รับจ้าง-ว่าจ้างไล่ ความจริงที่ คสช.เริ่มลอยตัวไม่ได้ !!

ผ่าประเด็นร้อน

การออกมาให้ข้อมูลของ แม่ทัพภาคที่ 1 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) พล.ท.กัมนาท รุดดิษฐ์ ที่เพิ่งระบุว่า เบื้องหลังที่มีนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 4 - 5 คน ออกมาชูสามนิ้ว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการรัฐประหารระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระหว่างลงไปตรวจราชการเมื่อวันก่อน ว่า มีการว่าจ้างมาจากนักการเมืองในท้องถิ่นจำนวน 5 หมื่นบาท เพื่อหวังแย่งชิงพื้นที่สื่อ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่าจากการหาข่าวได้รับข้อมูลมาแบบนั้น

จากคำพูดดังกล่าวแน่นอนว่าต้องเป็นคำพูดที่ตั้งใจพูดไม่ใช่หลุดปากออกมาแบบไม่ตั้งใจ ขณะเดียวกัน มันสะท้อนให้เห็นว่าเวลานี้ได้เกิดขบวนการต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีอยู่จริง และได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นใช้กลุ่มนักศึกษาเคลื่อนไหวนำหน้ามาก่อน โดยใช้เงื่อนไขเผด็จการเป็นเหตุผลอ้างอิง

ดังนั้น หากการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาในสถานที่ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด เกิดขึ้นตามก็ล้วนมีความเชื่อมโยงกัน และต้องมาหาคำตอบเสียก่อนว่ากลุ่มการเมืองที่ว่านั้นเป็นกลุ่มไหนกันแน่ ซึ่งหากพิจารณาตามพื้นที่ในจังหวัดขอนแก่น ก็คงไม่ต้องไปค้นหาคำตอบให้ยุ่งยากก็ต้องสรุปได้ทันทีว่า เป็นกลุ่มการเมืองในสังกัดพรรคเพื่อไทย เป็นเครือข่ายคนเสื้อแดง ที่เป็นลิ่วล้อของ ระบอบทักษิณ ซึ่งก็หมายถึงคนของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ

ข้อมูลที่เกิดขึ้นถือว่า เป็นการเคลื่อนไหวต่อต้านที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว และเชื่อว่านับจากนี้ไปหากมีจังหวะ หรือมีเงื่อนไขที่เข้าทางก็จะดาหน้าออกมาอย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ที่น่าจับตาก็คือ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตามข้อมูลของแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ล้วนสวนทางกับความรู้สึกและเจตนาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นำกำลังเข้ามาควบคุมอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่อ้างว่า สาเหตุเป็นเพราะคนไทยขัดแย้งกันหรือทะเลาะกัน เข้ามาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง เข้ามาจัดการปัญหาเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งความหมายแบบนี้ก็หมายความว่า คสช. เป็นคนกลาง ลักษณะไม่ต่างจากการ “ลอยตัวเหนือความขัดแย้ง” เพราะเป็นคนเข้ามาห้ามทัพไม่ให้คนไทยสองฝ่ายฆ่ากัน ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง ซึ่งที่ผ่านมา ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ได้เน้นย้ำแบบนี้มาตลอด รวมไปถึงการเน้นย้ำห้ามไม่ให้พาดพิงถึงบุคคลที่สาม นั่นคือ ห้ามไม่ให้พูดถึง ระบอบทักษิณ วิจารณ์รัฐบาลเก่า ด้วยเหตุผลทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก

แต่ล่าสุดเมื่อมี “ข้อมูลใหม่” จากปากแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ที่ว่ามีกลุ่มการเมืองในท้องถิ่นจังหวัดขอนแก่นอยู่เบื้องหลังการต่อต้าน คสช. และรัฐบาล ความหมายก็เปลี่ยนไป ความจริงก็ย่อมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งในเรื่องการปรองดองที่พยายามดำเนินการมานานใช้ไม่ได้ผล และแน่นอนว่าเป็นการลากเอา คสช. ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง จะลอยตัวทำตัวเข้ามาเหมือน"กรรมการห้ามมวย"แบบเดิมอีกไม่ได้แล้ว

เพราะต่อไปนี้ที่ออกมาต่อต้านก็จะกลายเป็นพวกมวลชนเครือข่ายระบอบทักษิณ ส่วนอีกกลุ่มที่เคลื่อนไหวในนาม กปปส. ก่อนหน้านี้คงจะไปอีกทางหนึ่ง นั่นกลุ่มมวลชนที่นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ (พระสุเทพ ปภากโร) คงจะไม่เคลื่อนไหวตามคำขอร้องของ แกนนำที่ให้สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ได้ทำงาน และให้โอกาสในการปฏิรูปตามโรดแมปที่วางเอาไว้

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวอีกมุมหนึ่งที่ผ่านมามันก็พอจับสัญญาณออกมาให้สังเกตได้เห็นบ้างแล้ว โดยเฉพาะจากคำพูดของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีตัวแทนของระบอบทักษิณ ที่เพิ่งออกมาประกาศว่าเธอจะกลับมาอีกครั้ง นั่นคือ ประกาศเตรียมจะลงเลือกตั้งในปี 59 พร้อมทั้งกระแทกเข้าใส่ คสช. เข้าอย่างจังในโอกาสครบ 6 เดือนของการยึดอำนาจโดยเปรียบเปรยอย่างเจ็บแสบว่า “เธอถูกปืนจ่อหัว ถูกไล่ลงจากรถกลางทาง” จนเกิดการตอบโต้อย่างอย่างดุเดือดพร้อมทั้งข่มขู่กลับไปในทำนองว่าหากยังไม่หยุดอาจจะเจอห้ามออกนอกประเทศและอาจถึงขั้นถูกอายัดทรัพย์ก็ได้

ดังนั้น คำพูดและข้อมูลของ แม่ทัพภาคที่ 1 และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ มันเหมือนกับการเชื่อมโยงการตอบโต้กลับไปอย่างเป็นระบบ เป็นแบบคู่ขัดแย้งกันโดยตรง ไม่ใช่เป็นกรรมการห้ามมวยไม่ให้คนทะเลาะกันเหมือนเช่นในอดีตที่พยายามแสดงให้เห็น และพยายามอยากให้เป็น แต่ขณะเดียวกันนี่อาจเป็นเกมต่อรองที่กำลังเริ่มต้น เพราะหลายคดีกำลังเริ่มงวดเข้ามา เลี่ยงไม่ออก ก็ต้องจับตาว่าจะลงเอยกันแบบไหน แต่เอาเป็นว่าเวลานี้ คสช. จะลอยตัวแบบเดิมไม่ได้แล้ว !!