นายกฯ จ้อเร่งรัดแก้จน-ราคาพืชผล-กฎหมายใน 1 ปี เร่งทำความเข้าใจ กม.หมิ่นสถาบันกับต่างชาติ นำตัวคนผิดมาลงโทษแทนส่งผู้ร้ายข้ามแดน คาดมีเยอะแต่ไม่ถึงร้อย ซัดเขียนนิยายทำแตกแยก มีแต่พวกหน้าเดิม “สมศักดิ์ เจียมฯ” เป็นอาจารย์ทำยังงี้ได้ยังไง วอนหยุดพูดเรื่องเงินพระราชทาน ลั่นไม่ยกเลิกพันธบัตรแน่ ชี้หุ้นตกเรื่องธรรมดา ซัดพวกปล่อยข่าวลือส่งเดช ไม่สนใจปั่นโซเชียลมีเดียเขย่ารัฐบาล บอกเอาความดีเข้าทำ ด่ากลับพวกวิจารณ์ทหารไม่ชำนาญ โยนรถบรรทุกทหารขนเหล้าเถื่อนเรื่องส่วนตัว ปัดตอบปมจัดซื้อรถกู้ภัย มท. ก่อนเหน็บสื่อรำคาญยุ่งเรื่องซังกะบ๊วย
วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกันระหว่าง คสช.กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมวันนี้เห็นตรงกันว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คสช.และของรัฐบาลให้ชัดเจนและทันเวลา เพราะประชาชนคาดหวังสูง ตนจึงสั่งการให้กำหนดยุทธศาสตร์เดิมให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และเดินหน้าไปพร้อมกัน รัฐบาลมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน เอายุทธศาสตร์มาจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่มี 11 ข้อ ที่เร่งรัดให้ดำเนินการภายใน 1 ปี ประกอบด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ ลดความยากจน ราคาพืชผลทางการเกษตร สองกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การจัดระเบียบสังคม การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ยาเสพติด การพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้มีความเข้มแข็ง และเรื่องสังคมจิตวิทยาและการศึกษา ซึ่งต้องมีขั้นตอนในการขับเคลื่อนให้เกิดมีความเป็นรูปธรรมมีแนวทางที่ชัดเจน และต้องสรุปให้ได้ว่าที่ผ่านมามีอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่รู้ว่าอะไรที่ทำสำเร็จไปแล้วบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องทำให้โครงสร้างเดิน เดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบูรณาการไปให้ได้ รวมถึงวางแผนงานให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงทำพร้อมกัน เฉลี่ยความเป็นธรรมให้มากที่สุด และในฐานะที่ คสช.มีอำนาจในเรื่องกฎอัยการศึก เราก็จะพยายามใช้ให้น้อยที่สุด โดยจะให้มีบทบาทในเรื่องของการติดตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการสัมผัสประชาชนและสร้างความเข้าใจและการจัดระเบียบที่ต้องให้กำลังทหาร โดยใช้อำนาจในทางสร้างสรรค์เพื่อเสริมงานของ ครม. และวันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย คณะกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการความโปร่งใสและกระบวนการยุติธรรม และคณะกรรมการติดตามการขับเคลื่อนโดย คสช. และจะเสนอเข้าสู่ ครม. เพื่อพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องกันต่อไป และในการประชุม ครม. ครั้งต่อไป จะมีตัวแทน คสช.มาเข้าร่วมด้วยเพื่อจะได้ทำความเข้าใจ
ส่วนการดำเนินการต่อผู้ที่ทำผิดกฎหมายทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนได้สั่งการเองซึ่งต้องไล่ดูและทยอยพิจารณา อย่าเพิ่งไปเชื่อมโยงอะไรกับใครทั้งสิ้น สิ่งที่จะต้องดูอันแรกคือเรื่องการละเมิดมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ต้องรีบทำความเข้าใจต่อต่างชาติ มันมีผลกระทบเรื่องข่าวลืออะไรต่างๆ เยอะแยะไปหมด จึงได้สั่งการให้ดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ และพวกที่ทุจริตหรือกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ต้องทยอยพิจารณา แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราเพียงแต่เราต้องแจ้งไป ส่วนเขาจะส่งตัวกลับมาหรือไม่ แต่บางทีเขาก็ไม่ส่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ที่ละเมิดมาตรา 112 ที่อยู่ต่างประเทศจะดำเนินการอย่างไรจะได้ตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว นายกฯ กล่าวว่า เขาไม่ส่งมา ตำรวจเราไปจับในบ้านเขาไม่ได้ เขาต้องเป็นคนจับและควบคุมตัวมาให้เราตามกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่วันนี้สิทธิมนุษยชนมีมากขึ้น จะเห็นได้ว่าหลายคนหนีไปอยู่ประเทศโน้นประเทศนี้ซึ่งประเทศเหล่านั้นไม่เข้าใจว่ากฎหมายบ้านเราเป็นอย่างไร เราคงต้องทำเรื่องชี้แจงไปว่าเขาผิดเรื่องอะไร อย่างไร และหารือร่วมกันต่อไป คิดว่าคงไม่รวดเร็ว แต่อย่างน้อยให้เขารู้ ดีกว่าให้คนเหล่านี้ไปพูดจนเสียหาย ถ้าใช้คำว่าส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนคงไม่ได้ เกรงว่าจะมีผลกระทบอีก จึงจะใช้คำว่าผู้มีความผิดตามกระบวนกฎหมายของไทย แจ้งให้ต่างประเทศเขารับทราบ อย่างน้อยเพื่อให้คนพวกนี้ไม่ได้พูดจา ส่วนเขาจะร่วมมือกับเราอย่างไรคงต้องหารือกันในขั้นต่อไป
เมื่อถามว่า รวมแล้วมีหลายคนหรือไม่ที่มีความผิดมาตรา 112 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เยอะอยู่แต่ไม่ถึง 100 คน ทุกคนจะละเมิดกฎหมายไม่ได้ จะบอกไม่รู้ก็ไม่ได้ ถ้าตัวเองไม่ได้พูดแล้วถูกคนไปแจ้งความดำเนินคดี อย่างนี้ถือว่าเป็นการกล่าวอ้างเอามาใช้ละเมิดทางการเมือง และพวกที่มีคดีในวันนี้ถือว่ามีความผิดหมด
“บางคนผมจะบอกให้ส่งคนไปพบและพูดคุยแล้ว เขาก็บอกว่าเข้าใจผิดจะไม่ทำอีก แต่กลับหนีไปทำต่อที่ต่างประเทศ เราเดินตามขั้นตอนอยู่แล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ จับทุกคน หรือจับเลย เราได้ติดตาม เฝ้าระวัง แจ้งเตือน มีคณะทำงานเยอะ ไอซีที กองทัพบก กระทรวงกลาโหม มีหมดตามไปแล้วส่งคนไปพบเอาตำรวจไปพูดคุย และค้นมีหลักฐานด้วย เซ็นสัญญากันไว้เรียบร้อยแล้วว่าอย่าทำอีก และถามรู้ไหมว่าผิด ตอบว่าไม่ทราบครับเขาส่งมา ผมก็ส่งต่ออะไรแบบนี้ แล้วก็เขียนขยายไปเรื่อยเหมือนเขียนนิยาย โดยที่ไม่รู้ว่าใครเขียนมา มันจริงที่ไหนตอนนี้กำลังตามเรื่องนี้ มันเขียนให้เกิดความแตกแยก และหาว่าในรัฐบาลนี้ก็มีช่วยฝ่ายโน้นอยู่ ซึ่งไม่มีทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมดผมยืนยัน ปัญหาอยู่ที่ว่าจะทำได้เมื่อไหร่ อย่างไร วันนี้มีกระบวนการ ทั้งองค์กรอิสระ ศาล กระบวนการยุติธรรม พวกนี้ถือเป็นภัยร้ายแรง ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม มันไม่ได้ ใครที่คิดว่าตัวเองถูกกล่าวอ้างก็ต้องฟ้องกลับไปสิว่าไม่จริง อย่างนายสมศักดิ์ (เจียมธีระสกุล) วันนี้ยังเขียนอยู่ ทุกคนก็เห็น เขียนอย่างโน้นอย่างนี้ เขียนไปเรื่อย เป็นถึงครูอาจารย์ทำอย่างนี้ได้อย่างไร สอนให้คนปฏิเสธกฎหมายมันไม่ได้ มันต้องสอนให้คนเคารพกฎหมาย อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ว่ากันมา วันนี้ไม่ได้ผมไม่ยอมอยู่แล้ว แต่คนพวกนี้มีไม่กี่คนหรอก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีการปรามบุคคลที่หมิ่นสถาบันผ่านเว็บไซต์อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า กำลังติดตามอยู่ มีหลายวิธี ถ้ารู้ตัวก็ปรามติดตามไอพี ทางกฎหมายมีทุกวิธีการ แต่เดิมทางกฎหมายต้องฟ้องศาล แต่วันนี้เราไปพบเลยและบอกให้หยุด แต่พวกนี้หยุดไปพักเดี๋ยวก็มาใหม่ ไอ้คนเดิมอย่างนี้ต้องจับดำเนินคดี ซึ่งมีหลายคนอันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการละเมิด ซึ่งต้องดูอีกว่าเวลาเขียนละเมิดอวยให้ใคร นั่นแหละต้องไปดูว่าอยู่ข้างไหน ฉะนั้นใครที่ให้คนเหล่านี้มาทำงานลักษณะนี้ เล่นงานคนอื่น โจมตีฝ่ายอื่นและชมฝ่ายตัวเอง ก็ต้องยอมรับคงไม่อย่างนั้นพวกนี้คงไม่บ้ามาเชียร์เปล่าๆ ตนคิดว่าอย่างนั้น และไม่สมควรเอาสถาบันลงมาเล่น ตรงนี้ไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงแถลงการณ์กระทรวงคลังเรื่องเงินพระราชทานว่า กระทรวงการคลังชี้แจงไปแล้วก็จบ และเรื่องนี้ไม่ควรจะพูดต่อไป เพราะมีหลายส่วน เพราะทรัพย์สินพระมหากษัตริย์มีหลายส่วน ซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก็มีด้วย
ส่วนกระแสข่าวลือในตลาดหุ้นว่ารัฐบาลจะยกเลิกธนบัตรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งทำให้หุ้นตก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครคนสั่ง มันง่ายนักหรือไงการยกเลิกพันธบัตร ยืนยันว่าไม่เคยมีความคิด เรื่องอื่นมีเยอะแยะ แต่ถ้าทำนั้นทำได้แต่ไม่ใช่เรื่อง ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำ ส่วนข่าวที่มีขบวนการปั่นหุ้นต้องการทุบให้หุ้นตกเพื่อที่จะช้อนซื้อเกร็งกำไรนั้น วันนี้ยังไม่มีรายงานเรื่องนี้ แต่พฤติกรรมการปั่นหุ้นแบบนี้มีเมื่อตอนปี 2551 เรื่องหุ้นตกเป็นเรื่องธรรมดา หุ้นจะขึ้นทุกวันได้อย่างไร
“แต่เมื่อวันที่หุ้นตกเพราะมีข่าวลือโน้นนี่ ลือพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เมื่อมีแถลงการณ์ออกมาแล้วก็จบ พวกนี้ลือส่งเดช มันไม่ได้ เรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวทำไมจะต้องแบบนี้ วันนี้ประเทศชาติเดินอยู่รัฐบาลทำหลายๆ อย่างของขวัญปีใหม่แต่ละกระทรวงก็จะมีออกมาเพื่อคืนความสุขให้ประชาชน ขณะเดียวกันกฎหมายหลายร้อยฉบับที่ออกไปและอยู่ในกระบวนการสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความยั่งยืนในวันหน้า วันนี้หลายอย่างที่รัฐบาลทำโดยเฉพาะโครงสร้างพลังงาน ยอมรับว่าเจ็บตัว มีใครกล้าทำบ้าง แต่ผมต้องกล้าทำเจ็บตัวก็ต้องยอม เพราะถือว่าลดความเหลื่อมล้ำให้ความเป็นธรรม ตรงนี้ต้องมาเข้าข้างกันบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่สิ่งที่รัฐบาลกำลังวางไว้ แต่รัฐบาลใหม่มาก็ปรับใหม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ห่วง ตนคิดเอาไว้แล้วว่าจะวางมาตรการต่างๆที่จะทำให้การปฏิรูปเหล่านี้ต่อเนื่องไปให้ได้ เมื่อตนออกไป จะต้องมีกลไกในการรักษาสิ่งเหล่านี้ ก็ต้องอยู่ในกฎหมายอยู่ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำลังพิจารณากันอยู่เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นก็ทำมาหนึ่งปี ปีหน้าก็กลับมาใหม่ มันไม่ได้ อย่างน้อยต้องระยะหนึ่งเพื่อปฏิรูปที่เหลือให้จบ และวันหน้าอาจจะดีขึ้นก็ได้ วันนี้รัฐบาลเข้ามารื้อใหม่หมดแต่ทุกอย่างไม่ได้ทำวันเดียวเสร็จ เป็นการแก้ระยะสั้นระยะยาว โดยมีการตรวจสอบความโปร่งใส ถ้าไม่ใช่รัฐบาลนี้ไม่มีใครกล้าทำ เพราะถ้าทำไปจะเสียคะแนนเสียง และเอื้อประโยชน์ให้พวกเดียวกันไม่ได้ ตนตัดใหม่หมด วางแผนไปถึงปี 2565
เมื่อถามว่า อธิบดีกระทรวงคลังออกมาบอกว่าเรื่องหุ้นตกมี “ไอ้โม่ง” ปั่นหุ้น นายกฯ กล่าวว่า จะโง่ฟังเขาทำไม ตัวเองต้องประเมินเอง ถ้าเกี่ยวกับเรื่องอะไรที่สำคัญเขาจะมีแถลงการณ์ วันนี้มีการปั่นหัวด้วยโซเซียลมีเดีย เมื่อถามว่าอาจจะเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการเขย่ารัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่สนใจ ตนเอาความดีเข้าทำ และคิดว่าคนส่วนใหญ่ยังรักตนอยู่ ซึ่งเขารู้ว่าตนกำลังทำอะไร คนที่ไม่รู้ปล่อยมันไป เพื่อเป็นอาหารเต่าปลาข้างล่าง”
เมื่อถามว่า มองกันว่ารัฐบาลนี้เป็นทหารไม่ชำนาญการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจึงลองของ นายกฯ กล่าวว่า “ผมทำมากกว่าไอ้รัฐบาลบ้าพวกนั้นอีกจะบอกให้ ผมรู้มากกว่าที่เขารู้อีก ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ความยากง่ายคือการทำสุจริตมันยาก เพราะทุกคนมีความโลภ คำว่ามนุษย์เป็นอย่างนี้ หรือใครไม่อยากได้สตางค์ วันนี้ผมรับผิดชอบ คนบางคนรวยไม่เคยแบ่งไม่เคยบริจาค แต่พอเสียนิดหน่อยว่ารัฐบาลนี้ทำเดือดร้อน ต้องเดือนร้อนวันนี้เพื่อสร้างวันข้างหน้า ดีกว่าให้เดือดร้อนแบบเดิม แล้วพันกันไปเรื่อยๆ เมื่อสะสมไปมากๆก็ระเบิด แบบนั้นประเทศไทยอยู่ไม่ได้ วันนี้เบี้ยประชุมสลึงหนึ่งผมก็ไม่รับ ให้เด็กที่ไม่มีรายได้ไปกินข้าว”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีบรรทุกทหารขนเหล้าเถื่อนว่า “เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีใครสั่ง มันขับรถไปแล้วมันก็เกเรไปซื้อของมาจะไปขาย เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครเขาโง่เอารถทหารไปขน นายจะสั่งซื้อหรือ ใครจะกล้าสั่งซื้อ”
เมื่อถามว่า แต่ทหารเป็นระดับนายสิบ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่รู้จักซะแล้ว นายสิบมันต่างกันตรงไหน” เมื่อถามว่าเป็นรถทหารจริงใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ถ่ายรูปมาก็เห็นเป็นรถทหารจริง ก็เห็นหัวเขียวอยู่ จะบอกเป็นรถคนอื่นได้อย่างไร ทั้งนี้จะต้องมีการสอบสวนต่อไป”
เมื่อถามถึงกรณีการตรวจสอบการจัดซื้อรถหน่วยกู้ภัยของกระทรวงมหาดไทย พบว่ามีการทุจริตกว่า 3,000 ล้าน นายกฯ กล่าวว่า “ก็ไปฟ้องเอา ผมไม่ใช่คนตัดสิน”
เมื่อถามต่อว่า เพราะท่านเป็นประธานคณะกรรมการการตรวจสอบทุจริต นายกฯ กล่าวว่า “ยังไม่ได้ทำงานเลย เพราะเพิ่งตั้งคณะกรรมการเมื่อวานนี้ เรื่องนี้ต้องมีการร้องทุกกล่าวโทษ จะเที่ยวบอกอย่างนี้ไม่ได้ ต้องหาคนร้องทุกข์กล่าวโทษมาแล้วผมจะตรวจสอบ ไม่ใช่มาพูดกลางถนนแล้วว่าบอกว่าเรื่องใดถูกเรื่องใดผิดก็จะทะเลาะกันไม่เลิก หากมีหลักฐานชัดเจนก็ไปฟ้องได้เลย”
เมื่อถามว่าภายใต้กฎอัยการศึกจะดำเนินการกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า “ต้องดำเนินการสอบสวน และกฎอัยการศึก เราใช้เพียงข้อเดียวคือการเข้าจับกุมโดยไม่ต้องขอหมายศาลเพราะหากขอหมายศาล ผู้กระทำผิดก็อาจจะไม่อยู่ให้จับ เช่น บ่อนวิ่ง”
เมื่อถามว่าจะให้หน่วยงานอย่าง ป.ป.ช., ปปง.เข้าไปตรวจสอบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่รู้ ไปหาหลักฐานมา ไปยุ่งจังเลยกับไอ้เรื่องซังกะบ๊วย น่ารำคาญ”