กลายเป็นเทศกาล “บิ๊กตู่ซูเปอร์เซลล์” ส่งท้ายปีไปแล้ว กับปฏิบัติการคืนความสุขให้คนชาติ มอบ “แพ็กเก็จพิเศษ” ให้กันต่อเนื่อง ตามคำสัญญาลูกผู้ชายที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งทุกกระทรวงเอาไว้ให้เตรียมแคมเปญในรูปแบบที่ไม่ใช่การจ่ายเงิน
เหมือนกับแคมเปญที่ค่อยๆ ปล่อยออกมาทีละสต็อก แฝงอยู่ในลักษณะ “ลด แลก แจก แถม” ค่อยๆ เสิร์ฟมาเรียกน้ำย่อยให้ตื่นเต้น มีตั้งแต่พื้นๆ ไปจนถึงขนาดบิ๊กๆ ไม่ชิงเทกระจาดแบบรวดเดียวจบ หวังยึดพื้นที่สื่อ โปรโมตคอนเซปต์คืนความสุขให้คนในชาติ
หยิบเอาช่วงเดือนธันวาคมที่ความสุขมวลรวมของประชาชนกำลังพุ่งสูงปรี๊ด ทั้งในส่วนของเดือนมหามงคล 5 ธันวาคม ที่คนไทยอิ่มใจกันถ้วนทุกสารทิศ ทั้งในห้วงเวลาเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ ที่หลายออฟฟิศหลายบริษัทสนองพระเดชพระคุณพนักงานด้วยเงินโบนัสก้อนโต บรรดานักช้อปกำลังมันมือกับเงินในกระเป๋า ทั้งในโอกาสที่บรรดาครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้า
บิ๊กตู่” แต่งตั้งเป็นซานต้าครอสหอบถุงของขวัญมาให้กันอีกคำรบ เติมคำสุขให้ทะลัก!!
ตามคิวล่าสุดที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งอนุมัติปรับขึ้นค่าตอบแทนและเงินเดือนข้าราชการให้กันแบบฝนตกทั่วฟ้าไป กระทรวงการคลังลดภาษีเงินได้ให้กับนิติบุคคลของกรมสรรพากรให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี และอื่นๆ ที่พ่วงกันมาเป็นแพ็กเก็จ เรียกว่า ทุกสัปดาห์ก่อนวันสิ้นปี ต้องติดตามดูดีๆ ว่า ยังเหลือแคมเปญกระชากใจอะไรอีกบ้าง
แต่ที่แน่ๆ ต้องจับตากระทรวงพาณิชย์ที่ “บิ๊กนมชง” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ออกมาเผยว่า มีหลายแคมเปญที่เตรียมจะให้ปล่อยออกมา จึงต้องจับตาให้ดี เพราะกระทรวงอู่ข้าวอู่น้ำแห่งนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาปากท้องของประชาชนโดยตรง ยิ่ง “บิ๊กตู่” แพลมๆ เอาไว้ว่า เตรียมลดราคาสินค้าไม่รู้กี่ร้อยรายการ ดังนั้น จึงน่าจะมีการดีลกับบริษัทห้างร้านกันไว้แล้วพอสมควร เพียงแต่จะปล่อยออกมาช่วงไหนเท่านั้น ซึ่งเป็นไปได้ไม่น้อยที่จะปล่อยออกมาช่วงในวันเดียวกับการแถลงผลงานรัฐบาลและแจกของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
เรียกว่า เป็นโปรโมชั่นดังกล่าวยิงตรงขั้วหัวใจคนไทย โดยเฉพาะการ “ลด แลก แจม แถม” ที่ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนแอ็กชั่นเรื่องนี้เมื่อไหร่ แทบจะเป็นนางกวักเรียกนักช้อปให้วิ่งใส่กันเป็นกระแสติดปาก เพราะในความรู้สึกประชาชนนี่คือ สิ่งที่จับต้องได้ง่าย ใกล้ตัวมากๆ และเห็นผลชัดเจนโดยใช้ระยะเวลาไม่นาน
ดูกันตามลิสต์แล้วของขวัญปีใหม่จาก “ซานต้าตู่” เที่ยวนี้ถ้ามี 700 - 800 รายการเหมือนที่พูดเอาไว้ งานนี้ได้ทำลายสถิติรัฐบาลสถิติเป็นแน่ เพราะถือเป็นการแจกที่มโหฬารครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
แต่จับอาการ ว่ากันตามเงื่อนไขเทศกาล “บิ๊กตู่ซูเปอร์เซลล์” ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นยุทธศาสตร์เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ในช่วงเวลาที่เอื้ออำนวยกันมาพอดี โดยเฉพาะเรตติ้งรัฐบาลช่วงนี้ที่กราวรูดลงเรื่อยๆ บรรดาซือแป๋ - ขงเบ้งด้านเศรษฐกิจที่คาดหมายกันว่า จะมาปลดล็อกปัญหาปากท้องประชาชน ขณะนี้ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน แถมยังถูกตั้งข้อสงสัยถือฝีไม้ลายมือว่า “ของจริง” หรือ “ของปลอม”
เอาเฉพาะปัญหาเฉพาะหน้าที่เห็นๆ กันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างเรื่องราคายางพาราตกต่ำ จะว่าไปผลงานย่ำแย่กว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ค่อนแคะกันว่า ห่วยสุดๆ เสียอีก
ขณะที่คะแนนความนิยมตั้งแต่กลายพันธุ์จาก คสช.เป็นรัฐบาลเต็มขั้นแทบไม่กระเตื้องขึ้นเลย เหตุหนึ่งเพราะระยะเวลาการแก้ไขปัญหาสมัย คสช. อะไรมันก็ง่ายไปหมด ไม่ต้องมีกระบวนการขั้นตอนแค่ชี้นิ้วสั่งถือว่าจบ เหมือนกับการจ่ายเงินจำนำข้าว แต่พอมาเป็นรัฐบาล อะไรก็ต้องมาตามครรลองครองธรรม ซึ่งไม่ทันใจประชาชน
ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามโดยใช้วิธีการแก้ไขปัญหาระยะยาว จนลืมมาตรการระยะสั้น ซึ่งมีความจำเป็นไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะอย่างน้อยๆ ก็ช่วยเป็น “ไม้กันหมา”หรือ “ภูมิคุ้มกัน” ชั้นเลิศระหว่างที่อยู่กลางทาง แต่ยังไม่ถึงปลายทาง
รัฐบาลอาจคิดอีกแบบว่า ปัญหาหลายอย่างต้องใช้เวลา แต่สำหรับประชาชนแล้วสิ่งที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ชัดเจนและใช้เวลาไม่นาน ถึงจะเรียกว่า “ผลงาน”เหมือนกับที่ “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้กับทุกรัฐบาลนอมินีของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้นี่จึงเป็นจังหวะฉวยโอกาสที่ “บิ๊กตู่” ต้องรีบหยิบเทศกาลปีใหม่เข้ามาอัดแคมเปญอย่างหนัก เพื่อกระชากความเชื่อมั่นและความนิยมในตัวของรัฐบาลให้กลับมากระเตื้องขึ้นบ้าง เพราะเป็นโอกาสดีที่ไม่มีใครจะต่อว่า เพราะผลที่ได้นั้นประชาชนได้กันถ้วนหน้า ไม่ได้เลือกปฏิบัติ อีกทั้งยังอยู่ในช่วงเทศกาลมอบของขวัญที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องมอบให้ประชาชน
แม้แคมเปญเหล่านี้บางอย่างก็เป็นในลักษณะฉาบฉวย แต่ในทางกลับกันมันกลับโดนใจประชาชน!!!
ที่สำคัญถึงเป็นโครงการประชานิยม แต่ก็ไม่ต้องควักกระเป๋ากันเป็นพันล้านหมื่นล้าน แต่ควรจะมีบ้างเวลาที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศ และมวลรวมความสุขของประชาชนไม่ดีเท่าไหร่ เพื่อเป็นการแสดงความช่วยเหลือแบบเป็นเนื้อเป็นหนัง
และอีกจุดที่ต้องสังเกตให้ดีกับปรากฎการณ์ “บิ๊กตู่ซูเปอร์เซลล์” หนนี้คือ โครงการหรือนโยบายที่ “บิ๊กตู่” อัดเข้าไปตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนธันวาคม กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่อยู่ในระดับ “ชนชั้นกลาง” และ “รากหญ้า” ซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของ “นายใหญ่” ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเบี้ยคนพิการจาก 500 บาท เป็น800 บาท การลดภาษีให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรือแม้กระทั่งการเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งที่ผ่านมาถูกมองว่า มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นพวก “มะเขือเทศ”
ไม่เว้นแม้แต่สิ่งที่ไม่ใช่ของขวัญ แต่เป็นงบประมาณพัฒนาพื้นที่ที่มีหลายเรื่องที่ครม.อนุมัติให้กับกลุ่มจังหวัดภาคอีสาน แม้กระทั่งการลงพื้นที่ก็ยังขอปักหมุดที่แรกที่พื้นที่สีแดงเข้มอย่างจ.ขอนแก่น
ดังนั้น นอกจากการช่วยเหลือประชาชนแล้ว นี่ยังแฝงไปด้วยยุทธศาสตร์ตัดกำลัง ทลายฐานที่มั่นของกลุ่มอำนาจเก่าให้เจือจางอยู่กลายๆ เหมือนกัน
เป็นช่วงสำคัญที่ต้องหาแนวร่วมเยอะๆ ทั้งประคองตัวเอง ทั้งตัดกำลังฝ่ายตรงข้าม!!!