xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ไฟเขียวชื่อ “กระทรวงดิจิตอล” - หาทางลากคอพวกหมิ่นสถาบัน - ขยายอำนาจสันติบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แถลงประชุม ครม. นายกฯ บอกของขวัญปีใหม่ไม่ต้องกังวล แต่อยากให้เข้าใจการแก้ปัญหาระยะยาว ปลอบถ้าบริสุทธิ์ใจอย่ากลัวทุจริต สั่งหาทางเอาพวกหนีคดีหมิ่นมาลงโทษ เบรกอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย การปฏิรูปยังไม่จบ เห็นชอบเปลี่ยน “กระทรวงดิจิตอล” แทน “ไอซีที” คมนาคมเร่งรัดสะพานนนทบุรีใหม่เปิดก่อนปีใหม่ พาณิชย์จับมือห้าง-เว็บขายของลดราคา เห็นชอบขยายอำนาจตำรวจสันติบาล ตั้ง คกก.ประมงแห่งชาติ นายกฯ นั่งประธาน

วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรารภต่อที่ประชุมว่า เรื่องของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้ประชาชนนั้น ไม่ต้องกังวลมาก สิ่งใดทำได้ก็ทำ มาตรการที่ออกไปจะเป็นแบบระยะสั้น แต่อยากให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม เข้าใจถึงการแก้ปัญหาระยะยาว การวางรากฐานต่างๆ ล้วนมีความสำคัญ หลายเรื่องเป็นเรื่องยาก เช่น การลดความเหลื่อมล้ำ การเข้าสู่บริการของรัฐ การจัดระเบียบต่างๆ หรือการแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกร เป็นต้น แต่เหล่านี้ก็ถือเป็นของขวัญให้ประชาชนได้เช่นกัน จึงขอให้ทุกกระทรวงไปประมวลผลงานก่อนการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 3 เดือน ในวันที่ 25 ธ.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้ให้กำลังใจรัฐมนตรีในการทำงานที่ผ่านมา โดยระบุว่ามาตรการต่างที่ทำไปบางครั้งไม่ได้ผล 100% ได้ 70 - 80% ก็ขอให้ทำต่อไป อย่าไปกลัวการถูกกล่าวหาทุจริต ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจ ท่านนายกฯ กำชับว่าสิ่งสำคัญคืออย่าทำงานช้าต้องกล้าทำ เพราะตนเองกล้าตัดสินใจทุกเรื่อง

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้ฝากให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาการจัดประกวดภาพถ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง ดอกไม้ หรือสถานที่สำคัญ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศรับรู้และมีส่วนร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวให้รู้ไปถึงชาวต่างชาติ ไม่ใช่รู้จักแต่พระบรมมหาราชวัง หรือวัดพระแก้วเพียงที่เดียว นอกจากนี้ ขอให้ไปดูการท่องเที่ยวแนวชายฝั่งว่าจะมีการต่อยอดได้อย่างไร หลังจากที่ได้มีโอกาสหารือกับผู้นำเวียดนามมาแล้ว นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ บอกด้วยว่า สิ่งที่ตั้งเป้าจะทำให้ได้คือเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อประเทศจีน และประเทศเพื่อนบ้าน

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นายกฯ อยากให้มีตลาดชุมชนเกิดขึ้นทุกพื้นที่ เพื่อสร้างการเรียนรู้ในชุมชน และเพื่อความเป็นอยู่ของชุมชนนั้นๆ โดยต้องมีการกำหนดราคาที่เหมาะสมด้วย สำหรับการจัดระเบียบตลาดคลองถมนั้น นายกฯ ได้ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร หากย้ายทันทีก็เกรงว่าจะเกิดปัญหา อาจจะมีการเสนอให้ใช้วิธีจัดเวลา จัดโซนแบบต่างประเทศ โดยเรื่องเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มาก ขณะเดียวกัน ก็ต้องขอความเห็นใจจากประชาชนด้วยเช่นกัน

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงกรณีผู้ทำผิดกฎหมาย ทั้งอาญา และทางแพ่ง ด้วยการโพสต์ข้อความบนเว็บไซต์ต่างๆ โดยผู้ที่กระทำผิดอยู่ในต่างประเทศ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรมหารือร่วมกันว่า จะทำอย่างไรที่จะนำคนทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ แต่ยังไม่อยากให้พูดไปถึงเรื่องกฎหมายการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปก่อน เพราะต้องพยายามทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ ว่า คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศของเขาได้ทำร้ายคนไทยอย่างไร ทำผิดกฎหมายอย่างไร สำหรับความเคลื่อนไหวของผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น นายกฯ บอกว่าไม่เป็นไร ทุกภาคส่วนจะต้องสร้างความเข้าใจ เพราะนักศึกษามีความคิดหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ ฉะนั้น ต้องเปิดเวทีให้เขา แต่การทะเลาะกันแล้วไปกระแนะกระแหนอีกกลุ่มไม่ช่วยสร้างบรรยากาศปรองดอง และการปฏิรูป

“การปฏิรูปของภาคส่วนต่างๆ ของแม่น้ำ 5 สาย ขณะนี้ยังไม่เสร็จสิ้น เป็นเพียงการเสนอความเห็น ฉะนั้นคนบางกลุ่ม บางพวกอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย หรือแสดงพลังคัดค้าน มั่นใจสิ่งที่จะออกมาในท้ายที่สุด สังคมจะยอมรับได้อย่างแน่นอน” พล.ต.สรรเสริญ อ้างคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในที่ประชุม ครม.

ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แต่งตั้งคณะกรรมการดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อให้เกิดการร่วมทำงานระหว่างเอกชนและรัฐบาล ในการกำหนดนโยบายและแผนปฏิบัติงานระดับชาติ นอกจากนั้น ยังได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม โดยเปลี่ยนชื่อกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือกระทรวงไอซีที เป็นกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยตั้งสำนักงานเศรษฐกิจดิจิตอลขึ้นมาใหม่ เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. ได้รับทราบการจัดทำของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนของ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ ที่จะจัดงานร่วมทำบุญปีใหม่ มอบความสุขแก่คนไทย น้อมใจถวายในหลวง ในวันที่ 20 - 21 ธ.ค. 57 ณ เทศบาลนครนนทบุรี โดยมีกิจกรรมถวายราชสักการะ และลงนามถวายพระพร ทำบุญตักบาตรจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การบริการต่างๆ กับประชาชน และการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาถูก ส่วนช่วงวันที่ 24 - 30 ธ.ค. 57 จะมีการจัดงานลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน โดยร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้ารายใหญ่ ห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ จัดกิจกรรมลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดทุกแผนก ทุกสาขาทั่วประเทศ ประมาณ 12,800 สาขา โดยลดราคาสินค้าสูงสุดร้อยละ 70 เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ในช่วงวันที่ 15 - 30 ธ.ค.57 จะมีการจัดงาน Thailand Online Mega Sale 2015 โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และพันธมิตรจัดกิจกรรมผ่านทางเว็บไซต์ www.thailandmegasale.com เพื่อจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในราคาพิเศษ โดยลดราคาสินค้าร้อยละ 20 - 90 เป็นต้น

ร.อ.นพ.ยงยุทธ แถลงต่อว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคม มีของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2558 จำนวน 69 โครงการด้วยกัน นอกเหนือจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางหลวงพิเศษในช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว ยังมีโครงการที่น่าสนใจ อาทิ กรมการขนส่งทางบกเปิดให้จองทะเบียนรถออนไลน์ เพื่ออำนวยสะดวกประชาชนในการจองทะเบียนรถ กรมทางหลวงจะจัดทำช่องจักรยานเพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยแก่ประชาชนและสนับสนุนการท่องเที่ยว/การออกกำลังกาย ใน 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ นครนายก พังงา และ มุกดาหาร ส่วนกรมทางหลวงชนบท จะเร่งรัดโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี 1 จังหวัดนนทบุรี (จากถนนนนทบุรี ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปออกถนนราชพฤกษ์) โดยเร่งรัดให้เปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจร ในวันที่ 28 ธ.ค. 57 ซึ่งตามสัญญาจะก่อสร้างแล้วเสร็จเดือน มี.ค. 58 เป็นต้น ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ มีโครงการที่น่าใจภายใต้ชื่อของขวัญ “เรียนรู้ สู่อาชีพ” อาทิ โครงการครูพระราชทานสัญญาณจากฟ้า โครงการอาชีวะ ซ่อม สร้าง เสริม ส่งสุข และโครงการอุดมศึกษาสร้างความรู้ สร้างอาชีพ สร้างความสุข สู่ชุมชน เป็นต้น พร้อมกันนี้ได้มีการย้ำมติ ครม. ที่ให้วันที่ 2 ม.ค. 58 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มอีกหนึ่งวันด้วย

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้กู้ต่อของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในปีงบประมาณ 2558 เพื่อใช้จ่ายในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง - บางแค ช่วงบางซื่อ - ท่าพระ และสายสีเขียวช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ โดยการชำระหนี้คืนก่อนกำหนดจากสัญญาเดิมในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 20,000 ล้านบาท ให้กับธนาคารกรุงเทพ และธนาคารออมสินด้วยการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ให้กู้ต่อในปี 2558 ครั้งที่ 1 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.65 ต่อปี อายุคงเหลือ 7.15 ปี จำนวน 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ครม. ได้รับทราบผลการรายงานหนี้สาธารณะของประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2557 ณ วันที่ 30 ก.ย. 57 ยอดหนี้คงค้างราว 5.55 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละของเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 46.07 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล และหนี้สาธารณะคงค้างในรอบ 1 ปีเพิ่มขึ้นราว 2.6 แสนล้านบาท

ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ในการแบ่งส่วนราชการและเสนอร่างกฎกระทรวงควบคู่กันไป ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอ เพื่อขยายอำนาจของกองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) ในการสืบสวน สอบสวน พิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญาของ บช.ส. และส่วนราชการอื่นใน สตช. โดยมีสาเหตุมาจากภารกิจของ บช.ส.ในการสืบสวนหาข่าวด้านความมั่นคง แต่ว่าไม่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา เป็นเหตุให้เวลาที่จะเข้าตรวจสอบ ตรวจค้นพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน ทำไม่ได้ ทำให้การปฏิบัติงานล่าช้า ขาดความคล่องตัว ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล จึงเห็นสมควรที่จะเพิ่มอำนาจให้กับ บช.ส. รวมทั้งหน่วยระดับกองบังคับการในสังกัดให้สามารถมีอำนาจ ทั้งในเรื่องสืบสวน และสามารถปฏิบัติงานตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญาได้ด้วย

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการขยายระยะเวลาเขตการค้าเศรษฐกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 3 ปี จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 60 เพื่อส่งเสริมการลงทุน สร้างแรงจูงใจของผู้ประกอบธุรกิจภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ โดยแบ่งมาตรการออกเป็น 2 ส่วน โดยการลดภาษีรายได้นิติบุคล ให้เหลือร้อยละ 3 และภาษีรายได้บุคคลธรรมดา รวมถึงภาษีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และภาษีค่าธรรมเนียมในการโอนอสังหาริมทรัพย์เหลือเพียงร้อยละ 0.1 รวมทั้ง ครม.ยังเห็นชอบให้ขยายเวลาโครงการสินเชื่อส่งเสริมผู้ประกอบการอาชีพให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ที่มีวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท ออกไปถึงวันที่ 31 ธ.ค. 58 ซึ่งเป็นการให้ขยายเวลาเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากที่ผ่านมา ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 57 พบว่ายอดขอใช้สินเชื่อมีแค่ 2,260 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 2,576 รายเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้อนุมัติมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกไปอีก 3 ปี จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2560 เช่นกัน ซึ่งทาง ธ.ก.ส. ขอรับการชดเชยจากรัฐบาลเป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,072.5 ล้านบาท

นอกจากนี้ ครม. มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้ องค์ประกอบ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ประธานสมาคมสหพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย นายกสมาคมกุ้งไทย นายกสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย และ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งแห่งประเทศไทย โดยมีอธิบดีกรมประมง เป็นกรรมการและเลขานุการ รองอธิบดีกรมประมง ผู้อำนวยการกองแผนงาน กรมประมง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

ทั้งนี้ อำนาจหน้าที่ ประกอบด้วย 1. กำหนดนโยบายการพัฒนาการประมงทั้งในน่านน้ำ นอกน่านน้ำและน่านน้ำสากล ตลอดจนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้สอดคล้องกับปริมาณของทรัพยากรสัตว์น้ำ และขีดความสามารถในการทำประมง 2. กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบอาชีพการประมงและประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น 3. ติดตามกำกับและดูแลการดำเนินการตามแผนแม่บทการจัดการประมงทะเลไทย (พ.ศ. 2552 - 2561) แผนงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการประมง และการแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการโดยรายงานผลที่ปฏิบัติต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ 4. กำกับ ดูแล เร่งรัดและติดตามการดำเนินการจัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (NPOA-IUU) โดยกำหนดภารกิจและมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ 5. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการมอบหมาย และ 6. ปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย









กำลังโหลดความคิดเห็น