xs
xsm
sm
md
lg

“วิษณุ” อ้าง ป.ป.ช.ไฟเขียวระบายข้าว - จี้จ่ายเงินชาวนา - รับหลักการร่าง พ.ร.บ.คุมม็อบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
รองนายกฯ ยัน ป.ป.ช. ไฟเขียวระบายข้าวในสต๊อกได้ เหตุไม่ถือเป็นของกลาง “บิ๊กตู่” จี้จ่ายเงินชาวนาให้ครบภายในปีนี้ รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ชุมนุม เงื่อนไขเพียบสถานที่ห้ามจัดม็อบ ห้ามปราศรัย 4 ทุ่มถึง 6 โมงเช้า ห้ามเคลื่อนม็อบกลางคืน พร้อมเห็นชอบร่าง กม. เวนคืนที่สร้างทางรถไฟหลายฉบับ แต่งตั้ง “จักรกฤษณ์” อธิบดีกรมอาเซียน “ณัฏฐวุฒิ” ทูตประจำเขมร ดึง “พิริยะ” กลับจากจอร์แดนเป็นรองปลัด ศธ. ตั้ง 6 ผู้ตรวจกระทรวง พร้อมต่ออายุ “วิบูลย์ทัต” ผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ

วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงาน เรื่องการระบายข้าวที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครรัฐ (คตร.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ด้วย ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า รัฐบาลสามารถขายข้าวและยางพาราที่อยู่ในสต็อกได้ เพราะได้หารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา และ ป.ป.ช. แล้ว พบว่า ป.ป.ช.จะให้ความสำคัญกับปริมาณข้าว แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพ ดังนั้น ข้าวที่อยู่ในสต็อกจึงไม่ถือว่าเป็นของกลาง หากรัฐบาลจะเร่งระบายข้าวในสต็อกออกไป ก็สามารถดำเนินการไปตามนโยบายที่กำหนดไว้ได้ เพราะถือเป็นสินค้าที่เสื่อมสภาพได้ง่าย

“เมื่อใดก็ตามที่ ป.ป.ช. ขอให้ยุติการระบายในล็อตนั้น เพื่อจะตรวจสอบเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเป็นล็อตๆ ไป แต่การระบายข้าว ออกไปก็ขอให้ยึดหลักความสุจริต โปร่งใส อย่าให้มีการสมยอม หรือการฮั้วราคา และไม่ต้องห่วงว่าใครที่ดำเนินการตามคำแนะนำของ ป.ป.ช. ไปแล้วจะถูกดำเนินคดีในภายหลัง” รองโฆษกรัฐบาล ระบุ

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีของยางพารานั้น จากความกังวลว่าเมื่อองค์การสวนยาง (อสย.) ได้รับเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วจะสามารถระบายยางในสต๊อกได้หรือไม่นั้น ป.ป.ช. ยืนยันว่า อสย. มีอำนาจขายยางพารา หากมีงบประมาณเพียงพอ เมื่อ ธ.ก.ส. จ่ายเงินให้เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำยางในสต็อกออกไปขายได้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีสำนวนเรื่องการตรวจสอบยางพาราอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. แต่อย่างใด

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้เน้นย้ำถึงการจ่ายเงินค่าข้าวไร่ละ 1,000 บาทให้แก่ชาวนาในช่วงนี้ โดยยอมรับว่าอาจจะทำได้ล่าช้าไปบ้าง เนื่องจากต้องตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน แต่เมื่อการตรวจสอบข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วคาดว่าภายในเดือน ธ.ค. นี้จะสามารถจ่ายเงินได้ครบ หรืออย่างน้อยก็จะจ่ายได้มากกว่า 90% ส่วนกรณีการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ชาวสวนยาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบบัญชีรายชื่อนั้น ชื่อว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือได้ทันภายในเดือน พ.ย. นี้อย่างแน่นอน พร้อมย้ำว่าส่วนไหนที่มีความพร้อมก่อนก็สามารถจ่ายได้ก่อนทันที เพื่อให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจบังเกิดผล และมีเม็ดเงินถึงมือเกษตรกรได้โดยเร็ว

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุมในที่สาธารณะ พ.ศ. ... ที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นผู้เสนอ โดยเนื้อหา มีการกำหนดหน้าที่ของผู้จัดการ และผู้ชุมนุมไว้อย่างชัดเจน รวมถึงสถานที่ต้องห้ามในการชุมนุม นอกจากนี้ยังกำหนดการคุ้มครองความสะดวกของประชาชน และการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เป็นการส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการใช้สิทธิในการชุมนุม ที่สงบปราศจากอาวุธ สอดคล้องกับหลักการ สิทธิทางการเมือง และพลเมือง ตามระบอบประชาธิปไตย เพราะเนื่องจากปัจจุบัน กฎหมายเฉพาะในเรื่องดังกล่าวนั้นยังไม่มี ต้องใช้การเทียบเคียงกับกฎหมายอื่น อาทิ กฎหมายจราจร กฎหมายควบคุมเครื่องขยายเสียง และกฎหมายการรักษาความสะอาด ส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวที่ทาง สตช. เสนอนั้น ครม. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการ จากนั้นจะนำส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาตรวจสอบต่อไป

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวที่เสนอต่อ ครม. ได้กำหนดสถานที่ต้องห้ามในการชุมนุมไว้ ได้แก่ ทำเนียบรัฐบาล สถานที่ส่วนราชการ ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ และสถานีขนส่งสาธารณะ ห้ามไม่ให้กระทำการปราศรัยและกิจกรรมในระหว่างช่วงเวลา 22.00 - 06.00 น. รวมถึงการเคลื่อนย้ายในเวลากลางคืน สำหรับผู้ชุมนุมจะต้องแจ้งวัน เวลา ต่อหัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ ก่อนเริ่มการชุมนุม ไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง และบทกำหนดโทษ เมื่อผู้จัดการชุมนุมไม่ได้แจ้งวันเวลาล่วงหน้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดทั้งหมดหรือพกอาวุธ และวัตถุระเบิดเข้าไปในที่ชุมนุม จำคุกไม่เกิน 2 - 20 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 - 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในขณะเดียวกันถ้าผู้ชุมนุม ไม่ออกจากพื้นที่ตามประกาศกำหนดของเจ้าหน้าที่ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตามข้อห่วงใยของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถึงร่างกฎหมายต่างๆ ที่แต่ละกระทรวงนำเสนอให้ ครม. พิจารณาเพื่อเข้าสู่ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยขอให้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปประสานงานกับ สนช. เพื่อเร่งรัดและจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของกฎหมายที่ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามที่ได้เคยสัญญาไว้กับประชาชน ส่วนกฎหมายเก่าๆ ที่ยังค้างอยู่อีกจำนวนมากนั้น ก็ให้ไปจัดลำดับความสำคัญเป็นลำดับถัดมา

ด้าน น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอและให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับประเด็นที่มีการแก้ไข ประกอบด้วย คุณสมบัติของผู้ร้องขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อย, ระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติ, เพิ่มเติมหน้าที่ดูแลให้ความช่วยเหลือชาวไร่อ้อย, ยกเลิกการรายงานจำนวนพื้นที่ปลูกอ้อยและปริมาณอ้อย และระยะเวลาในการรายงานปริมาณอ้อย เป็นต้น

นพ.ยงยุทธ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี 2556/2557 ของคณะกรรมการกำกับการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อย ในฤดูการผลิตปี 2556/2557 ประจำเดือน ก.ย. 57 ดังนี้ มีชาวไร่อ้อยที่เป็นคู่สัญญาและมีสิทธิ์ในการได้รับเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น 160 บาทต่อตัน จำนวน 146,491 ราย ปริมาณอ้อยเข้าหีบ (ณ วันปิดหีบ) จำนวน 103,665,750.460 ตัน รวมเป็นเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น จำนวน 16,586,520,073.60 บาท กองทุนทุนอ้อยและน้ำตาลทรายได้แจ้งให้ ธ.ก.ส. โอนเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2556/2557 อัตรา 160 บาทต่อตัน เข้าบัญชีชาวไร่อ้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.57 จนถึงขณะนี้โอนเงินแล้ว จำนวน 10 งวด จำนวนเงินทั้งสิ้น 16,519,676,791.04 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 99.60 ของวงเงินที่ต้องจ่ายทั้งหมด

นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ปริมาณอ้อยส่วนที่เหลือจำนวน 417,770.516 ตัน คิดเป็นเงินช่วยเหลือจำนวน 66,843,282.56 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยได้ชะลอการจ่ายเงิยช่วยเหลือชาวไร่อ้อย จำนวน 1,928 ราย ปริมาณอ้อย 351,657.170 ตัน จำนวนเงิน 56,265,147.20 บาท เนื่องจากยังไม่ได้จดทะเบียนชาวไร่อ้อย และอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของคณะทำงานควบคุมการผลิตประจำโรงงานปริมาณอ้อย 66,113.346 ตัน จำนวนเงิน 10,578,135.36 บาท

นพ.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน ความร่วมมือระหว่างคู่ภาคีจะดำเนินการโดยสอดคล้องกับกฎหมายของรัฐคู่ภาคี และจะครอบคลุมขอบเขตต่างๆ ได้แก่ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือก เป็นต้น โดยคู่ภาคีจะดำเนินความร่วมมือในด้านการสำรวจไฮโดรคาร์บอน การพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับพลังงาน การก่อสร้างและการใช้โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่งการเก็บ และการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ การผลิต การขนส่ง และการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเหลว การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ และจากความร้อนใต้พิภพ การปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน ความร่วมมือด้านอื่น ๆ ตามที่คู่ภาคีจะตกลงกัน การประสานความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้ คู่ภาคีจะจัดตั้งคณะทำงานร่วมซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของคู่ภาคี และของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คณะทำงานจะกำหนดโครงการต่างๆ สำหรับการดำเนินงานร่วมกัน จัดทำโครงการความร่วมมือและการทำงานร่วมกันระยะยาวที่ครอบคลุม ตามทิศทางของกิจกรรม และกำหนดมาตรการสำหรับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่จำเป็นเพื่อให้โครงการสามารถประสบความสำเร็จได้ วาระ เวลา และสถานที่ สำหรับการประชุมคณะทำงานจะจัดขึ้นตามที่คู่ภาคีจะตกลงกัน การประชุมของคณะทำงานจะจัดขึ้นที่สหพันธรัฐรัสเซียและประเทศไทยสลับกัน โดยคาดว่าจะจัดการประชุมปีละครั้ง

“บันทึกความเข้าใจนี้จะมีผลนับแต่วันลงนามและมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 3 ปี และจะต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลาเดียวกัน เว้นแต่ว่าภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแจ้งให้ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบถึงความตั้งใจที่จะไม่ขอต่ออายุบันทึกความเข้าใจนี้ ซึ่งการสิ้นสุดการใช้บันทึกความเข้าใจนี้จะไม่มีผลต่อกิจกรรมและโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่เกิดขึ้น หรือที่กำลังดำเนินการอยู่ตามบันทึกความเข้าใจนี้ จนกว่ากิจกรรมและโครงการนั้น ๆ จะเสร็จสิ้น หรือแล้วแต่ที่คู่ภาคีจะตกลงกันเป็นอย่างอื่น” นพ.ยงยุทธ ระบุ

นพ.ยงยุทธ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายเหนือ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ จำนวน 4 ฉบับ เพื่อสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ พร้อมทั้งอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น รวม 4 ฉบับ เพื่อสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น และร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ รวม 15 ฉบับ

นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในตำบลจันทึก จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างทาง สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟและทางรถไฟทางคู่ อีกทั้งได้อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงนครปฐม - หัวหิน รวม 19 ฉบับ และร่าง พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร รวม 8 ฉบับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการตามที่กระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 9 ราย ได้แก่

นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง เป็น อธิบดีกรมอาเซียน นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวง เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ รองปลัดกระทรวง เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน นายพิริยะ เข็มพล เอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน เป็นรองปลัดกระทรวง นายอภิชาติ เพ็ชรรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน

นายเจษฎา ชวาลภาคย์ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง เป็น เอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรสต์ สาธารณรัฐอาร์เจนตินา นายอิศร ปกมนตรี เอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ สาธารณรัฐเซเนกัล เป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ เอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นรองปลัดกระทรวง และ ร.ท.จอมพละ เจริญยิ่ง อัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 7 ราย ดังนี้ นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ รองเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายสุรพงษ์ จำจด รองเลขาธิการ กศน.เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายเกษม สดงาม รองเลขาธิการ ก.ค.ศ.เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายสุภัทร จำปาทอง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นางทิพย์สุดา สุเมธเสนีย์ ผู้ช่วยเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง และนายชาญเวช บุญประเดิม ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เป็นรองเลขาธิการ สอศ.มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

ที่ประชุม ครม. ยังได้เห็นชอบให้ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 53 จะครบกำหนด 4 ปี ในวันที่ 18 พ.ย. 57 ต่อไปอีกเป็นครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 57 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 58 ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ

รวมทั้งยังมีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2 ตำแหน่ง ได้แก่ นายเทียม อังสาชน ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข และ นายยงยศ ธรรมวุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุข


กำลังโหลดความคิดเห็น