รมต.สำนักนายกฯ เผยที่ประชุมวิปรัฐเห็นชอบ กม.ขึ้นเงินเดือน ขรก.5 ฉบับ ชี้คำนวณแล้วไม่กระทบงบฯ แจงขึ้น 4% ไม่มาก เผย 15 ม.ค. ควง “วิษณุ” ถกประสาน สนช.-ปสช. เชื่อปมถอดถอนมีทางออก ยันก่อการร้ายปารีสไม่โยงไทย รับไม่ได้ดูแต่บนดิน ดูโลกไซเบอร์ด้วย
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ฝ่ายรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า ที่ประชุมเห็นชอบกฎหมายการขึ้นเงินเดือนข้าราชการรวม 5 ฉบับ ซึ่งจะเป็นการขึ้นให้ทั้งหมดตั้งแต่ผู้ชำนาญการลงมา และคิดว่าไม่มีปัญหากับงบประมาณที่จะนำมาใช้เพราะรัฐบาลได้คำนวณดูแล้วว่า สามารถรับภาระตรงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม การขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ 4% ความจริงไม่มาก แต่พอบรรเทาให้ชีวิตความเป็นอยู่ข้าราชการนับแสนคนได้
นายสุวพันธุ์กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน้าที่ประสานกับสนช.และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คู่กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีว่า เนื่องจากกฎหมายบางฉบับที่มีปัญหาทางนายกฯจึงมอบหมายให้นายวิษณุกับตนทำหน้าที่ประสานกับ สนช.และ สปช. โดยเน้นว่าในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการให้รับฟังความเห็นให้รอบด้านมากขึ้น โดยจะนัดหารือกันในวันที่ 15 ม.ค.นี้
นายสุวพันธุ์กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมวิปรัฐบาลไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าทุกเรื่องมันจะมีทางออกของมันเอง ทุกอย่างขอให้ยึดตามกฎหมาย และไม่คิดว่าจะทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุดลงหากชี้แจงคำอธิบายได้ และผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ตัดสินทั้งหมด
นายสุวพันธุ์ในฐานะกำกับดูแลสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ยังกล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่มก่อการร้ายก่อเหตุในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสว่า ในแง่ของความมั่นคงมีการตรวจสอบแล้วไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับประเทศไทย แต่ต้องถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนต้องช่วยกันสร้างสภาพแวดล้อมของสังคมไทยให้อยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจและเอื้ออาทรกัน ที่สำคัญนายกฯได้ให้แนวทางในการปฏิบัติ และตนได้คุยกับทางสำนักข่าวกรองแห่งชาติแล้ว ซึ่งที่สุดแล้วจะต้องมีหลักการที่ครอบคลุมงานสำคัญหลายด้าน เช่น มาตรการทางการข่าวที่เราทำกันอย่างเต็มที่ มาตรการในการเฝ้าระวัง การแจ้งเตือน และมาตรการทางด้านการรักษาความปลอดภัย ส่วนที่มีความเป็นห่วงเหตุการณ์ในภาคใต้ที่อาจมีความเชื่อมโยงกันนั้น ยังเชื่อว่าสังคมไทยไม่มีเรื่องความคิดรุนแรงสุดโต่งหรือถ้ามียังน้อยกว่าที่อื่น ทั้งนี้ ภาครัฐไม่ได้ดูเฉพาะบนภาคพื้นดิน แต่ดูในโลกไซเบอร์ด้วยเพราะอาจมีความคิดสุดโต่งอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุอะไร