“รสนา” บี้ ก.พลังงานแจงใช้ภาษี ปชช.ซื้อโฆษณา นสพ.โพสต์ทูเดย์ ปลุกระดมเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 เข้าข่าย Hate Speech เหน็บปากบอกโอกาสพบปิโตรเลียมมีไม่ถึง 1% แต่กระสันให้เป็นนโยบายหลักด้านความมั่นคงพลังงานของชาติ ท้ากล้าบอก ปชช.ตรงๆ เปิดสัมปทานคืนความมั่นคงให้ชาติหรือกลุ่มทุนพลังงานกันแน่?
วันนี้ (30 ม.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล ถึงกรณีกระทรวงพลังงานซื้อโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ (29 มกราคม 2558 ) พาดหัวว่า “หยุดถ่วงเวลา พาชาติเสี่ยง สร้างความมั่นคงพลังงาน เปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21” โดย น.ส.รสนา มองว่าเป็นการโฆษณาด้วยถ้อยคำไม่สร้างสรรค์ เข้าข่าย Hate Speech พร้อมตั้งคำถาม “ใครถ่วงเวลาพาชาติเสี่ยง?” ตามข้อความดังนี้
“คนที่ถูกชี้นิ้วว่าเป็นคนถ่วงเวลา คือสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 130 คนที่โหวตไม่รับการเดินหน้าสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ใช่หรือไม่? หรือคือเครือข่ายสถาบันนักวิชาการ? หรือคือ วปอ.คลังสมอง? หรือคือชุมชนและประชาชนในหลายภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบ? ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนถ่วงเวลา พาชาติเสี่ยง
ขอถามว่าเป็นโฆษณาของกระทรวงพลังงาน ใช่หรือไม่? การใช้ข้อความระบุต่อท้ายเพียงว่า “แหล่งที่มากระทรวงพลังงาน” เป็นสิ่งที่ขัดหลักธรรมาภิบาลในการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐหรือไม่?
ถ้าเป็นโฆษณาของกระทรวงพลังงาน ต้องถามว่า ใครเป็นคนอนุมัติให้ใช้เงินจากภาษีประชาชนมาลงโฆษณาด้วยถ้อยคำไม่สร้างสรรค์ เข้าข่าย Hate Speech อย่างที่มีการหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในสังคมปัจจุบัน ถึงกับจะบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กันเลย
ขอให้กระทรวงพลังงานออกมาชี้แจงให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของภาษีที่ถูกนำมาใช้ในการซื้อโฆษณาที่ไม่สร้างสรรค์ชิ้นนี้โดยด่วน
ข้อสงสัยที่วิญญูชนในหลายวงการอยากถามกลับ คือ นโยบายหลักด้านความมั่นคงพลังงานของชาติขึ้นอยู่กับการเปิดสัมปทานเท่านั้นหรือ? ทั้งที่กระทรวงพลังงานพร่ำพูดออกสื่ออยู่เสมอว่าโอกาสพบปิโตรเลียมมีไม่ถึง 1% และที่อยากให้กระทรวงพลังงานบอกกับประชาชนตรงๆ ก็คือ การเปิดสัมปทานคือความมั่นคงของชาติ หรือผลประโยชน์ของกลุ่มทุนพลังงานและอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของเอกชน (บางบริษัท) กันแน่??!!”