“ประยุทธ์” เข้มกลุ่มต้านให้ใช้ กม. เด็ดขาด สั่ง สปช. เปิดรับคอมเมนต์รอบด้าน หวังลดกระแสแอนตี้ อ้างเด้ง ตร. ขอนแก่น กระตุ้นมาตรการ รปภ. จ่องัด ม.44 ต่ออายุ อปท. ทั่วประเทศ “ประวิตร” โวยภาครัฐผลาญงบแก้ไฟใต้ ยกรายงาน กอ.รมน. ไม่ตรงจุด “บิ๊กตู่” ฮึ่ม 3 เดือนงานไม่คืบ ผู้ว่าฯ - นอภ. ซวยแน่ สั่งยกเลิกแผนน้ำในรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” เห็นชอบเอ็มโอยูรถไฟไทย - จีน แย้มมีของขวัญปีใหม่เซอร์ไพรส์ประชาชน
วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเปิดเผยว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวกับที่ประชุม ว่า หลังการประชุมร่วมกันของคณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือแม่น้ำ 5 สาย เพื่อติดตามความคืบหน้าของโรดแมปปฏิรูปประเทศ พบว่ายังมีขบวนการบางส่วนพยายามกวนน้ำให้ขุ่น ฉะนั้น คสช. จะต้องดูแลให้แนบเนียน กล่าวคือหากเห็นเป็นเรื่องเล็กต้องจัดการอย่าขยายให้เป็นเรื่องใหญ่ และหากเรื่องไหนมีแนวโน้มขยายใหญ่ให้ใช้มาตรการทางกฎหมายจากเบาไปหาหนัก ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศด้วย สำหรับการให้สัมภาษณ์ของคู่ขัดแย้งทางการเมืองนั้น ถ้าหากพูดแล้วทำให้บางกลุ่มบางฝ่ายเคลื่อนไหว หรือทำให้มีความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่พูดจะต้องรับผิดชอบด้วย
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุให้ สปช. รับข้อสังเกต และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อความหลากหลาย แต่ที่สำคัญคือต้องมีกรอบแนวทางที่ชัดเจน เหมือนเช่นประเทศอื่นที่แก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้สำเร็จ ทั้งนี้ เรื่องใดที่ สปช. รับมาแล้วเห็นว่า รัฐบาลสามารถปฏิบัติได้ทันที ก็ขอให้ส่งเรื่องมาเลย จะได้ดำเนินการตามแนวทางทำจริง ทำทันที นอกจากนี้ นายกฯยังพูดถึงการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มนักศึกษา ถ้านำไปสู่การปฏิรูปได้ก็ขอให้ทำเป็นเอกสารมา แต่ทั้งนี้ ต้องแยกแยะระหว่างการแสดงความเห็นกับการต่อต้าน เพราะไม่อยากให้มีการต่อต้านในช่วงการดำเนินโรดแมปปฏิรูปประเทศ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า สำหรับการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ กาฬสินธุ์ นั้น นายกฯระบุว่าภาพรวมการทำงานทุกภาคส่วนใช้ได้ แม้จะมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บ้างแต่ก็พอรับได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้เข้าใจถึงการปรับย้ายตำรวจสืบเนื่องจากกรณีดังกล่าว บางคนมองว่าเป็นการทำลายขวัญกำลังใจหรือไม่ แต่อยากให้มองแง่ดีว่ามันจะเป็นการกระตุ้นการทำงานให้ตื่นตัวมากขึ้น ทำให้มาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้นขึ้น ต่างประเทศมีความมั่นใจในการเดินทางมาประชุม นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่กำลังจะหมดวาระลงกว่า 1 พันตำแหน่ง โดยนายกฯพร้อมที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ให้ผู้ที่หมดวาระรักษาการในตำแหน่งเดิมต่อไป
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้มีข้อห่วงใยเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซี่งมีงบประมาณลงไปแก้ไขปัญหาถึง 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ปรากฏว่ากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) รายงานว่า รายการตรวจสอบความต้องการของประชาชน และปัญหาต่างๆ มีหลายเล่มมาก แต่กระทรวง ทบวง กรม ที่เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องนี้ ทำให้งบประมาณที่ลงไปส่วนใหญ่จึงแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ไม่ได้คำนึงถึงมิติของความมั่นคง และความต้องการของคนในพื้นที่ ดังนั้น ทุกส่วนราชการต้องให้ความสำคัญไปหยิบเอกสารรายงานของ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า มาศึกษา ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการเพิ่มเติมว่าอยากให้มีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ซึ่งประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) อำเภอ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทาง จะต้องมีการบูรณาการกันอย่างชัดเจน
“นโยบายดี การขับเคลื่อนของรัฐมนตรีก็แจ๋ว แต่ทำไมการบูรณาการของท้องถิ่นถึงติดขัดตลอดเวลา ดังนั้น 3 เดือนจากนี้ไป ถ้าสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร ได้พูดไปยังไม่มีการปรับแก้ไข ผู้ว่าฯ นายอำเภอ จะต้องมีปัญหากัน” พล.ต.สรรเสริญอ้างคำพูดของนายกฯ
พล.ต.สรรเสริญ เปิดเผยถึงมติ ครม. ด้วยว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอ สนช. ต่อไป สาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้มีกองทุนยุติธรรม เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงความยุติธรรม การประกันตัวบุคคล การช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน 2. กำหนดให้กองทุนประกอบด้วยเงินหรือทรัพย์สิน เงินทุนประเดิมที่รัฐจัดสรรให้ เงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาลหรือเงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินสมทบประเภทค่าธรรมเนียมศาลที่ได้รับการจัดสรรประจำปี เงินสมทบประเภทเงินและทรัพย์สินที่ได้จากการบังคับหลักประกันตัวผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาที่หลบหนีการปล่อยชั่วคราวที่ได้รับการจัดสรรประจำปี เงินสมทบประเภทค่าปรับในคดีอาญาที่ได้รับการจัดสรร เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการรับช่วงสิทธิเพื่อไล่เบี้ยกับผู้กระทำความผิดอาญาหรือผู้ก่อให้เกิดความเสียหายที่แท้จริง เป็นต้น
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงอุตสาหกรรมยกเว้นค่าธรรมเนียมตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา รวม 5 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 58 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 62 พร้อมกันนี้ ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา พ.ศ. .... และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมทุกประเภทที่เรียกเก็บตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ได้แก่ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตหรือใบอนุญาตขยายโรงงาน ใบแทนใบอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตที่เรียกเก็บในวันที่ออกใบอนุญาตหรือใบอนุญาตขยายโรงงาน ใบแทนในอนุญาต หรือยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต แล้วแต่กรณี และค่าธรรมเนียมรายปีที่เรียกเก็บตามกำหนดเวลาที่ต้องชำระในระหว่างปี 58 ถึงปี 62 แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยอนุมัติให้ปรับเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมโคเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท จากเดิมราคา 18 บาท/กก. เพิ่มขึ้นเป็น 19 บาท/กก. ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ผู้ประกอบการนมพาณิชย์ปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมในตลาดนมพาณิชย์ได้ นอกจากนี้ อนุมัติปรับราคากลางนมโรงเรียน เพิ่มขึ้นจากราคากลางเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 54 เพิ่มขึ้นถุงหรือกล่องละ 0.21 บาท ให้มีผลตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 เป็นต้นไป โดยนมพาสเจอร์ไรซ์ จากราคาเดิม 6.37 บาท/ถุง เป็น 6.58 บาท/ถุง และ นมยูเอชที ชนิดกล่อง จากราคาเดิม 7.61 บาท/กล่อง เป็น 7.82 บาท/กล่อง ส่วนชนิดซอง จากราคาเดิม 7.51 บาท/ซอง เป็น 7.72 บาท/ซอง
รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า จากกรณีที่คณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ในรัฐบาลชุดที่แล้วได้ยกเลิกไป ซึ่งมีคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ซึ่งในที่ประชุมกรมชลประทานได้เสนอแผนโครงการบริหารจัดการน้ำมาเสนอต่อที่ประชุมใหม่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นว่ายังจัดกลุ่มไม่ชัดเจน และในแผนงานที่เสนอมานั้นยังแตกรายละเอียดแยกย่อยทำให้ไม่เข้าใจ จึงให้กรมชลประทานกลับไปทำรายละเอียดเป็นกลุ่มใหม่อีกครั้ง และตั้งเป้าว่าอย่างน้อยจะต้องเห็นการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมบางส่วนในปี 2558
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนงบประมาณโครงการก็จะไม่ใช่ 3.5 แสนล้านบาท ตามที่เคยกำหนดไว้ในรัฐบาลที่แล้ว แต่ในโครงการใหม่ยังไม่ระบุว่าใช้งบประมาณเท่าไหร่ เนื่องจากแผนโครงการยังจัดกลุ่มไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ส่วนแผนบริหารจัดการน้ำที่เป็นโมดูลต่างๆ ของรัฐบาลที่แล้ว เป็นเพียงการตรวจสอบ และยังไม่มีการลงนามในการก่อสร้าง หรือการประมูล ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในรัฐบาลชุดที่แล้วต้องยุติบทบาท สิ่งที่เป็นของเก่าก็จะต้องยกเลิกไปโดยปริยาย
ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ไทย - จีน ในการสร้างรถไฟรางคู่ขนาดมาตรฐาน เส้นทางหนองคาย - โคราช - แก่งคอย - ท่าเรือมาบตาพุด ความยาว 734 กิโลเมตร และเส้นทางแก่งคอย - กรุงเทพฯ 133 กิโลเมตร โดยเป็นความร่วมมือในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
ทั้งนี้ ครม. ให้ความเห็นชอบตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนดำเนินการ โดยฝ่ายไทย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เป็นผู้ประสานงาน ส่วนอีกฝ่ายมีประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของสาธารณะรัฐประชาชนจีน เป็นผู้ประสาน โดยคณะทำงานที่เกี่ยวข้องจะดำเเนินการเจรจารายละเอียดข่อมูลต่างๆ อาทิ การสำรวจ ออกแบบ แนวทางการร่วมมือการสร้าง และเรื่องของระบบเป็นต้น โดยใช้กฎระเบียบของคู่สัญญาเข้ามาเดำเนินการพิจารณา อย่างไรก็ตามร่างเอ็มโอยูฉบับนี้ จะต้องเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสปี 2558 จะเป็นปีครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ไทย - จีน ทางรัฐบาลจีนได้แสดงความยินดีที่จะซื้อสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพาราจากไทย โดยที่ประชุม ครม. ได้ให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อข้าว และยางพาราจากไทย โดยมมอบหมายกระทรวงพาณิชย์ให้ติดตามเรื่องนี้
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ 1. อนุมัติในหลักการให้เพิ่มอัตราเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการ จากเดิมรายละ 500 บาท เป็นรายละ 800 บาทต่อเดือน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 เป็นต้นไป 2. อนุมัติการถอนถ้อยแถลงตีความข้อ 18 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ 3. อนุมัติในหลักการอัตรากำลังข้าราชการประจำศูนย์บริการคนพิการระดับจังหวัด ทั่วประเทศ ศูนย์ละ 2 อัตรา 4. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการปรับปรุงข้อกำหนดขอบเขตงานในการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน โดยให้รถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) จำนวน 1,659 คัน เป็นแบบรถไร้บันได (รถชานต่ำ) เพื่อให้เป็นไปตามหลักการมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ ครม. มีมติอนุมัติในหลักการงบลงทุนโครงการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล และให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,480.000 ล้านบาท ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเสนอ ประกอบด้วยงบลงทุน จำนวน 2 โครงการ คื่อ 1. โครงการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล วงเงิน 752,000 ล้านบาท 2. โครงการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ วงเงิน 728 ล้านบาท