รายงานการเมือง
ตั้งแต่เดินเข้าสู่โรดแมประยะที่ 2 กระแส “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นแบบหดหู่มากกว่าครื้นเครง ไม่เหมือนตอนโรดแมประยะที่ 1 ทำอะไรก็ดีไปหมด ไม่มีที่ติที่เตียน นั่นเป็นเพราะชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร การบริหารประเทศไม่ได้ง่ายเหมือนผายลม
ป่านนี้คงเข้าใจหัวอกอดีตนายกรัฐมนตรีแต่ละคนแล้วว่าไม่ใช่ชิงช้าสวรรค์จะมานั่งเอาสนุกแล้วก็ไป เพราะสภาพปัญหาในประเทศมันครอบจักรวาล ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองอย่างเดียวเสียเมื่อไหร่
ดูสารรูปในโรดแมประยะที่ 2 เป็นไปอย่างเชื่องช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน แม่น้ำ 5 สาย ที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พรรณนาเอาไว้ดุจเทพนิยาย ขับเคลื่อนงานกันออกอ่าวออกทะเล ไม่มีอะไรเป็นกิจจะลักษณะให้ประชาชนแตะต้องได้ว่า
ความแตกต่างระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับรัฐบาลทหารมันคืออะไร
นอกจากความเผด็จการและอำนาจที่มากมายมหาศาลที่ระบอบประชาธิปไตยปกติไม่มี โดยเฉพาะประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องชาวบ้านที่นิ่งสนิท ทุกวันนี้ประชาชนยังกัดก้อนเกลือกินด่างกันอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
ทำงานกันแบบคนนินทาหมาดูถูก ไร้รูปธรรม มีแต่ความเพ้อฝัน คำพูดสละสลวย ที่ฟังจนเคลิ้มในช่วงแรก แต่ทุกวันนี้สะอิดสะเอียนเพราะยังไม่มีอะไรให้เห็นว่าสิ่งที่บอกออกมา ที่ฮึ่ม ที่ตีปี๊บ มันจะขยับเขยื้อนเป็นมรรคเป็นผลออกมาให้คนได้สูดดมชื่นใจว่าสามารถคาดหวังอะไรกับรัฐบาลทหารที่มีอำนาจจะสามารถเสกอะไรก็ได้แบบไม่มีมารผจญมาขวางเฉกเช่นในสภาวะปกติ
จนทุกวันนี้ไม่รู้ว่าจะทำนู่นทำนี่อย่างสวยหรูในตอนแรกๆ ตกลงมันเป็นการรำมวยก่อนจะขึ้นชก หรือตกลงเป็นเพียงพวกชอบจินตนาการ แต่เอาจริงทำไม่เป็น ถนัดแต่ขายฝัน วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอย่างเดียว แต่พอลงมือทำเองก็ใบ้รับประทาน เป็นพวกทฤษฎีเต็มร้อย ปฏิบัติเหลือแค่สิบ เพราะผ่านมาเนิ่นนานจนรากจะงอกยังเห็นไอเดียกระฉูดวางกองจนปลวกจะแทะ หนอนจะขึ้นอยู่แล้ว
ขณะที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ชาวบ้านเขายกมือท่วมหัวในตอนแรกว่าเป็นความหวังเดียวที่จะสามารถยกเครื่องประเทศให้ไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นได้ ทุกวันนี้ก็ทำตัวเป็นพวกเทคโนแครตไม่เลิก ไม่รู้จะมีพิธีรีตองกันหนักหนา บ้าพิธีการ บ้าขั้นตอนแบบคนหัวโบราณ ตั้งคณะกรรมการนู่นคณะกรรมการนี่จนยั้วเยี้ยะทั่วบ้านทั่วเมืองไปหมดทำไม ทั้งที่จริงๆ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำ สปช. แค่ 11 ชุดตามกรอบการปฏิรูปก็พอ จะเสกมาทำพระแสงอะไรถึง 18 ชุด หรือเป็นเพราะเก้าอี้มันไม่พอรองรับปริมาณเพื่อนฝูงหรืออย่างไร
ชักทำตัวเหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่บ้าตั้งคณะกรรมการนู่นคณะกรรมการนี่ แถมมีชื่อยาวเหยียดไปหมด จนตัวเองยังจำชื่อคณะกรรมการที่ตัวเองตั้งมาไม่ได้ ชื่อย่ออะไรต่างๆ นานาเรียกกันไม่ถูก ประชาชนเห็นแล้วปวดหัว เพราะตั้งมาเพื่อจ้องจะขายผ้าเอาหน้ารอดอย่างเดียว หนำซ้ำ ยังทำงานเละเทะ นั่งรับประทานเบี้ยประชุมกันไปวันๆ ผลงานไม่มี ผลเสียนับไม่ถ้วน
คนที่คุม สปช. ตัวจริงอย่าง “บิ๊กตู่” ต้องหยิบไม้เรียวมาหวดก้นกันบ้าง ต้องเรียกมาปรับทัศนคติเรื่องการทำงานกันใหม่ เพราะเริ่มต้นยังสะเปะสะปะขนาดนี้ เล่นรำมวยกันอย่างเดียว ยึดติดระบบราชการไม่ได้ชายตาดูระยะเวลาที่จำกัดกันเลย ทั้งที่งานปฏิรูปถือเป็นหัวใจเร่งด่วนที่ต้องใส่เกียร์เร็วแรงเนรมิตสิ่งที่ประชาชนต้องการมาให้ได้มากที่สุด
ชั่วโมงนี้ต้องการความเร็วเป็นตัวตั้ง กะทัดรัด มีแค่คณะกรรมาธิการวิสามัญ สปช. 11 คณะ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเกินพอแล้ว มาตั้งเยอะแยะก็มัวแต่รอคนนั้นคนนี้ไม่เป็นอันทำอะไร รอกันไปรอกันมา แล้วก็นั่งวิจารณ์กันไปกันมาหมดวันพอดี
เรื่องพวกนี้โตกันจนหมาเลียตูดไม่ถึง ผมมีสองสี หรือบางคนก็ร่วงหล่นไปเยอะ จิตสำนึกยังไม่รู้อีกหรือไม่ว่า อะไรควรทำก่อนทำหลัง อะไรจำเป็นไม่จำเป็น ถ้าคิดเองก็ไม่ได้ก็ควรจะถอดสูทเดินออกนอกสภาไปเถอะ เสียเวลา เปลืองค่าตอบแทน มามัวเทอะทะจะมาเป็นภาระให้คนที่เขารับผิดชอบชะตากรรมหากงานใหญ่มันล้มเหลว แล้วประเภทโลกสวย รวยไอเดีย ดีแต่เพ้อ หาผลงานไม่เจอสักชิ้น ต้องหุบปากสงบคำได้แล้ว เพราะพูดไปแล้วทำไม่ได้ มันเสียคนตอนแก่ให้อับอายเด็กมัน
ส่วนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็อาการหนักไม่เบา ใครติติงไม่ค่อยจะฟัง ทำตัวเป็นนักล่าอาณานิคม อาฆาตมาดร้าย จะไล่ล่าไล่ล้างบางกันไม่เลิก วันๆ มีแต่ความเคียดแค้นในจิตใจ ลืมตัวว่าตัวเองไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง กลับมาทำตัวมีอำนาจบาตรใหญ่ ทั้งที่ความเป็นจริงหน้าที่หลักคือ การตรากฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทุกวันนี้ออกไปได้กี่ฉบับ ลองนับกันหรือไม่ แตกต่างจากรัฐสภาปกติอย่างไร หรือมันน้อยกว่าเดิม
ที่ผ่านมา มัวแต่หมกมุ่นกันอยู่แต่เรื่องถอดถอน งานการอื่นละมือทิ้งไว้หมด แล้วไอ้ที่สถานการณ์ทุกวันนี้มันรุมๆ ร้อนๆ มาก่อนหน้านี้ ก็มาจากเรื่องนี้ด้วยส่วนหนึ่ง ทำอะไรกันไม่เนียน แถมยังมาทำการใหญ่เสีย ภาพรวมมันเสียหายป่นปี้กันเละเทะ
แม้จะออกมาเถียงกันหัวชนฝาประเภทร้อนท้องว่าไม่ใช่ แต่หลักฐานก็มีประจานกันให้เห็นว่าเป็นจริงกันทุกกระเบียดนิ้ว สะท้อนได้จากการที่ “บิ๊กตู่” เรียกประชุมแม่น้ำ 5 สายแบบไม่มีขลุ่ยไม่มีปี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะเห็นแล้วว่าขืนปล่อยให้เต้นระบำรำมวยกันแบบนี้ แผนปฏิรูปประเทศพังแน่ เลยต้องเรียกมาสะกิดกันหน่อยว่าอย่าโลกสวย พ่นครอบจักรวาล อะไรที่ทำได้ต้องทำก่อน กำชับเลยว่า 1 ปีต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม
ขณะที่ “บิ๊กตู่” เองก็ควรตั้งหน้าตั้งตาปฏิรูปไปซะให้จบๆ พื้นที่เอาไว้ก่อน ไม่ต้องไปลงลองของให้เสียเวลา เพราะอย่างไรก็เจอต้านอยู่ดี การจะทำให้คนเปลี่ยนใจมารักนั้นลำบาก ต้องใช้เวลานาน เลิกมโนเสียทีว่าทำให้ซาบซึ้งกินใจแล้วจะปันใจมารัก อีกอย่างไม่ได้ตั้งใจจะเล่นการเมืองอยู่แล้วไม่ใช่หรือ จะมาลงหาเสียงทำไม เอาเวลาไปแก้ไขปัญหาและปฏิรูปประเทศดีกว่า
เวลายิ่งมีน้อย เอาปฏิรูปที่ตั้งใจจะทำดีกว่า!!!