xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กโด่ง” บินสิงคโปร์ ย้ำสัมพันธ์กองทัพ สั่ง มทภ.1 ตามคดีบึ้มกลางกรุง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก(แฟ้มภาพ)
ผบ.ทบ.พร้อมคณะบินเยือนสิงคโปร์ 9-10 ก.พ. ย้ำสัมพันธ์กองทัพสองประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูลความมั่นคง พร้อมร่วมพิธีปิดฝึกคชสีห์ แจง สั่ง “กัมปนาท” ประสาน ตร.ตามคดีบึ้มกลางกรุง รับมีแนวโน้มทราบตัวคนผิด เผย ระวังภัยมาตลอด แต่ไม่อยากให้ตึงเครียด พร้อมเข้มขึ้น ขอ ปชช.ช่วยดูแล

วันนี้ (9 ก.พ.) ที่อาคารรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วยคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบกได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 9-10 ก.พ. 2558 โดยมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคำนับนายชาน ชุน ซิง รมช.กลาโหมสิงคโปร์ และพล.ต.เพอรี ลิม เชง เหยา ผบ.ทบ.สิงคโปร์ เพื่อย้ำสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างสองกองทัพในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ความคิดเห็นเกี่ยวกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ รวมทั้งความร่วมมือทางทหารในด้านการข่าว การฝึกศึกษา ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ พล.อ.อุดมเดชยังได้เข้าร่วมพิธีปิดการฝึกระดับทวิภาคีในการฝึกผสมทางบกรหัสคชสีห์ ที่ค่ายลิมชูกัง โดยปีนี้ทางกองทัพบกสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพจัดการฝึก และกองทัพบกไทยได้ส่งกำลังพลจากกองพลทหารราบที่ 5 เข้ารับการฝึกร่วมกับหน่วยกองพันทหารราบที่ 4 กองพลน้อยทหารราบที่ 2 กองพลทหารราบที่ 6 ระหว่างวันที่ 31 ม.ค. - 13 ก.พ. 2558

ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดชกล่าวก่อนออกเดินทางว่า การเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ครั้งนี้ไปตามคำเชิญของ ผบ.ทบ.สิงคโปร์ เนื่องจากเราได้มีการฝึกร่วมกันภายใต้รหัสคชสีห์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการฝึก ซึ่งปกติไทยและสิงคโปร์จะสลับกับเป็นเจ้าภาพ โดยปีนี้กองทัพบกสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ ตนจึงถือโอกาสไปเยี่ยมเยือนกองทัพบกสิงคโปร์ด้วย สำหรับการฝึกร่วมคชสีห์เป็นการฝึกในระดับกองพัน เนื่องจากการปฏิบัติระดับกองพันต้องมีความสมบูรณ์ในด้านกลยุทธ์ต่างๆ ที่มีความจำเป็นให้เกิดการแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ตนยังได้พบ รมช.กลาโหมสิงคโปร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และความร่วมมือทางทหาร แม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศเล็กแต่เป็นประเทศที่สำคัญและมีเทคโนโลยีต่างๆ ที่น่าสนใจ โดยจะถ่ายทอดประโยชน์ต่างๆ ต่อกันได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่มีความก้าวหน้าและมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพ

พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อถึงความคืบหน้าการติดตามหาตัวคนร้ายที่ลอบวางระเบิดบริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม และห้างสรรพสินค้าพารากอน ว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นได้สั่งการไปยัง พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ให้หารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงรายละเอียดและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพราะต้องร่วมกันรับผิดชอบดูแลเรื่องความมั่นคงและรักษาความสงบเรียบร้อย โดยได้กำชับให้ติดตามคดีดังกล่าว ซึ่งความคืบหน้ามีแนวโน้มที่จะสามารถทราบตัวผู้กระทำความผิดได้โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการเป็นหลัก ทั้งนี้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ก็มีความห่วงใยพร้อมทั้งกำชับให้ดูแลเรื่องดังกล่าวด้วย

พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตนได้สั่งการไปทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะแค่พื้นที่ กทม. ที่ผ่านมาก็ได้มีความระมัดระวังมาโดยตลอด แต่การดูแลพื้นที่ควรต้องคำนึงถึงภาพพจน์ทั่วไปก่อน เพราะไม่อยากให้เป็นภาพของความตึงเครียด อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็ต้องเพิ่มมาตรการความเข้มงวดขึ้น เพื่อรักษาความปลอดภัย ตนคิดว่าประชาชนทั่วไปจะมีความสบายมากขึ้น โดยทางทหารจะร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ ทั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูงกับระดับผู้ปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันดูแล และอย่าตื่นตระหนก หากพบสิ่งผิดปกติขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยดูแลกันอย่างทั่วถึง


กำลังโหลดความคิดเห็น