“ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมร่วม “คสช.-ครม.” สรุปรายงานความมั่นคง เชื่อสถานการณ์ช่วง สนช.ลงมติถอดถอน “ยิ่งลักษณ์” ยังปกติ ไม่มีสิ่งบอกเหตุวุ่นวาย ส่วนสถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น 50%
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการประชุมร่วมระหว่าง คสช.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมว่า การประชุมวันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรกในปี 2558 โดยมีวาระที่ คสช.จะต้องรายงานสถานการณ์ความมั่นคงในภาพรวม รวมถึงความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแผนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 9 ข้อของ คสช. ทั้งในรอบ 3 เดือนและ 6 เดือน เพื่อรายงานต่อ ครม.ให้ได้รับทราบ ทั้งเรื่องการสร้างความเป็นธรรมในสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจให้ยั่งยืน
ทั้งนี้ คสช.ได้รายงานสถานการณ์ความมั่นคงในภาพรวมในการรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับ ครม.ได้รับทราบ โดยขณะนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพราะยังไม่มีสิ่งบอกเหตุและยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนใหญ่กลุ่มที่เคลื่อนไหวจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชน
ส่วนที่มีความเป็นห่วงกลุ่มที่มาสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาสำนวนคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่งในวันที่ 23 ม.ค. 2558 นั้นยังไม่มีการรายงานสถานการณ์ความรุนแรง แต่จะต้องติดตามดูสถานการณ์ต่อไป แต่ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิดความวุ่นวาย
นอกจากนี้ยังมีการรายงานถึงสถานการณ์การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยที่ประชุมได้มีการเสนอความคิดเห็นหลากหลายและยกตัวอย่างว่าความคืบหน้าของสถานการณ์ในพื้นที่ดีมากกว่า 50% เป็นผลมาจาการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนที่เข้ามาร่วมดูแลรักษาความปลอดภัยและสร้างสันติสุขในพื้นที่ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ สำหรับการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ที่มีแผนงานจากกระทรวง ทบวง กรม จะมุ่งเน้นความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก โดยให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนไปพร้อมกับทุกกระทรวง ทบวง กรม
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระหว่างกองทุนหมู่บ้านให้ลงพื้นที่อย่างเหมาะสม ด้านการสาธารณสุขเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน และประชาชน ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนของรัฐ เช่น ปอเนาะ ตาดีกาพร้อมเสนอแนะให้สนับสนุนตั้งสถานศึกษาเกี่ยวกับการกีฬาเพื่อส่งเสริมการเล่นกีฬาในท้องถิ่น พร้อมทั้งเน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายและการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่าง”