xs
xsm
sm
md
lg

ปีใหม่ ชีวิตใหม่ ชีวิตเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ ( ตอนที่ 1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(ธรรมบรรยายโดย พุทธทาสภิกขุ บรรยายเนื่องในพิธีตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๖)

ขออนุโมทนา ในวันซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นวันปีใหม่ ความสำคัญก็คือ ขอให้มันมีอะไรใหม่ไปในทางดีสมกับปีใหม่ อย่าให้เหมือนปีเก่า หรือต่ำกว่าปีเก่าเลวกว่าปีเก่า จึงจะเป็นปีใหม่ ต้องตั้งใจจริงกันที่สุดเลย จึงจะมีอะไรเกิดใหม่ขึ้นมา

ขอให้มองเห็นชัดเจนว่า ชีวิตของคนเราเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นธรรมชาติก็เป็นธรรมชาติที่ปรับปรุงได้ ชีวิตนี้จะต้องปรับปรุงกันตลอดเวลา มันก็จะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นๆ แล้วก็จะเต็มถึงที่สุดสักวันหนึ่ง ขอให้เชื่อแน่ในขั้นต้นเสียก่อนว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ หรือจะพูดให้ง่ายไปกว่านั้นอีกก็ว่า เป็นสิ่งที่เติมธรรมะลงไปได้

ชีวิตของเราเหมือนกับตุ่มน้ำ สามารถจะเติมน้ำใหม่ๆ ลงไปได้ ถ้าน้ำเก่ามันสกปรกมันไม่ดี ก็เทออกเสียหรือไขออกเสีย แล้วก็เติมน้ำใหม่ๆ ที่ดีลงไป ก็เป็นตุ่มน้ำที่มีน้ำดีๆ

ชีวิตนี้ก็เหมือนกันถ้าได้ทำผิดพลาดไปแล้วแต่หนหลัง ก็พยายามเอาออก แล้วก็เติมของใหม่ของดีของถูกลงไป ถ้าไม่เอาออกมันเติมไม่ลง มันจะล้น เราจึงต้องทำให้เติมได้ ที่เรียกว่าเติมนี้ก็คือ เติมพระธรรม พระธรรมที่เคยมีน้อย เติมให้มาก บางทีมีอธรรม คือธรรมะที่ผิดๆ อยู่มากก็ต้องไขออกไป


แต่คำว่าธรรมะหรือพระธรรมนั้นแปลความกันหลายอย่าง คำแปลที่ดีที่สุดก็คือ สิ่งที่ทำให้เกิดความเป็นมนุษย์ ทุกขั้นทุกตอนแห่งวิวัฒนาการ ธรรมะคือสิ่งที่ทำให้ความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้นๆ ทุกขั้นทุกตอนแห่งวิวัฒนาการ

เมื่อก่อนนี้เรามีความเป็นมนุษย์น้อย ไม่สมกับความหมายของคำว่ามนุษย์ ก็เติมธรรมะ –เครื่องทำให้เป็นมนุษย์ ลงไป ลงไป ให้ความเป็นมนุษย์มันเพิ่มขึ้น

ที่ว่าทุกขั้นตอนของวิวัฒนาการนี้หมายความว่า ตั้งแต่เด็ก จนเติบโต วัยรุ่น หนุ่มสาว พ่อบ้าน แม่เรือน คนแก่ คนเฒ่า คนชรา นี่เรียกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการ ให้มันเต็ม ถูกต้อง ให้มันเต็มขึ้นทุกๆ ขั้นตอนของวิวัฒนาการ

เป็นเด็กที่ประกอบไปด้วยธรรมะเต็มที่ของเด็ก เป็นวัยรุ่นก็เป็นธรรมะเต็มที่ของวัยรุ่น เป็นหนุ่มสาวก็มีธรรมะเต็มที่ของหนุ่มสาว เป็นพ่อบ้านแม่เรือนก็เต็มที่ของพ่อบ้านแม่เรือน เป็นคนแก่คนเฒ่าก็มีธรรมะเต็มที่ของคนแก่คนเฒ่า

นั่นแหละคือเต็ม พูดกันหยาบคายก็ว่า ไม่เสียชาติเกิด ถ้าได้เกิดมา เติมให้เต็มแล้วมันก็ไม่เสียชาติเกิด ถ้าไม่ได้เติมให้เต็มมันก็เสียชาติเกิด หรือเต็มด้วยของสกปรกคือไม่ใช่มนุษย์ มันก็เสียชาติเกิด

ช่วยอบรมเด็กๆ ลูกหลาน ทารกของเราให้ดีๆ ให้มีความถูกต้อง มาเสียตั้งแต่เล็กๆ แล้วมันจะถูกต้องยิ่งขึ้นและสมบูรณ์ ถ้าผิดพลาดมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วก็จะผิดพลาด หรือยากที่จะแก้ไขในภายหลัง

ดังนั้นใครมีเด็ก มีลูกมีหลาน มีเด็กเล็กๆ ในขั้นทารกแล้วก็อบรมให้ดีๆ ให้เข้าใจอย่างถูกต้องในความเป็นมนุษย์ บางอย่างเด็กยังไม่เข้าใจ อธิบายยังไม่ได้ ก็รอไว้ก่อนก็ได้ แต่ว่าแนะให้ทำในสิ่งที่จะต้องทำ และให้ถูกต้องตามเรื่องจริง อย่าหลอกหรือสอนให้เด็กมันโง่ กลัวผี กลัวเสือ กลัวตุ๊กแก กลัวโชคร้าย กลัว… อะไรซึ่งมันไม่ใช่ความจริง เ ด็กมันก็โง่และก็แก้ยากทีหลัง ให้เด็กรู้ว่าทำดีมันดี ทำชั่วมันชั่ว ทำดีมันจะไม่เดือดร้อน ทำชั่วมันจะเดือดร้อน และเราทำเอง เราเป็นที่พึ่งของตัวเราเอง

สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเขาพูดกันแต่ปากแหละ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือ เราทำเองนั่นแหละ ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ลองทำเถอะ ทำชั่วมันก็ชั่ว ทำดีมันก็ดี นั่นแหละศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ตามหลักพระพุทธศาสนามันต้องช่วยตัวเอง ต้องทำเอง และเป็นที่พึ่งแก่ตัวเอง นั่นแหละคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือการที่เราทำดีที่สุด นั่นแหละคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เป็นผีสางเทวดาพระเจ้าบุคคลอะไรที่ไหน นั่นเป็นบุราณ สมัยป่าเถื่อน เชื่อกันมาตั้งแต่สมัยป่าเถื่อน คนป่าเชื่อกันมานานแล้ว และยังเหลืออยู่จนบัดนี้

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงก็คือ ความดีที่เราทำ ทำให้มาก ทำให้เต็ม จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องอ้อนวอน พอทำแล้วก็ช่วยละ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แท้จริงไม่ต้องอ้อนวอนให้ช่วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องอ้อนวอนให้ช่วย นั้นปลอม เก๊ กินสินบน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชนิดกินสินบนเราไม่เอา เราไม่ต้องอ้อนวอน ไม่ต้องบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาช่วย เราทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยทันที ทำดี ดี ทำชั่ว ชั่วทันที เมื่อรักที่จะทำดี ให้เต็มที่ ให้สุดความสามารถไว้เสมอ พอทำแล้วมันก็จะช่วยแหละ ไม่ต้องอ้อนวอนว่า จงช่วย จงช่วย เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงเป็นอย่างนั้นเองจะช่วยเอง

เราเป็นพุทธบริษัท ไม่ถือไสยศาสตร์ ไม่อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหนมาให้ช่วยอีก แต่พยายามให้สิ่งที่เราทำดีและศักดิ์สิทธิ์นั้นแหละ ช่วยทันทีเลย ไม่ต้องอ้อนวอน ไม่ต้องขอร้อง นี่เรียกว่า พุทธบริษัทถือพุทธศาสตร์ พึ่งตัวเอง ทำดีด้วยตนเอง แล้วมันก็ช่วยในตัวเอง ไม่ต้องไปอ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ที่เราไม่มองเห็นตัว แล้วต้องไปเชื่อ เชื่อตามที่เขาว่ากันนั้น อันนั้นไม่ใช่พุทธศาสตร์ แต่ว่าเวลานี้มันมาปนกันอยู่แยกไม่ออก ถ้าแยกไม่ออกก็กลายเป็นถือสองอย่างพร้อมกันไป ทั้งพุทธศาสตร์ทั้งไสยศาสตร์แหละ ก็ขอให้ช่วยสังเกตดูให้ดี ให้แยก แยกไสยศาสตร์ออกไปเสียเรื่อยๆ ให้เหลือแต่พุทธศาสตร์ ยิ่งขึ้นๆ

เมื่อเป็นเด็กยังโง่ ถือสองศาสตร์ก็ได้ แต่พอเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถือศาสตร์เดียวดีกว่า คือถือพุทธศาสตร์ ศาสตร์เดียวดีกว่า จะได้เป็นพุทธบริษัทของพระพุทธเจ้า

ตอนนี้ปีใหม่ขอให้มันเป็นแบบนี้ยิ่งขึ้น ปีใหม่ให้มันเป็นชนิดนี้ ยิ่งขึ้นๆ ใหม่ขึ้นๆ ทุกๆ ปี เติมความถูกต้องลงไปในชีวิต ให้ใหม่ ให้ใหม่ยิ่งขึ้นทุกๆ ปี แล้วก็ไม่เสียทีที่จะทำบุญปีใหม่ ทำบุญเนื่องด้วยปีใหม่ เป็นที่ระลึกแค่ปีใหม่

(อ่านต่อ ตอนที่ 2 ฉบับหน้า)


กำลังโหลดความคิดเห็น