหาทางเลื่อนการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ที่ทำสัญญา PPA ผูกพันไว้แล้วในระยะจากนี้ไป 6 ปี ไม่เช่นนั้นกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองจะเกินกว่า 10,000 MW