นายกฯ เผยประชุมร่วม 4 ฝ่าย ทำความเข้าใจเดินตามโรดแมป ยันไม่ยุ่งยกร่างรัฐธรรมนูญ ยันไม่หย่อนคำสั่ง คสช. เปิดทางพรรคการเมืองประชุม อ้างเป็นกฎหมาย ชี้พรรคไหนอยากประชุมขออนุญาตมา จะจัดสถานที่ พร้อมส่งทหารร่วมฟัง ยัน “หม่อมอุ๋ย - สมคิด” กินเส้นไม่เกาเหลา ให้กรองเนื้อหาด้านเศรษฐกิจ ระบุฟังทุกฝ่ายตัดสินใจเอง
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 18 พ.ย. ว่า ไม่มีอะไร เพียงแต่ยังไม่เคยคุยกันเลย เป็นการเรียกมาทำความเข้าใจถึงการตีกรอบโรดแมปที่ดำเนินการมามีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะวันนี้ต้องทำไปพร้อมๆ กัน 3 - 4 อย่าง เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูป เรื่องของ สนช. สปช. กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ต้องดำเนินการในส่วนของตัวเอง ซึ่งตนจะประสานทำความเข้าใจว่าเราจะทำแผนงานกันอย่างไร แต่รายละเอียดตนจะไม่ยุ่งเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย เป็นเรื่องของการระดมความคิดเห็น
เมื่อถามว่า คณะกรรมาธิการยกร่างมีแนวคิดจะเชิญให้พรรคการเมืองมาร่วมเสนอแนะการร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า เขายังไม่ให้มีการประชุมพรรค เมื่อถามว่า จะมีการหย่อนคำสั่งของ คสช. เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถประชุมระดมความเห็นแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่ามาให้ตนหย่อนคำสั่งเลย คำสั่งก็คือคำสั่ง กฎหมายก็คือกฎหมาย ถ้าหย่อนคำสั่งก็เหมือนกับหย่อนกฎหมาย เพราะที่สั่งไปคือกฎหมาย ดังนั้นก็ต้องมาปรับท่าทีว่าจะทำอย่างไร ยกตัวอย่าง ถ้าท่านอยากจะมามีส่วนร่วมก็ขออนุมัติมาว่าจะประชุม แล้วเราจะจัดสถานที่ประชุมให้ และเราเข้าไปนั่งฟังด้วยจบ
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 12 ตำแหน่ง โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน ซึ่งมีกระแสข่าวว่ามีความขัดแย้งกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ โดยยืนยันว่า นายสมคิด และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไม่ได้มีความขัดแย้ง ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย ซึ่งทั้งสองคนก็ทำงานอยู่ใน คสช. มาด้วยกันโดยตลอด
“พวกนี้อยู่คณะที่ปรึกษามา นายสมคิด ก็อยู่มาตั้งแต่ต้น และทำงานมาด้วยกันกับหม่อมอุ๋ย ผมก็ฟังทั้งสองท่าน และประชุมด้วยกันมาโดยตลอด อย่าไปแยกออกจากกันสิ ซึ่งผมก็อยากฟังเสียงจากกลุ่มอื่นๆ อีก โดยให้นายสมคิดเป็นหัวหน้า จะได้กรองให้ผม เพราะมันมีคนปรึกษาผมเยอะมากและคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจก็มีเยอะ มีหลายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มที่เชื่อมกับรัฐบาลตามกลไกปกติมีอยู่แล้ว แต่คนที่ไม่ได้เข้าในระบบก็ยังมีอยู่ ผมต้องการให้คนเหล่านี้เข้าใจด้วย จึงให้ฟังอีกทางว่าตรงกันหรือไม่ ถ้าตรงก็โอเคทำ ถ้ายังไม่ตรงกันก็ปรับอะไรผิด อะไรถูก จะได้ลดแรงกดดัน เหมือนกับสมาคมชาวนามีไม่รู้กี่สมาคม เรียกมาสมาคมนี้ตกลง แต่อีกสมาคมไม่มา และไม่ตกลง ตอนนี้กำลังจะรวมกันให้ได้ทั้งหมด เอสเอ็มอีก็เหมือนกันจะให้ขึ้นทะเบียนให้เรียบร้อยเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เราจะได้ซับพอร์ตตรงนี้ วันนี้เราต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ครัวเรือน ซึ่งหลายประเทศที่ไปประชุมมาในต่างประเทศ ได้พูถึงเศรษฐกิจชายแดน ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านและประชาคมโลก เราต้องตอบในสังคมโลก ว่าปี 2025 ไปถึงไหน ปี 2020 ประเมินผล และปี 2035 ประเทศไทยจะไปอย่างไร เวลาไปประชุมต้องไปอธิบายไม่ใช่ไปนั่งยกมือเฉยๆ ใจเย็นๆ ไม่ได้ทะเลาะกัน วันนี้ผมฟังข้อมูลทั้งสองด้าน และฟังเยอะ และไม่ได้ให้น้ำหนักใคร เพราะน้ำหนักอยู่ที่นี่ ผมตัดสินใจเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
