xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ลงใต้ตรวจเยี่ยมน้ำท่วม ตามงานความมั่นคง ร่วมรำลึก 10 ปีสึนามิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)
“ประยุทธ์” นำคณะลงใต้ ติดตามความช่วยเหลือปชช.ประสบอุทกภัย สั่งหาพื้นที่เก็บน้ำใช้หน้าแล้ง ขู่ตรวจสอบผู้ว่าฯ หากทำงานไม่ได้ ย้ำแก้น้ำท่วมใน 1 ปี พร้อมตามงานด้านมั่นคงจชต. ก่อนร่วมรำลึก 10 ปี เหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ ย้ำรัฐทำงานเต็มที่ ขอความร่วมมือคู่ขัดแย้งและทุกภาคส่วนช่วยกัน เรียกร้องสื่อวิจารณ์สร้างสรรค์ ตำหนิได้หากทำไม่ถูก



ที่กรมการขนส่งทหารบก ดอนเมือง ( ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 08.15 น. วันนี้ (26 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมสถานการณ์อุกทกภัยในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งที่นายกรัฐมนตรี พร้อมร่วมงานครบรอบ 10 ปีเหตุการณ์สึนามิที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา

ก่อนเดินทางนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ดูแลช่วยเหลือบรรเทาสาธารณะภัย อุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีน้ำท่วมมาเป็นเวลานานพอสมควร ตนได้สั่งการตั้งแต่วันแรก ให้ดำเนินการ โดยวันนี้จะเป็นการไปตรวจความเรียบร้อยว่าเป็นอย่างไร เท่าที่ทราบจากฝ่ายความมั่นคง ทั้งกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้รายงานความช่วยเหลือมาโดยตลอด โดยตนในนามของนายกรัฐมนตรี จะลงไปดูในหลายเรื่อง ทั้งการบรรเทาภัยพิบัติ ในเรื่องการดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นห่วงในเรื่องการก่อเหตุรุนแรงด้วย นอกจากนี้จะไปพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษว่ามีความพร้อมแค่ไหนอย่างไร ตรงตามนโยบายที่ได้เคยให้ไว้หรือไม่ ซึ่งจะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมอยู่แล้วให้สามารถประกอบกิจการได้มากขึ้น ใช้ผลผลิตในประเทศได้มากขึ้น

นอกจากนี้จะขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการตั้งโรงงานเพิ่มเติมเพื่อยกระดับเขตเศรษฐกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีเหตุรุนแรงให้ดีขึ้นไปพร้อมๆ กับการรักษาความมั่นคง การพัฒนา การสร้างความเข้าใจซึ่งตนคิดว่าในเวลานี้ จะต้องขับเคลื่อนในภาพรวมให้ได้โดยเร่งรัดที่สุดและหลังจากนั้นตนจะเข้าร่วมงานรำลึก 10 ปี เหตุการณ์สึนามิที่เรายังคงมีความเสียใจอยู่ โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิต ครอบครัวผู้สูญเสีย ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เราจะไปรำลึกถึงและห่วงใยต่อผู้ที่ยังอยู่ให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยต่อไป โดยเอาบทเรียนประสบการณ์ต่างๆ เหล่านั้นมาสร้างระบบของเราขึ้นมาให้ได้ โดยเฉพาะการเฝ้าระวัง การแจ้งเตือนภัย และแผนเผชิญเหตุต่างๆ รวมไปถึงแผนการฟื้นฟู ซึ่งต้องมีหลายอย่างด้วยกัน

"ผมคิดว่าวันนี้เราเรียนรู้มามากแล้ว ทุกอย่างของประเทศมีสาเหตุ มีบ่อเกิดจากหลายอย่างด้วยกัน ถ้าเราแก้ที่ต้นเหตุได้ ปลายเหตุเราสามารถระวังป้องกัน เมื่อส่วนราชการทุกส่วนให้ความร่วมมือกัน ช่วยกันแก้ปัญหาก็จะจบไปได้ ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยังไม่ช่วยกันก็ไม่ได วันนี้ข้าราชการและรัฐบาลพยายามทำเต็มที่ นโยบายสั่งการไปอย่างละเอียดทุกเรื่อง ปัญหาอยู่ที่ว่า ต้องร่วมมือกัน ถ้าจะวิพากย์วิจารณ์ การทำงานของเรา ผมไม่ว่า แต่ให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ในทางแนะนำ ขณะเดียวกัน ต้องบอกให้ประชาชนหรือภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐบาลด้วย และขอร้องให้ผู้ที่คัดค้าน มาพูดในช่องทางที่คุยกันรู้เรื่องเพื่อแก้ปัญหากันได้ตรงจุด หากรัฐบาลทำไม่ถูกต้อง ก็ตำหนิรัฐบาล ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือก็ต้องเตือนประชาชน ให้ความร่วมมือ หรือใครที่ขัดขวาง ขัดแย้งอยู่ก็มาร่วมมือ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถแก้อะไรได้ สั่งการอะไรไปก็ทำไม่ได้ ต้องช่วยตนด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า ได้เน้นย้ำ และเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้เป็นพิเศษ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ให้เตรียมการตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ปัญหาคือตอนนี้ฝนไม่ตกเป็นปกติ ปกติแล้วปริมาณน้ำฝนทั้งปีอยู่ที่ 1,500 มิลลิเมตร แต่ขณะนี้ 10 วัน ตกอยู่ที่ปริมาณ 1,000 มิลลิเมตร และมีแนวโน้มที่จะตกเพิ่มขึ้นอีก และแผนที่อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาได้ระบุว่ามีมรสุมเข้ามาทำให้ฝนตก เมื่อมรสุมหมดไปก็เกิดอากาศหนาวที่เป็นความต่อเนื่องกัน ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงอากาศที่ทั่วโลกมีความเป็นห่วง นับวันก็ยิ่งมากขึ้น เพราะทุกวันนี้เราใช้ทรัพยากรมาก ป่าไม้ก็ลดลง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยได้คาดการณ์ไว้จึงได้เตรียมระบบแจ้งเตือน เฝ้าระวัง ป้องกันไว้แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้สั่งการเพิ่มเติมเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น น้ำลดแล้วจะต้องเก็บน้ำไว้บ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้น้ำไหลไปหมด โดยได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เมื่อฝนตกเกินปริมาณต้องมีการกักเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งถ้าใครทำไม่ได้ก็ต้องมีการตรวจสอบไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ภายใน 1 ปี แต่แก้ไม่ได้ทั้งร้อยเปอร์เซนต์ เพราะไม่ได้ทำมานานโดยเริ่มดำเนินการปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้แสดงความเป็นห่วงไปยังต่างประเทศที่วันนี้มีหลายประเทศที่ประสบความเดือดร้อนเรื่องภัยพิบัติ ทั้งประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย โดยเฉพาะมาเลเซีย ซึ่งจะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง อาจจะส่งของไปช่วยเหลือ เพราะมาเลเซียประสบปัญหาหนักกว่าไทย มีฝนตกมากกว่า หลายพื้นที่ต้องอพยพคนกว่าแสนคน ซึ่งเราต้องดูแลซึ่งกันและกัน เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่างที่บอกว่าอาเซียนต้องเข้มแข็ง

เมื่อถามถึงอาการป่วยว่าหายดีหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ถ้าประชาขนคนไทยยังไม่มีความสุข ก็ป่วยอยู่อย่างนี้ หายพร้อมกับคนไทย ซึ่งยังไหวอยู่"

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามกำหนดการ จุดแรกนั้นนายกรัฐมนตรีจะ เดินทางถึงหมวดบินเฉพาะกิจนราธิวาส เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย จาก พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 และนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส จากนั้นเดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลนานาค อ.ตากใบ เพื่อติดตามการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการออกหน่วยให้ความช่วยเหลือ ทั้งการซ่อมแซ่ม ยานพาหนะ การผลิตน้ำดื่ม และครัวเคลื่อนที่ พบปะให้กำลังประชาชน พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือให้ประชาชน

ก่อนที่เวลา 12.30 น.นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับมายังหมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ เพื่อประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ และในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีเดินทางออกจาก จ.นราธิวาส ไปยัง อนุสรณ์สถานสินามิ เรือ ต.813 อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เวลา 17.30 น.เพื่อร่วมงานรำลึก 10 ปี เหตุการณ์สึนามิ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ร่วมวางพวงมาลา ร่วมจุดเทียนแสดงความรำลึก และเยี่ยมชมนิทรรศการดเานความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และสาธิต อุปกรณ์กู้ภัย ซึ่งงานดังกล่าว จะมีผู้แทนพิเศษจากรองเลขาธิการสหประชาชาติ คณะทูตานุทูต ก่อนจะเดินทางกลับ ถึงกทม.ในเวลาประมาณ 21.30 น.


กำลังโหลดความคิดเห็น