คณะผู้ตรวจฯ ร่วมลงนาม MOU กับ คกก.ต้านทุจริต เกาหลี ยืดเวลาเพิ่ม เพื่อร่วมมือพัฒนาแก้ปัญหาร้องเรียน กระชับสัมพันธ์ ปธ.ผู้ตรวจฯ ชี้เป็นนิมิตหมายที่ดีของสองชาติ ปชช.ได้รับความคุ้มครอง เป็นรูปธรรม ยันมุ่งทำให้เกิดประโยชน์ ปชช.สองชาติ
วันนี้ (18 ธ.ค.) นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย นายศรีราชา วงศารยางกูร ผู้ตรวจการแผ่นดิน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รักษาการเลขาธิการฯ นายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการฯ และคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตและสิทธิพลเมืองแห่งสาธารณรัฐเกาหลีใต้ นำโดย นายชเว ฮัก-กยอน (Choi Hakkyun) กรรมาธิการสามัญ คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตและสิทธิพลเมือง นายปาร์ก มินจู (Park Minjoo) ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวัฒนธรรมและการร้องเรียนทางการศึกษา นายปาร์ก ซึงโฮ (Park Seungho) รองผู้อำนวยการการเคหะและการร้องเรียนเรื่องสิ่งปลูกสร้าง นายยูน โจฮยอน (Yoon Jouhyun) รองผู้อำนวยการฝ่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ น.ส.จู มี (Joo Mee) ผู้ช่วยรองผู้อำนวยการฝ่ายให้คำปรึกษา เพื่อสร้างความร่วมมือในการพัฒนาระบบการแก้ไขปัญหาเรื่องการร้องเรียน แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความไม่สะดวกต่างๆ พร้อมหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมสิทธิของประชาชนทั้งสองประเทศที่อาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐของแต่ละประเทศ
โดยนางผาณิตกล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันในการพัฒนาระบบการร้องเรียน แลกเปลี่ยนปัญหาและแนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ภาษา การศึกษาการจ้างงาน และการออกหนังสือตรวจลงตรา (วีซ่า) ของแต่ละประเทศ ให้เกิดเป็นรูปธรรม ภายหลังที่ผู้ตรวจการแผ่นดินประเทศไทย ได้ลงนามความร่วมมือกับคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตและสิทธิพลเมืองแห่งสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2554 ซึ่งมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 3 ปี
“การลงนามในวันนี้จึงเป็นการขยายระยะเวลาในการดำเนินการดังกล่าวในระยะที่ 2 เพื่อสานต่อความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ยืนยันว่าผู้ตรวจการแผ่นดินจะมุ่งมั่นทำความเข้าใจเกิดรูปธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองประเทศได้อย่างดีเยี่ยม” นางผาณิต กล่าว
ด้านนายชเว ฮัก-กยอน กล่าวว่า ยินดีที่ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจในวันนี้ ตั้งแต่มีการลงนามเมื่อปี 2554 ทั้งสองหน่วยงานได้เดินทางไปเยือนซึ่งกันและกันเพื่อรับฟังเรื่องร้องเรียนระหว่างกัน และนำข้อมูลมาปรับให้เป็นภาษาของประเทศตัวเอง ขณะเดียวกัน ได้มีการวางรากฐานเพื่อปรับปรุงระบบและแก้ไขความไม่สะดวกและไม่เป็นธรรมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ มองว่าหากทั้งสองประเทศร่วมมือกันจะช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้น และจะนำไปสู่การเสริมสร้างและปรับกลยุทธ์เพื่อความสุขของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม