โฆษก กอ.รมน.เผยผลประชุมเกาะติดไฟใต้ สรุปสัปดาห์ที่ผ่านมามี 6 เหตุการณ์ รวบ 4 โจรใต้ จับเพิ่มอีก 2 มือบึ้มหาดใหญ่ เผยซ่อมถนนคืบ 10 เส้น ด้าน เสธ.ทบ.สั่งเร่งบูรณาการงบฯ 58 ตอบสนองแผนชุมชนตามความเร่งด่วน เล็งนำมินิยูเอวีมาใช้ กำชับหน่วยทหารทำความเข้าใจประชาชน
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) โดยมี พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก เป็นประธานการประชุมว่า ในการประชุมครั้งนี้ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้บรรยายสรุปผ่านระบบวิดีโอ (วีทีซี) เกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์เกิดขึ้น 6 เหตุการณ์ แยกเป็นคดีความมั่นคง 4 เหตุ เรื่องส่วนตัว 2 เหตุ และอยู่ระหว่างตรวจสอบ 1 เหตุ ติดตามควบคุมตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการในพื้นที่อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้ 1 ราย อ.รามัน จ.ยะลา 2 ราย และอ.ระแงะ จ.นราธิวาส 1 ราย ส่วนความคืบหน้าคดีสำคัญจากเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 57 ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สามารถติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายได้ 2 ราย ซึ่งศาลจังหวัดสงขลาได้อนุมัติออกหมายจับ 8 คน จับกุมแล้ว 4 คน อยู่ระหว่างหลบหนี 4 คน
พ.อ.บรรพตกล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มงานอำนวยความยุติธรรมและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบได้จัดประชุมคณะกรรมการประสานงานและรณรงค์เพื่อยุติการต่อสู้ด้วยวิธีรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมอาชีพและเตรียมการจัดตั้งชมรมระดับอำเภอ และได้รับรายงานตัวผู้ออกมารายงานตัวแสดงตนเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านจำนวน 1 ราย ส่วนการดำเนินการซ่อมปรับปรุงถนนที่ชำรุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มดำเนินการแล้ว 10 เส้นทาง จาก 37 เส้นทาง ในภาพรวมอยู่ในขั้นตอนการรื้อผิวและบดอัดฐานถนนทางเดิม โดยผลการปฏิบัติงานรวมทั้งโครงการคิดเป็นร้อยละ 5.55
นอกจากนี้ พล.อ.ฉัตรเฉลิมได้สั่งการให้ประสานงานและเร่งรัดการบูรณาการงบประมาณ 2558 ทั้ง 17 กระทรวง 55 หน่วยงานในแต่ละจังหวัด เพื่อตอบสนองแผนชุมชนตามลำดับความเร่งด่วนของแต่ละพื้นที่ที่ได้รวบรวมความต้องการจากประชาชนมาแล้ว โดยพยายามปรับเปลี่ยนแผนงานหรือโครงการให้อยู่ในงวดแรกของปีงบประมาณ อีกทั้งให้นำมินิยูเอวี หรือเครื่องบินไร้คนขับมาใช้งานตามขีดความสามารถอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเครือข่ายสังคมออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มมีบทบาทแทนที่การเผยแพร่ข่าวสารแบบปากต่อปากจึงขอให้หน่วยเข้าไปเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง