xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯฟุ้ง ตปท.เข้าใจไทย ชวน ปชช.ตั้งจิตอธิษฐานให้ "ในหลวง" ลั่นไม่กลัวพังเพราะ "เพื่อน - พี่" ใครโกงต้องฟัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ฟุ้งถกเอเปค ต่างชาติเข้าใจสถานการณ์บ้านเรา ปลื้มจีนยกไทยเป็น “มหามิตร” โอ่หลายประเทศสนใจลงทุนในไทย ยันยังไม่ผูกมัดโครงการรถไฟกับจีน ย้ำโครงการรัฐต้องยุติธรรม-โปร่งใส หน้าบานเชคแฮนด์ “โอบามา-ปูติน” บอกวันนี้ประเทศไทยสงบสุขแล้ว อ้างสัญญาณ ศก.กระเตื้องขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวน่าพอใจ เผยกำหนดปี 58 เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทย ส่งเสริมภาพลักษณ์สยามเมืองยิ้ม พร้อมให้กำลังใจชาวใต้ประสบภัยน้ำท่วม ชวนชาวไทยตั้งจิตอธิษฐานให้ "ในหลวง" มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงในเร็ววัน พร้อมลั่นไม่กลัว "พังเพราะเพื่อน พังเพราะพี่" ใครผิดต้องลงโทษทั้งนั้น ท้าแจ้งข้อมูลคนทุจริตมาได้เลย



เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาตนมีภารกิจสำคัญที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศหลายวัน คิดถึงและเป็นห่วงพี่น้องประชาชนทุกท่าน ห้วงนี้มีการประชุมที่สำคัญๆในระดับภูมิภาค ระดับโลก หลายเวที การเดินทางไปประชุม/เยี่ยมเยือนประเทศต่างๆ มีความจำเป็นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติ เปิดโอกาสทางการค้าการลงทุนที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความก้าวหน้าเพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความคืบหน้าจากผลการประชุมหารือกับมิตรประเทศที่จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนชาวไทยหลายๆ เรื่อง ซึ่งตนจะขอกล่าวรายละเอียดในส่วนต่อไปครับ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ก่อนอื่นวันนี้อยากให้พวกเราทุกคนได้รำลึกถึง วันพระบิดาแห่งฝนหลวง ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พ.ย.ของทุกปี หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯได้มีพระราชดำริโครงการฝนหลวง ในคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2498 และได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อน ทุกข์ยากของราษฎร จากการขาดแคลนน้ำ อุปโภค บริโภค และทำการเกษตร นับตั้งแต่นั้น พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายในการคิดค้น วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการทำฝนหลวงจนประสบความสำเร็จ และช่วยให้ประเทศชาติให้รอดพ้นวิกฤติภัยแล้ง มาได้จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อแสดงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทย ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวงนี้ ตนขอเชิญชวนให้ประชาชนทั้งในปัจจุบัน และอนุชนรุ่นหลัง ได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี ชื่นชมในพระบารมี และร่วมกันถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านในวันนี้ด้วย

“จากแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อยู่ระหว่างการรักษาการอักเสบของเนื้อเยื่อบนผนังพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ผมก็ขอให้ชาวไทยทุกคนร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานให้พระองค์มีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้นในเร็ววัน” นายกฯกล่าว

ในส่วนของการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน การแสวงหาความร่วมมือกับมิตรประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงการแสดงถึงจุดยืนของประเทศไทย ในการเป็นประชาธิปไตยและสนับสนุนเรื่องสำคัญต่างๆที่เป็นวาระสำคัญระดับนานาชาติ จึงขอเรียนว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการลงทุนของทุกประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุน บนพื้นฐานหลักในการรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ในการเดินทางเยือนต่างประเทศในแต่ละครั้งนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้เผยแพร่นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลให้ทราบโดยทั่วกัน อาทิ การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน, การส่งเสริมธุรกิจ SMEs, การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่งทั้งระบบ เช่น การพัฒนาและปรับปรุงถนน, โครงการรถไฟรางคู่, โครงการรถไฟฟ้าในเขต กทม. และปริมณฑล, การขนส่งทางน้ำ และทางอากาศ และการเตรียมความพร้อมสู่เศรษฐกิจ Digital Economy เป็นต้น

“การเลือกเดินทางไปต่างประเทศ กระทำเท่าที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยเท่านั้น ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 9 - 13 พ.ย. ผมและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ครั้งที่ 22 และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 25 ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญ ที่ผู้นำสามารถหารือกันในเรื่องต่างๆพร้อมกันได้ในหลายมิติ ประเทศไทยมีสัดส่วนการค้า การลงทุน กับเขตเศรษฐกิจเอเปค สูงถึงร้อยละ 70 ดังนั้น เวทีนี้จึงสำคัญต่อการผลักดันประเด็นที่สำคัญต่อการสร้างความเข้มแข็งของไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ ไทยได้ยกเรื่องสำคัญหลายเรื่องขึ้นหารือ เช่น ทำอย่างไรการเปิดเสรีทาง การค้า จะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริงต่อทุกประเทศ ตลอดจนคนทุกกลุ่มในแต่ละประเทศ เช่น เกษตรกร และ SMEs จะได้พัฒนาไปด้วยกันโดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทำอย่างไรทุกประเทศสมาชิกในเอเปค จึงจะมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เน้นการเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่เป็นการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน ทำอย่างไรเราจึงจะเติบโตด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ มาทำให้คุณภาพชีวิตและการพัฒนาประเทศเดินหน้าไปได้ดียิ่งขึ้น รวมถึง การหารือเรื่องการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค การลดช่องว่างทางการพัฒนา และการรับมือกับปัญหาข้ามชาติ เช่น อีโบลา ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยด้วยว่า นอกจากการหารือกับเพื่อนสมาชิกเอเปคแล้ว ตนยังได้เข้าพบกับบุคคลสำคัญๆจากหลายประเทศ ได้เข้าเยี่ยมคารวะท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง ซึ่งทั้งสองท่านได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และถวายพระพรพระบรมวงศานุวงค์ของไทยทุกพระองค์ รวมทั้งยกย่องความสัมพันธ์ไทย - จีน ว่าเป็นมิตรภาพระหว่าง “มหามิตร” อีกด้วย และตนได้หารือกับท่านนายกรัฐมนตรีจีน เกี่ยวกับประเด็นสำคัญซึ่งครอบคลุมหลายมิติ ไทย - จีนที่มีความสัมพันธ์กันมานานนับพันปีแล้ว แต่ความสัมพันธ์ทางการทูตของเราเพิ่งจะครบรอบ 40 ปีในปีหน้า ดังนั้น เราได้หารือกันว่า ทำอย่างไรความสัมพันธ์ไทย - จีน จึงจะเข้มแข็งได้มากยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของความเป็นมหามิตรที่เคารพกันและกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลจีนเองก็มีปัญหาเรื่องสินค้าเกษตรบางตัวของเขาล้นตลาด แต่เขาก็ต้องการแสดงความจริงใจ ด้วยการตอบรับที่จะซื้อสินค้าเกษตรของไทย เช่น ข้าว ยางพารา และผลไม้ เพิ่มขึ้น และจะเพิ่มขึ้นในปีต่อๆไป โดยเราจะเร่งหารือเรื่องการจัดทำ MOU ว่าด้วยเรื่องการซื้อขายผลผลิตการเกษตรไทย เป็นของขวัญจากรัฐบาลจีนให้กับเกษตรกรไทย ตนจะแจ้งความคืบหน้าให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไปครับ นอกจากนี้ ตนได้ขอให้เขาช่วยกำกับดูแลและอำนวยความสะดวกต่อการนำเข้าสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ไทย ข้าวไทยที่ได้รับความนิยมในจีน ตอนนี้ ขอให้เขาช่วยทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกับเรา สอดส่องดูแลไม่ให้มีใครนำข้าวไทยคุณภาพไปขายปะปนกับข้าวปลอม

“สำหรับเรื่องการเชิญชวนฝ่ายจีนมาลงทุนในโครงการที่จะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ผมขอเรียนว่า ขณะนี้ เรายังไม่ได้ตกลงเซ็นสัญญาอะไรกับจีน แต่ผมได้แจ้งกับฝ่ายจีนไปว่า ขอเชิญนักลงทุนของเขาเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยถ้าเป็นโครงการที่รัฐบาลไทย ต้องการสนับสนุนเป็นพิเศษ เพราะเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต่อการพัฒนาประเทศ รัฐบาลไทยก็ยินดีจะพิจารณาให้การสนับสนุนสิทธิพิเศษในการลงทุนสำหรับโครงการนั้นๆ เพิ่มเติม แต่ต้องเป็นไปตามหลักการที่ถูกต้อง ยุติธรรมและโปร่งใส” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
นายกฯกล่าวด้วยว่า ตนยังได้พบกับท่านผู้นำอีกหลายท่าน ที่เข้าร่วมการประชุมเอเปค และได้พบกับภาคเอกชนจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วย การพบปะหารือทุกครั้งเป็นการพูดคุยกันแบบเต็มคณะ เปิดเผย ไม่มีวาระแอบแฝง ตนย้ำกับทุกท่านที่ตนได้พบว่า ประเทศไทยกำลังจัดระเบียบประเทศของเรา และเรากำลังเร่งดำเนินการเรื่องเร่งด่วนตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืน แต่ละบริษัทที่มามีหลากหลาย ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยี ICT โทรคมนาคม และเรื่องของยาง ซึ่งประเทศเรากำลังมีปัญหาราคายางตกต่ำ ผลผลิตมีจำนวนมาก มีหลายบริษัทสนใจจะตั้งโรงงานแปรรูปยางในประเทศไทย ใกล้แหล่งวัตถุดิบ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อ สำหรับเรื่องของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เรื่องโรงงานกำจัดขยะในรูปแบบที่

ไม่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ก็เป็นนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันอยู่แล้ว ตนเลยถือโอกาสขอให้เขาให้การสนับสนุนไทยหลายๆเรื่อง เช่น ขอให้กระจายโรงงานไปอยู่ตามจังหวัดต่างๆเพื่อกระจายงาน กระจายรายได้ ให้คนไทย ขอให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมคนงานไทย และจ้างคนไทยมากขึ้นในทุกระดับ และช่วยสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) การใช้วัตถุดิบจากประเทศไทย และขอให้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยในภาพรวมอีกด้วย

สำหรับประเด็นความร่วมมือในพัฒนาระบบขนส่งของไทยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การสร้างทางรถไฟ ทั้งแบบทางคู่ มาตรฐาน ไปถึงความเร็วปานกลาง ตามที่กล่าวไปแล้วว่า รัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนยังไม่ได้เซ็นสัญญาใดๆ แต่ได้มีการหารือกันในหลักการ แน่นอนว่าจีนต้องสนใจในโครงการนี้ เพราะมันหมายถึงการเชื่อมโยงตลาด ทำให้คนไปมาหาสู่กันในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนการขนส่งสินค้า แต่อย่าลืมว่า ไทยก็ได้ประโยชน์มาจากการเพิ่ม Connectivity โดยเฉพาะเรื่องเชื่อมโยงในภูมิภาค เพราะเราเป็นศูนย์กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทย ดังนั้นวันนี้ ถนน รถไฟ เรายังไม่พร้อม วันหน้าประเทศไทยก็จะเสียเปรียบ ล้าสมัยไม่ทันใครเขา

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพราะเป็นเรื่องจำเป็นมากต่ออนาคตของประเทศ ถ้าไม่ลงทุนวันนี้ ยังไงก็ต้องลงทุนเรื่องนี้อยู่ดี แต่ในราคาที่มีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เราต้องรีบทำ แต่ต้องให้แน่ใจว่าคุ้มค่า และไม่มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น ไม่ให้คนไทยเป็นหนี้กับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้น ไทยสนใจที่คุยเรื่องรถไฟ ขนาดรางมาตรฐาน และรถไฟฟ้าความเร็วปานกลางกับจีน แต่เราก็คุยกับหลายๆ ประเทศ ที่สนใจจะเข้ามาทำงานร่วมกับเราในเรื่องนี้ด้วย มาครั้งนี้ เรามาคุยกันในเรื่องหลักการ ส่วนรายละเอียดที่ยังมีอีกเยอะ เช่น รูปแบบการลงทุน การศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การทำประชาพิจารณ์ หรือรับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เราก็จะดำเนินการต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ตนได้พูดคุยกับผู้นำหลายประเทศในลักษณะทวิภาคี ประเด็นสำคัญๆ เป็นเรื่องของปัญหาการอุดหนุนราคาหรือการ Subsidize สินค้าทางการเกษตร ราคาน้ำมัน ราคาเชื้อเพลิง ทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคนี้มีปัญหาเดียวกันหมด ต้องร่วมมือกับเอกชนแก้ไขปัญหา อีกทั้งเรื่องของการจัดระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องของคนที่เข้ามารับราชการใหม่ และชี้แจงเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้

“ระหว่างงานเลี้ยง มีการต้อนรับอย่างอบอุ่น ผู้นำทั้ง 21 ประเทศได้พบทักทายจับไม้จับมือกัน ผมมีโอกาสได้พบท่านประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งท่านได้แสดงความห่วงใย ผมก็ขอบคุณและยืนยันกับท่านว่ารัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด ได้พบกับท่านประธานาธิบดีปูติน ท่านถามว่า ประเทศไทยเป็นอย่างไร เรียบร้อยหรือยัง ตนตอบว่าเรียบร้อยดี ขอเวลาเราหน่อย ท่านก็เข้าใจ ทุกประเทศทักทายจับมือกันหมด ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่ได้พูดถึงเรื่องความขัดแย้ง ผมบอกทุกประเทศว่า สำหรับวันนี้ประเทศไทยสงบสุขพอสมควรแล้ว ประชาชนมีความสุข ปลอดภัย และการท่องเที่ยวดีขึ้น รัฐบาลไทยขอเชิญทุกประเทศให้มาเยือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูการท่องเที่ยวนี้ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นบอกว่าจะยกเลิกคำเตือนนักท่องเที่ยวที่มีอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เปิดเผยรายละเอียดของการประชุมเอเปคด้วยว่า การหารือเป็นคณะใหญ่ ทั้งหมด 21 คณะ เป็นการพูดคุยในเรื่องของการพัฒนา อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมั่นคงด้านพลังงาน ด้านอาหาร และการสร้างความเชื่อมโยงระบบสาธารณูปโภค ให้เชื่อมต่อกับเศรษฐกิจ และเรื่องของข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) สำหรับผู้ที่กังวลว่าประเทศไทยอาจเสียผลประโยชน์ในการข้อตกลงต่างๆ ตนขอยืนยันว่า แม้ประเทศเราเป็นประเทศเล็กแต่เรามีศักดิ์ศรี ข้อตกลงทั้งหมดต้องตั้งอยู่บนความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ลดความหวาดระแวง มีผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน ทุกครั้งที่ตนและคณะไปเยือนต่างประเทศ เรานำเกียรติยศของคนไทยไปด้วย ไม่อยากให้เหมือนที่ผ่านมาที่ตกลงกันหลายครั้งแล้ว ทำไม่ได้ ทุกประเทศพร้อมที่จะลงทุนกับไทย ประโยชน์ที่ได้รับคือความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ตนยืนยันว่าจะต้องไม่มีการทุจริตในทุกโครงการ และจะต้องเกิดขึ้น รัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนได้มารับรู้ รับทราบพร้อมกัน ไม่มีนอกมีในทั้งสิ้น

ในส่วนของการการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ประเทศจีน ตนได้เดินทางต่อไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีที่มีผู้นำจากประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเข้าร่วม และถือเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดสำหรับภูมิภาคของเรา โดยตลอดการประชุม ประเทศไทยได้รับไมตรีจิตและความชื่นชมจากประเทศต่างๆ อย่างดียิ่งเช่นเดียวกับที่ประเทศจีน ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่ต้น ทุกประเทศมีความมั่นใจในแนวทางทางการเมืองของรัฐบาล โดยตนได้ยังคงยืนยันความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับอาเซียนและภูมิภาค

สำหรับรายละเอียดในการหารือ นายกฯกล่าวว่า ประเด็นหลักๆ ที่ได้มีการหารือกันคือ ประเด็นแรกการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีหน้านี้ ซึ่งกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี สามารถบรรลุตามเป้าหมายตามที่ได้กำหนดไว้ และจะกลายเป็นการรวมกลุ่มของตลาดที่มีขนาดมากกว่า 600 ล้านคน เป็นฐานการผลิตเดียวกัน มีอำนาจในการต่อรองมากยิ่งขึ้นในเวทีโลก ซึ่งจะทำให้ไทยเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นจากการค้าการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ ผู้นำอาเซียนยังเห็นตรงกันว่าเราจะต้องมีบทบาทเข้มแข็งมากขึ้นเพื่อรักษาการเป็นแกนนำในการรักษาสันติภาพในภูมิภาค

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่สอง และตนถือว่าเป็นประเด็นที่เป็นหัวใจคือ การมองไปในอนาคตเพื่อกำหนดทิศทางของประชาคมอาเซียน โดยตนและผู้นำอาเซียนอื่นๆ เห็นตรงกันว่า เราจะต้องเน้นการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยกระดับความเป็นอยู่ เพิ่มโอกาส เพิ่มรายได้ของประชาชน แก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำในสังคม แก้ปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ที่กระทบความเป็นอยู่ของประชาชน ส่งเสริมการค้าเสรี การอำนวยความสะดวกทางการค้า ควบคู่กับการส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม ลดการกีดกันทางการค้า และที่สำคัญ การดูแลพี่น้องเกษตรที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของอาเซียน โดยเราจะต้องมาดูกันว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไรเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต การเก็บเกี่ยว การตลาด และการแก้ไขราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ เพราะอาเซียนถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลกไม่ว่าจะเป็นข้าวหรือยางพารา เป็นต้น โดยเราไม่ควรที่จะแข่งขันตัดราคาหรือแย่งตลาดกันเอง เพราะนั่นหมายถึงรายได้ที่เกษตรกรของเราได้รับจะลดลง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่สาม ได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศต่างๆ ทั้งไวรัสอีโบลา การก่อการร้าย และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เป็นต้น โดยตนได้ยกตัวอย่างประสบการณ์ของไทยที่ผลักดันการแก้ไขปัญหาโรคซาร์และหวัดนกได้ในอดีต ที่ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักลงเนื่องจากขาดข้อมูลข่าวสาร ระบบการแจ้งเตือน และการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ ตนจึงได้เสนอว่ารัฐบาลไทยพร้อมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศอาเซียน กับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในเร็ววันนี้ เพื่อกระชับความร่วมมือและเตรียมความพร้อมของภูมิภาค นอกจากนี้ ได้มีการหารือกันเรื่องกลุ่มก่อการร้ายที่เป็นภัยคุกคามร่วมกันของทุกประเทศ การเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ในส่วนประเด็นทะเลจีนใต้ ไทยได้รับการชื่นชมที่ประสบความสำเร็จในการลดความตึงเครียดและผลักดันความสัมพันธ์อาเซียนกับจีนให้รุดหน้าในทุกด้าน รวมถึงการกำหนดกรอบกติการ่วมกันเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและลดโอกาสที่จะเกิดการกระทบกระทั่งกันในพื้นที่

“เช่นเดียวกับการประชุมเอเปค ผมได้มีโอกาสหารือทวิภาคีอย่างเป็นทางการกับผู้นำจากหลายประเทศเพิ่มเติมโดยตนได้พบกับท่านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ท่านประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ท่านนายกรัฐมนตรีอินเดีย ท่านนายกรัฐมนตรีรัสเซีย และท่านเลขาธิการสหประชาชาติที่มาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย เป็นที่น่ายินดีที่ทุกท่านมีความเข้าใจในสถานการณ์ในประเทศไทยและต่างเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเดินหน้าตาม Roadmap ที่ได้กำหนดไว้ เพราะทุกท่านเห็นความสำคัญของประเทศไทยและต้องการให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง” นายกฯ ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยถึงรายละเอียดการหารือทวิภาคีด้วยว่า ประเทศรัสเซียสนใจที่จะร่วมมือกับไทยมากขึ้นในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นพลังงาน การท่องเที่ยว และการค้าการลงทุน รวมทั้งสนใจซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเพิ่มเติม ในส่วนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ให้ความสนใจที่จะลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนในประเทศไทยเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทย สำหรับอินเดีย เราตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเพิ่มโอกาสการค้าการลงทุน เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว กระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงและป้องกันประเทศ ส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างไทย เมียนมาร์ และอินเดีย ผ่านโครงการถนน 3 ฝ่าย ส่วนในการพบกับท่านเลขาธิการสหประชาชาติ ตนได้ขอบคุณท่านที่เข้าใจสถานการณ์ของไทยและได้ชี้แจงให้ท่านฟังเกี่ยวกับสถานการณ์และแนวทางของรัฐบาลที่จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศและทำให้ประชาธิปไตยของไทยเข้มแข็งและยั่งยืน ทางสหประชาชาติยังได้ชื่นชมบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยและขอให้ไทยมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในเรื่องปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ การพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการแก้ไขปัญหาไวรัสอีโบลาอีกด้วย

“พี่น้องชาวไทยทุกคนครับ จากการเยือนครั้งนี้ ผมไม่อยากให้มีความขัดแย้งกันอีก ต้องขอร้องคนไทยทุกคน วันนี้โลกเขาก้าวหน้าไปขนาดนี้แล้ว ประเทศไทยอยู่ตรงกลางของอาเซียน เรียกว่าเส้นทางการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในอาเซียน แต่เรามีความขัดแย้งมานาน ตนอยากเห็นคนไทยเสียสละ ลด ละ เลิก ความขัดแย้ง เลิกต่อสู้กันเอง ขอให้เข้าใจว่าการเมืองคือการเมือง ต้องทำให้ถูกต้อง ให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้เป็นประชาธิปไตย วันนี้ขอบคุณประชาชนและ ข้าราชการทุกคนที่ให้ความร่วมมือช่วยกันทำให้ประเทศไทยเป็นสุขนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ด้านต่างๆภายในประเทศด้วยว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ ก็เริ่มมีสัญญาณแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว นักลงทุนต่างประเทศก็ยังให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทยอยู่ครับ จากผลสำรวจผู้บริหารระดับสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่า 39 ประเทศของ PricewaterhouseCoopers ในปีนี้ (2014 APEC CEO Survey) ก็ได้จัดอันดับให้ไทยเป็นอันดับที่ 8 ของตลาดที่น่าลงทุนของภูมิภาคในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนยังคงให้ความสนใจลงทุนในประเทศไทย อย่างไรก็ดีรัฐบาลยังต้องพัฒนาประเทศเพิ่มเติมอีกหลายด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้พร้อมรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุนต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทางรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ครับ

ส่วนสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามามากขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม และยอดการจองที่พักในเดือน ธ.ค. ก็มีปริมาณมากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 25 ล้านคน และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลได้กำหนดให้ปีหน้าเป็น “ปีท่องเที่ยววิถีไทย” หรือ “Discover Thainess 2015” โดยจะส่งเสริมภาพลักษณ์อันเป็นเนื้อแท้ของคนไทย ที่มีแต่รอยยิ้ม และมีน้ำใจให้แก่กัน รวมทั้งผู้มาเยือน ผ่าน “วิถีไทย” อันเกิดจากการผสมผสานของบริบทต่างๆ ของไทยที่แม้จะมีความแตกต่าง แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว สร้างความสุขให้คนไทยในประเทศ และ แบ่งปันไปยังนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินะครับ

สำหรับสถานการณ์เหตุอุทกภัยภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนจากสถานการณ์น้ำท่วม 6 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง กระบี่ และปัตตานี มีประชาชนได้รับผลกระทบ 3,573 ครัวเรือน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้าดำเนินการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนโดยด่วน ทั้งเรื่องชีวิต ทรัพย์สิน ผลผลิตทางการเกษตร เรือประมง เส้นทางคมนาคม สุขอนามัย โรคติดต่อ รวมทั้งการฟื้นฟู ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันเป็นปกติโดยเร็ว หลังน้ำลดแล้ว ก็ต้องดูแลพี่น้องของเรา อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลตระหนักดีว่า เป็นปัญหาที่เกิดซ้ำเป็นประจำทุกปี จึงไม่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่กำชับให้หน่วยงานของรัฐตรวจสอบเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ ให้มีความมั่นคงแข็งแรง เส้นทางน้ำต่างๆ ต้องช่วยระบายคล่องตัว รวมทั้งระบบเตือนภัยต่างๆ เช่น เสียงตามสาย เครือข่ายวิทยุสมัครเล่น วิทยุกระจายเสียง เป็นต้น
“ก็ขอให้วางใจและเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวใต้ที่ประสบภัยทุกท่านด้วยครับ ซึ่งตอนนี้ก็คลี่คลาย กลับสู่ภาวะปกติ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังตลอดช่วงมรสุมนี้ครับ” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับในเรื่องอื่นๆนั้น ทุกหน่วยงาน ทั้งรัฐบาล ส่วนราชการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กำลังเร่งดำเนินการ ทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน และระยะต่อๆไป ก่อนจากกันคืนนี้ ตนขอหยิบยกตัวอย่างโครงการดีๆ ชื่อ “โครงการรากแก้ว” ที่เป็นความร่วมมือกันอย่างกลมกลืน 4 ฝ่าย คือ สถานศึกษา - ชุมชน - สื่อมวลชน - ผู้ใหญ่ใจดีมีวิสัยทัศน์ ริเริ่มสร้างพลังเครือข่ายทางสังคม ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมสถาบันอุดมศึกษา ให้นำความรู้ ความเชี่ยวชาญ ของคณาจารย์และพลังของนักศึกษามาแก้ไขปัญหา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน โดยใช้แนวทางการพัฒนาต่างๆ ตั้งแต่แนวคิดพระราชทาน มาจนถึงทักษะของปราชญ์ชุมชน มาเชื่อมประสานองค์ความรู้กับสร้างความร่วมมือ เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ มุ่งแก้ปัญหา และพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยสามารถติดตามผลงานโครงการรากแก้ว ผ่านทางรายการ “ปั้นฝัน เดอะบัณฑิต” ทางทีวี ช่อง NOW TV 26 ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00 - 15.00 น. รายละเอียดก็ลองค้นหาดูจากสื่อออนไลน์ทุกแขนง เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆตัวอย่าง ซึ่งเป็น “สื่อสร้างสรรค์” ที่ตนอยากให้ทางบ้านและทุกภาคส่วน ได้พิจารณาติดตาม แล้วนำไปต่อยอด ประยุกต์ และสร้างสังคมของเราให้เข้มแข็งร่วมกัน

“สุดท้ายนี้ ขอให้ประชาชนชาวไทยทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจกัน สร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มั่นคงแข็งแรง อย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป และขอให้เป็นกำลังใจให้กับรัฐบาล และ คสช. ละอดีต แล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมกันนะครับ สัปดาห์นี้ คงมีเรื่องพูดคุยเพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของข้าราชการ ทั้งส่วนของภูมิภาคและท้องถิ่น เราต้องเพิ่มความร่วมมือกันมากขึ้น เสียสละมากขึ้น และเข้าใจนโยบายของรัฐบาล เข้าใจปัญหาที่เคยเกิดในอดีต ช่วยกันดูแลโครงการต่างๆ อย่าให้มีทุจริต นี่ก็มีข่าว ซึ่งตนก็ตรวจสอบ แต่ไม่พบเรื่องการเรียกเปอร์เซ็นต์

“ตอนนี้มีข่าวลือในหนังสือพิมพ์ มาจากไหนไม่รู้ว่า ทำโครงการมีการเรียก 50% เดิมเรียก 30% วันนี้เป็น 50% ซึ่งอย่าให้เจอ และหนังสือพิมพ์เอง ก็ต้องไปหามาด้วย ว่า คนพูดเอามาจากไหน ถ้าไม่มีก็ต้องว่ากัน ถ้ามีแจ้งผมมา อย่าเขียนอย่างนี้ เสียหายกับรัฐบาลและ คสช. ในส่วนของ คสช.และรัฐบาล ถ้าไปทำเองก็ต้องลงโทษสถานหนัก ต้องดำเนินคดี ขอเตือนทุกคนไว้ อย่ามาอ้าง หลายคนบอกว่า ผมจะพังเพราะเพื่อน พังเพราะพี่ ผมไม่กลัว ไปหามาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นใคร ผิดก็ลงโทษทั้งนั้น ในเมื่อผมพยายามอยู่เสมอว่าต้องโปร่งใส” นายกรัฐมนตรี กล่าว

คำต่อคำ : รายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" วันที่ 15 พ.ย. 2557

พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมมีภารกิจสำคัญที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศหลายวัน ห้วงนี้มีการประชุมที่สำคัญในระดับภูมิภาคระดับโลกหลายเวที การเดินทางไปประชุมนั้นเป็นการเยี่ยมเยียนประเทศต่างๆ ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่เป็นการเปิดโอกาสทางการค้าการลงทุนที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้มีความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีความคืบหน้าหลายประการจากการประชุมหารือกับมิตรประเทศที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ซึ่งผมจะกล่าวในรายละเอียดต่อไปครับ

ก่อนอื่นวันนี้ อยากให้พวกเราได้รำลึกถึงวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริโครงการฝนหลวงในคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่14 พฤศจิกายน 2498 และได้ทรงรับทราบความเดือนร้อนทุกข์ยากของราษฎร จากการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และการทำการเกษตร นับแต่นั้นพระองค์ก็ทรงทุ่มเทพระวรกายในการคิดค้นวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยี การทำฝนหลวงจนประสบความสำเร็จ และช่วยให้ประเทศชาติได้รอดพ้นวิกฤตภัยแล้งมาได้จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อแสดงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยในวันพระบิดาแห่งฝนหลวงนี้ ผมขอเชิญชวนให้ประชาชนทั้งในปัจจุบัน และอนุชนรุ่นหลังได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี ชื่นชมในพระบารมี และร่วมกันถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านในวันนี้ด้วยครับ
จากแถลงการณ์สำนักพระราชวังทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ระหว่างการรักษาพระอาการ ผมก็ขอให้ชาวไทยทุกคนร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานให้พระองค์มีพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้นในเร็ววัน

ในส่วนของการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ลดความหวาดระแวง และแสวงหาความร่วมมือกับมิตรประเทศเพื่อการค้า การลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงการแสดงจุดยืนของประเทศไทยในการเป็นประชาธิปไตย และสนับสนุนเรื่องต่างๆ ที่เป็นวาระสำคัญ พันธะผูกพันระดับนานาชาติ ในเรื่องนี้ผมขอเรียนว่า รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนการลงทุนของทุกประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุน บนพื้นฐานหลักก็คือ ในเรื่องของการรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

ในการเดินทางเยือนต่างประเทศในแต่ละครั้งนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ถือเป็นโอกาสอันดีนะครับ ที่เราได้เผยแพร่นโยบายด้านเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ทราบโดยทั่วกัน อาทิ การเสริมสร้างความเข้มเข็งของเศรษฐกิจชุมชน การส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และการขนส่งทั้งระบบ เช่น การพัฒนาปรับปรุงถนน โครงการรถไฟทางคู่ รถไฟมาตรฐาน standard gauge ความเร็วปานกลาง โครงการรถไฟฟ้า และเขต กทม.และปริมณฑล การขนส่งทางน้ำและทางอากาศ การเตรียมความพร้อมสู่เศรษฐกิจดิจิตอล อีโคโนมี เป็นต้น การเลือกเดินทางไปต่างประเทศเท่าที่จำเป็นนั้น ผมจะพิจารณา เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยให้มากที่สุดเท่า โดยระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 22 โดยในวันที่ 12-13 พฤศจิกายน ได้ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 25 ที่กรุงเนปิดอว์ สหภาพพม่า ซึ่งทั้ง 2 เวทีนับว่า เป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำสามารถหารือกันในเรื่องต่างๆ พร้อมกันในหลายมิติ มีการแบ่งกลุ่มการพูดคุย การประชุมหลายครั้งหลายกลุ่มด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นอาเซียนบวก 1 อาเซียนบวก 3 และในเรื่องของโครงการเกี่ยวกับในส่วนของลุ่มแม่น้ำโขงหลายประเทศมีส่วนเกี่ยวข้อง ในปัจจุบันนั้นประเทศไทยมีสัดส่วนการค้าการลงทุนกับเขตเศรษฐกิจเอเปกสูงขึ้นถึงร้อยละ 70 ดังนั้นเวทีจึงเป็นเวทีที่สำคัญ เวทีแรกคือเอเปกนั้น ในการที่จะผลักดันประเด็นที่สำคัญต่อการสร้างความเข้มแข็งของไทย และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในวันนี้ไทยได้ยกเรื่องสำคัญหลายเรื่องขึ้นมาหารือ เช่น ทำอย่างไรการเปิดเสรีทางการค้าจะนำมาซึ่งประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริงทุกประเทศ ตลอดจนคนทุกกลุ่มในแต่ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีเกษตรกรเป็นจำนวนมาก และธุรกิจที่เกี่ยวกับเอสเอ็มอี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเป็นห่วงในเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุน จะได้มีการพัฒนาไปด้วยกัน โดยจะไม่มีใครถูกทิ้งไปข้างหลัง ไม่ได้รับการพัฒนา ไม่ได้เข้าถึงกองทุน ทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นจะเป็นภาระผูกพัน และไม่เป็นผลดีต่อประเทศเราในอนาคตนะครับ ทำอย่างไรจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราอาจจะไม่เน้นในเรื่องของการเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากนัก จะเป็นการพัฒนาที่ต้องยั่งยืน

เพราะฉะนั้นทำอย่างไรเราจะเติบโตด้วยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาทำให้คุณภาพชีวิตและการพัฒนาประเทศเดินหน้าไปให้ดียิ่งขึ้น อีกเรื่องหนึ่งคือการหารือเรื่องการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคเป็นสิ่งสำคัญ การลดช่องว่างทางการพัฒนา การรับมือกับปัญหาข้ามชาติ เช่น อีโบลา ปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากการหารือกับเพื่อนสมาชิกเอเปกแล้ว ผมยังได้เข้าพบกับบุคคลสำคัญๆ หลายประเทศ ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะท่านประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง และท่านนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อ เฉียง ซึ่งทั้งสองท่านได้ถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง และถวายพระพรพระบรมศานุวงศ์ของไทยทุกพระองค์ รวมทั้งยกย่องความสัมพันธ์ไทย-จีนว่า เป็นมิตรภาพระหว่างมหามิตรอีกด้วย

ผมได้มีโอกาสหารือกับท่านนายกรัฐมนตรีจีนเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ ซึ่งมีหลายมิติ ไทยและจีนนั้นมีความสัมพันธ์กันมายาวนานนับพันปีแล้ว ความสัมพันธ์ทางการทูต แม้จะเปิดมาเพียง 40 ปี จะครบรอบในปีหน้า ดังนั้นก็ได้หารือกันว่า ทำอย่างไรความสัมพันธ์ไทย-จีนนั้นจะเข้มแข็งได้มากยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของความเป็นมหามิตร และความเคารพซึ่งกันและกัน ปัจจุบันนั้นรัฐบาลจีนก็มีปัญหาเรื่องสินค้าเกษตรบางตัวของเขาซึ่งมีผลผลิตเป็นจำนวนมากภายในประเทศ แต่เขาก็ต้องการแสดงความจริงใจกับเรา ด้วยการตอบรับที่จะซื้อสินค้าทางการเกษตรของไทย เช่น ข้าว ยางพารา และผลไม้เพิ่มขึ้น และอาจจะเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป โดยเราจะต้องเร่งหารือเรื่องการจัดทำเอ็มโอยู ว่าด้วยการซื้อขายผลผลิตการเกษตรไทย และถือเป็นของขวัญจากรัฐบาลจีนให้กับเกษตรกรไทย ผมจะเรียนความคืบหน้าให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป

อีกเรื่องหนึ่งผมได้ขอให้เขาช่วยกำกับดูแล อำนวยความสะดวกต่อการนำเข้าสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ไทย ข้าวไทย ซึ่งวันนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศจีน ก็ขอให้เขาทำกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดกับเรา สอดส่องดูแลไม่ให้มีใครนำข้าวไทยคุณภาพต่ำไปขายปะปนกับข้าวคุณภาพดี อันนี้ก็คงต้องสอบสวนกันต่อไป ทั้งต้นทาง ปลายทาง และการกำกับดูแลเรื่องการขนส่ง

ในเรื่องของการเชิญชวนฝ่ายจีนมาลงทุนที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันนั้น ผมก็ได้แจ้งกับฝ่ายจีนแล้วว่า เราพร้อมและขอเชิญนักลงทุนเข้ามาในประเทศไทย และถ้าหากว่าเป็นโครงการที่รัฐบาลไทยมีนโยบาย และต้องการการสนับสนุนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของพลังงาน เรื่องของสิ่งแวดล้อมสีเขียวเหล่านี้ เป็นความจำเป็นต่อพวกเราในการพัฒนาประเทศ รัฐบาลไทยยินดีจะพิจารณาให้การสนับสนุนเป็นพิเศษในการลงทุนสำหรับโครงการนั้นๆ เพิ่มเติมตามกติกาของบีโอไอ ซึ่งผมได้สั่งการให้มีการปรับปรุงใหม่นะครับเพื่อให้เกิดตรงกับความต้องการของประเทศไทย และสอดคล้องกับความต้องการนานาชาติด้วยความโปร่งใส ทุกระดับต้องช่วยกัน

นอกจากการเข้าพบท่านผู้นำจีนแล้ว ผมก็ได้มีโอากสพบกับผู้นำอีกหลายท่านที่เข้าร่วมการประชุมเอเอเปกที่จีน และได้พบกับภาคเอกชนจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ผมขอเรียนว่า ในการพบปะหารือทุกครั้งนั้น ผมให้เป็นการพูดคุยกันแบบเต็มคณะ มีการพูดคุยอย่างเปิดเผย ไม่มีวาระแอบแฝง และย้ำกับทุกท่านที่ได้พบว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในการจัดระเบียบประเทศของเราให้เกิดความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เรากำลังเร่งดำเนินการในเรื่องที่เร่งด่วนตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เข้มเข็งในโอกาสต่อไป

ในแต่ละบริษัทก็มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเทคโนโลยีไอซีที คมนาคม เรื่องยาง เรื่องผลผลิตทางการเกษตร ที่ประเทศของเรากำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ราคายางตกต่ำ ผลผลิตมีเป็นจำนวนมาก มีหลายบริษัทสนใจจะตั้งโรงงานแปรรูปยาง เพื่อผลิตยางรถยนต์ หรือยางรถขนาดใหญ่ แม้กระทั่งอากาศยานในประเทศไทย โดยผมได้บอกไปว่า ถ้าเป็นไปได้อยากให้ไปอยู่ใกล้ในแหล่งวัตถุดิบ เหล่านี้ก็จะเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการหารือกันต่อไปได้โดยเร็ว

บางบริษัทก็มาพูดคุยในเรื่องของอุปกรณ์ทางการแพทย์ โรงงานกำจัดขยะในรูปแบบที่ไม่เป็นผลเสียกับสิ่งแวดล้อม และเป็นนโยบายของรัฐบาลของเราอยู่แล้วในปัจจุบัน เลยถือโอกาสให้เขาสนับสนุนหลายๆ เรื่องด้วยกัน ทั้งในเรื่องของการกระจายโรงงานไปตามจังหวัดต่างๆ ให้พี่น้องมีรายได้ แล้วก็ขอให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมคนงานไทย ลูกจ้างคนไทยให้มากขึ้น มีความก้าวหน้าในทุกระดับ อันนี้คงต้องเร่งในเรื่องของภาษอังกฤษด้วย เพราะว่ามันต้องใช้ภาษาอังกฤษในการควบคุมในการสั่งงาน และก็ช่วยสนับสนุนด้านการวิจัยพัฒนา หรือเรียกว่าอาร์แอนด์ดี มีการใช้วัตถุดิบจากประเทศไทยให้มากขึ้น และก็ขอให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยในภาพรวมอีกด้วย

ในเรื่องของความร่วมมือการสร้างทางรถไฟทั้งแบบทางคู่ ทางมาตรฐาน ไปจนถึงความเร็วปานกลาง ความเร็วสูงผมยังไม่พูด พูดไปกลางๆ ก่อน เรื่องนี้อย่างที่เรียนไปข้างต้นแล้วว่า มีการหารือในหลักการ และก็แน่นอนว่าประเทศจีนสนใจในโครงการนี้ เพราะว่าเป็นการสร้างความเชื่อมต่อทางด้านการตลาด ซึ่งทุกประชาคมก็พูดกันในเรื่องนี้ ทำให้คนไปมาหาสู่กันได้มากขึ้น มีการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงถึงกันในระหว่างประชาคมที่ห่างไกลกัน

เพราะฉะนั้นการเชื่อมโยงภูมิภาควันนี้ เราเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของไทย เพราะฉะนั้นวันนี้ถนน รถไฟ เรายังไม่มีความพร้อม วันหน้าเราก็จะเสียเปรียบ เสียโอกาส ล้าสมัย ไม่ทันใครเขา วันนี้ทุกประเทศรอบบ้านเรามีการพัฒนาอย่างกว้างไกล เพราะฉะนั้นรัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นเรื่องจำเป็น เป็นอนาคตของประเทศ ถ้าเราไม่ทำวันนี้วันหน้าเราก็ทำอยู่ดี ราคาก็จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันความร่วมมือต่างๆ มันจะไปที่ประเทศอื่นหมด

เพราะฉะนั้นเราต้องรีบทำให้เกิดความโปร่งใส และแน่ใจว่าคุ้มค่า อย่าคอร์รัปชันกัน ไม่ให้เกิดหนี้สาธารณะ ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพมีความรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นไทยก็สนใจจะคุยเรื่องรถไฟขนาดรางมาตรฐาน และรถไฟฟ้าความเร็วปานกลางกับจีน ก็คงไม่ใช่ประเทศเดียวมีหลายเส้นทาง หลายประเทศ ก็คงเป็นการพูดคุยเจรจาหารือกัน ตั้งคณะทำงานร่วมกันในการที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และไม่มีปัญหาในเรื่องของงบประมาณลงทุน ก็มีหลายธนาคาร หลายแห่งเงินกู้ ซึ่งประเทศมหาอำนาจก็มีกองทุนเหล่านี้อยู่บ้างพอสมควร กองทุนเกี่ยวกับเรื่อง Infrastructure มีการตั้งขึ้นมาใหม่หลายกองทุนด้วยกัน แต่เราก็คุยหลายประเทศก็พร้อมที่จะร่วมมือกับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานทุกประเทศก็มีลงทุนเช่นเดียวกัน มันถึงจะเชื่อมต่อกัน ถ้าเราไม่พร้อมเราก็ต่อไม่ได้ วันนี้เราก็คุยในเรื่องหลักการไปก่อน รายละเอียดมีอีกเยอะแยะที่เรียนไปแล้วเรื่องรูปแบบลงทุน การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ประชาพิจารณ์ เราจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อไป

นอกจากนั้น ผมได้มีการพูดคุยกับผู้นำหลายประเทศในลักษณะทวิภาคีคือตัวต่อตัว ประเทศต่อประเทศ ประเด็นสำคัญก็คือในเรื่องของปัญหาการอุดหนุนราคาสินค้า หรือการ Subsidized ทุกประเทศมีปัญหาหมด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าทางการเกษตร ราคาน้ำมัน ราคาเชื้อเพลิง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีปัญหาเดียวกันทั้งหมด วันนี้ทุกรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่เช่นเดียวกัน แล้วก็ยกเลิกไปเกือบหมดแล้ว หลายๆ ประเทศพยายามทำอยู่ ติดปัญหาเรื่องประชาชน แต่เขาบอกว่ายังไงก็ต้องทำ มันเป็นปัญหาที่สลับซับซ้อน แล้วก็สืบเนื่องในเวลานาน และมีผลต่อการใช้จ่ายของประเทศในภาพรวม

ในระหว่างงานเลี้ยงนั้น มีการต้อนรับอย่างอบอุ่น ผู้นำทั้ง 21 ประเทศ ได้มีโอกาสพบทักทายกัน ได้มีประธานาธิบดีโอบามา ท่านได้แสดงความห่วงใย ผมก็ขอบคุณ ยืนยันกับท่านว่า เราจะทำให้ดีที่สุด ได้พบกับท่านประธานาธิบดีปูติน ท่านถามว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร พระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างไร ผมตอบไปว่าเรียบร้อยดีในปัจจุบัน เรากำลังดำเนินการในการปฏิรูปอยู่ ท่านก็ให้กำลังใจ เข้าใจ

เราขอเวลาหน่อยนะครับ อยากให้ทั้งต่างประเทศ โดยอย่างยิ่งในประเทศ ได้เข้าใจว่าเราอยู่สถานการณ์อะไรในขณะนี้ เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจกันบ้าง ไม่ใช่พูดถึงความขัดแย้งกันอยู่ทุกวันๆ ในประเทศเราเอง ต่างประเทศเขาเลิกไปแล้ว เขาไปมองว่าจะเดินหน้าประเทศอย่างไร ขับเคลื่อนอย่างไรมีวิสัยทัศน์ชัดเจน 2015 จากนั้นเขาก็วางไปอีก 10 ปี 2025 วันนี้ 2014 ปีหน้าก็ 2015 แล้วก็เป็นเรื่องของการประชาคมเศรษฐกิจ เออีซี

เพราะฉะนั้นทุกอย่างเขามองอนาคตหมด วันนี้ประเทศไทยเรามีความสงบสุขพอสมควร ประชาชนมีความสุขปลอดภัย ในเรื่องของการท่องเที่ยวนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และเราก็ได้เชิญทุกประเทศมาเยือนประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการท่องเที่ยวนี้หลายประเทศให้ความสนใจ และเข้าใจสถานการณ์ดี ก็จะปรับแก้ในเรื่องนี้ให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ก็บอกว่าจะยกเลิกคำเตือนนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ ผมก็ได้เรียนทุกประเทศไปว่า เรามีงบประมาณ กองทุนในเรื่องของการประกันชีวิตไว้ให้ด้วย ทุกคนก็สบายใจขึ้น

ในเรื่องการหารือเป็นคณะใหญ่ทั้งหมด 21 คณะนั้น เป็นการที่ผู้นำระดับนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีทั้งสิ้น เป็นการพูดคุยในเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความมั่นคงทางด้านพลังงาน ด้านอาหาร ด้านการสร้างความเชื่อมโยง ระบบสาธารณูปโภค ให้มีการเชื่อมต่อกัน เศรษฐกิจเชื่อมต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของข้อตกลงเขตการค้าเสรี ซึ่งคงต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน แต่ผมก็ได้แสดงความกังวลไปว่า เราอาจเสียประโยชน์ไปบ้าง ประเทศในอาเซียน เพราะเราเป็นประเทศที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรที่เป็นมูลค่าในการซื้อขายกัน อาจจะน้อยกว่าประเทศที่ใหญ่กว่า อันนี้ก็ต้องพูดคุยให้ชัดเจนขึ้น ขอยืนยันนะครับ ประเทศเราเป็นประเทศเล็ก แต่เราต้องมีศักดิ์ศรี

ฉะนั้นข้อตกลงทั้งหมด ต้องตั้งอยู่กับความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ลดความหวาดระแวง มีผลประโยชน์ที่เราเทียมกันและยั่งยืน ทุกครั้งผมถือว่าที่ไปเยือนต่างประเทศนั้นเรานำเกียรติยศของคนไทยไปด้วยนะครับ ก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจว่า ผ่านมาหลายครั้งหลายรัฐบาลแล้วก็ไม่เคยทำอะไรได้สำเร็จเลย เพราะว่ามีข้อตกลงทุกอย่าง เขาก็อ้างถึงข้อตกลงทุกอันนะครับ ผมก็เรียนว่า เราไม่พูดถึงเรื่องเก่าแล้วกัน เราจะมาทำในเรื่องใหม่ และทำให้ก้าวหน้า ให้เกิดในรัฐบาลปัจจุบันให้ได้ ก็ขอให้คนไทยเข้าใจด้วย

ฉะนั้นถ้าเรายังคงเคลื่อนไหวในลักษณะต่อต้าน ขัดแย้งอยู่แบบนี้ มันเดินไม่ได้ และผมก็ไม่เห็นประโยชน์ในการที่จะอยู่ในสถานการณ์วันนี้ ฉะนั้นทุกประเทศพร้อมจะลงทุนกับไทย ประโยชน์ที่ได้รับก็คือความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในวันนี้ ในอดีต และในอนาคตไว้ว่างใจว่า จะร่วมกันอย่างไร สนับสนุนประเทศเล็ก ประเทศที่มีรายได้อยู่ในเกณฑ์น้อยอย่างไรก็มีอยู่หลายประเทศ ฉะนั้นมีทั้งรายได้น้อย มาก ปานกลาง สูง ทำอย่างไรในประชาคมทุกประชาคมมีความเท่าเทียม ผมก็ยืนยันในที่ประชุมไปแบบนี้ ไปหาทางคิดกันมา เดี๋ยวคณะทำงานเขาคงไปคุยกันต่อ

ผมยืนยันกับทุกประเทศว่า การทุจริต การคอร์รัปชั่นจะต้องไม่เกิดขึ้นในทุกโครงการ จะดำเนินการในลักษณะเป็นจีทูจี ถ้าเป็นอย่างอื่นก็ต้องรับทราบ โดยรัฐบาลต่อรัฐบาลจะรับผิดชอบกัน อันนี้ทางรัฐมนตรีของเราก็ได้ไปร่วมการประชุมด้วยทุกครั้ง ก็รับทราบ และบันทึกไว้แล้วเพื่อนำสู่การปฏิบัติ

หลังจากเสร็จภารกิจที่ประเทศจีนก็ได้เดินทางต่อไปร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า การประชุมผู้นำอาเซียนทั้งหมด 10 ประเทศก่อน อันนี้เป็นการประชุมประจำปี ถือเป็นการประชุมที่สำคัญมาก และมีผู้นำต่างๆ มาด้วยตัวเองเข้าร่วมด้วย ถือว่าเป็นเวทีที่สำคัญสำหรับภูมิภาคของเรา ภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะตลอดการประชุมนั้นเราได้รับไมตรีจิต ความชื่นชม ในความสวยงาม ในความเป็นมิตรที่ดี ในความเป็นกันเอง รอยยิ้มต่างๆ ของคนไทย เขาประทับใจอยู่ตลอดมา เขาก็เสียดายเวลาต่างๆที่มีความขัดแย้งในประเทศไทย เขายินดีนะครับที่ให้การสนับสนุนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการท่องเที่ยว

วันนี้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่ต้น เราเป็นสมาชิกตั้งแต่เริ่ม การประชุมส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้วทั้งสิ้น วันนี้ก็อยากถือโอกาสนี้เรียนให้เขาทราบ เราได้มีโอกาสพูดคุยหลายครั้งในเรื่องของความมั่นใจ ในเรื่องแนวทางของการเมืองในรัฐบาลปัจจุบัน ผมก็ยังคงต้องยืนยันกับเขานะครับ ว่าเรามีความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยที่เข้มเเข็งและยั่งยืน และจะเป็นประโยชน์ต่อไปสำหรับอาเซียนในภูมิภาค

ประเด็นหลักๆ มีการหารือกันที่เมียนมาร์นะครับ ประเด็นแรกคือการเข้าสู่ประชาคมในอาเซียนปีหน้านี้ กำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ของเราต้องรีบเร่งสปีดหน่อย เพราะช้าไปนิดหนึ่ง เราต้องพยายามบรรลุเป้าหมายด้วย เพราะเป็นพันธะสัญญาที่มีการร่างไว้ มีการพูดคุยกันในหลายๆเรื่อง เพราะเราจะเป็นการรวมกลุ่มของตลาดที่มีคนมากกว่า 600 ล้านคน แล้วก็มีการบวกไปกับบวก 1 บวก 3 บวก 5 จะมีมูลค่าการลงทุนราคาขายมากที่สุดในโลกนี้ ในการรวมกัน ถ้าเรารวมกันได้ทั้งหมดจะมากขึ้น ทั้งคน ทั้งปริมาณสินค้า มูลค่าสินค้าต่างๆ เหล่านี้ เป็นฐานการผลิตเดียวกัน เราจะทำยังไงจะได้มีอำนาจในการต่อรองของอาเซียนมากขึ้นในเวทีโลกอื่นๆ แล้วก็จะทำให้ไทยเข้มแข็ง อาเซียนเข้มแข็ง เราจะต้องมีการค้าการลงทุนเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะต้องเกิดขึ้นให้ได้อย่างรวดเร็ว เราต้องใช้ความได้เปรียบ ใช้โอกาสเอาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางให้ได้

นอกจากนั้น ผู้นำอาเซียนยังเห็นตรงกันว่า เราจะต้องมีบทบาทที่เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อรักษาความเป็นแกนนำในการรักษาสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน และก็ประชาคมโลกด้วย กรณีที่ 2 ที่ถือว่าเป็นประเด็นที่เป็นหัวใจก็คือการมองไปในอนาคต กำหนดวิชั่น วิสัยทัศน์ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อที่จะกำหนดทิศทางของประชาคมอาเซียน โดยผมและผู้นำอื่นๆ ก็เห็นตรงกันว่าเราต้องเร่งพัฒนาการที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง อันนี้ก็ตรงกันอยู่กับการที่รัฐบาลทำอยู่ในปัจจุบัน ต้องนึกถึงว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูป การออกกฎหมายต่างๆ ก็ต้องไปดูตรงนั้น

เพราะฉะนั้นเราต้องการยกระดับความเป็นอยู่ เพิ่มโอกาส เพิ่มรายได้ของประชาชน แก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาเกษตรกรรม ทุกรูปแบบที่จะกระทบความเป็นอยู่ประชาชน มีการส่งเสริมการค้าเสรีที่เราจะต้องระมัดระวังด้วย การอำนวยความสะดวกทางการค้าให้รวดเร็วขึ้น ลดขั้นตอนอุปสรรคทางการค้า ส่วนที่ไม่ได้ภาษีควบคู่กับการส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรม ลดการกีดกันทางการค้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการคิดค้นนวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ วันนี้เรากำลังเร่งดำเนินการอยู่ เอกชนต้องช่วยกัน ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กต้องช่วยกัน รีบเข้ามา และที่สำคัญก็คือการดูแลพี่น้องเกษตรกรที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของอาเซียน เราจะต้องมาดูร่วมกันว่าจะทำอย่างไร ทุกประเทศมีปัญหาเหมือนกันหมด ผมนั่งคุยกับผู้นำอาเซียนรอบบ้านเราที่เป็นประเทศเกษตรกรรมเป็นหลัก เราจะทำยังไงผมก็ได้ถามเขาเรื่องโน้นเรื่องนี้ต่างๆ ก็หลายเรื่องก็มีประโยชน์ เดี๋ยวกผมก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุมหารือกันต่อไป เราจะทำยังไงในเรื่องของการส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต การเก็บเกี่ยว การตลาด การลดต้นทุนการผลิต การแก้ไขราคาผลผลิตตกต่ำ ผมก็เรียนไปว่าเราต้องรู้ตัวพวกเราอาเซียนด้วยกันว่า เราเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก เราต้องรวมกันให้ได้ เพราะเราจะได้เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าการเกษตรรายใหญ่ที่สุดของโลก เหมือนกับเป็นแหล่งอาหารของโลก ไม่ว่าจะเป็นข้าว ยางพารา หรือผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆ ที่นำมาจากพืช ผมถือว่าอาเซียนเป็นแหล่งที่สำคัญของโลกเลย วันหน้าไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ อาจแห้งแล้ง เราต้องพร้อมตรงนี้ เพื่อจะเป็นคลังอาหารโลกให้ได้ เราไม่ควงจะแข่งขันตัดราคาแย่งตลาดกัน อันนี้ผมได้พูดคุยกับทางมาเลเซียไปแล้วว่า จะต้องหาทางประชุมกับประเทศที่ผลิตยางได้ก็คงจะมีไทยกับมาเลเซีย และก็ประเทศบางประเทศ ตอนนี้ 2 ประเทศผลิตมาก ก็ต้องคุยกันว่าทำยังไงเราจะไม่แข่งขันกันมากนัก ตัดราคา แย่งตลาดกัน เราต้องคุมราคาเหล่านี้ให้ได้ ไม่งั้นก็เป็นปัญหาอยู่อย่างที่พี่น้องเผชิญอยู่ทุกวัน ผมไม่สบายใจเลยไม่มีความสุขเลย ถ้าตราบใดที่ทุกคนยังไม่มีรายได้ที่พอเพียง ความพึงพอใจไม่เกิดเราก็จะมีความขัดแย้งอยู่ ผมก็บอกไปว่าปัญหาส่วนใหญ่ในโลกนี้มันเกิดความขัดแย้งก็เพราะว่าความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ถ้าเราดูแลคนทุกประเทศในโลกได้ ทุกอย่างมันก็คงจะลดลง ไม่ต้องรบกันมากนัก วันนี้ก็มีความขัดแย้งในหลายพื้นที่ หากทำให้เกษตรกรหรือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้ที่เพียงพอ อันนี้ของเราคงต้องเสริมด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

ในประเด็นที่ 3 ก็คือการหารือกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ มีเรื่องสำคัญที่ให้ความสนใจกันมากทุกประเทศ คือไวรัสอีโบลา การก่อการร้ายสุดโต่ง และสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ผมได้ยกตัวอย่างประสบการณ์ไทยในเรื่องของการผลักดันการแก้ไขปัญหาโรคซาร์ส และโรคหวัดนก ในอดีตซึ่งมีประสิทธิภาพ และทุกครั้งที่มีโรคระบาดมันจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักลงมาตลอด เพราะว่าเกิดความวิตกกังวล เพราะฉะนั้นเราต้องเน้นในเรื่องของการให้ข้อมูลข่าวสาร มีระบบการแจ้งเตือนถึงอันตราย เราจะป้องกันกันอย่างไร และมีการประสานงานกันที่มีประสิทธิภาพ ผมได้เลยเสนอที่ประชุมไปว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ในเร็ววันนี้ เพื่อกระชับความร่วมมือ หลายประเทศก็ยินดีจะมาร่วมการประชุม มีการเสนอความเห็นร่วม เพราะว่าเราต้องเตรียมภูมิภาคของเราไว้ด้วย ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการแพร่ระบาดก็ตาม

ในเรื่องของการต่อต้าน หรือป้องกันการก่อการร้ายนั้น เป็นภัยคุกคามร่วมกันของทุกประเทศในโลก ก็ต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ด้วย ในส่วนของประเด็นทะเลจีนใต้นั้น เราได้รับความชื่มชมจากที่ประชุมว่า ประสบความสำเร็จในการลดความตึงเครียด เพราะเราทำในฐานะเป็นผู้ประสานงานจัดทำ DOC และ COC คือทำอย่างไรจะให้ยุติความรุนแรง หรือหยุดอะไรที่เป็นผลกระทบในเรื่องของเศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเล ทำอย่างไรประเทศสมาชิกจะยอมรับซึ่งกันและกัน มีหลายประเทศเห็นด้วยว่า อะไรที่ทำได้ก่อนก็ทำไป ในเรื่องของสิทธิ เรื่องของพื้นที่ต่างๆ เดี๋ยวไปคุยกันอีกทีก็กำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้ ในเรื่องของการกำหนดกรอบกติกา

เช่นเดียวกันกับการประชุมเอเปก ซึ่งได้มีโอกาสหารือทวิภาคีอย่างเป็นทางการกับผู้นำหลายประเทศเพิ่มเติม เดี๋ยวคงหลายประเทศอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีอินเดีย นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ท่านเลขาธิการสหประชาชาติ ในการประชุมครั้งนี้น่ายินดี ทุกท่านมีความเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทย และก็ให้กำลังใจ ผมก็บอกว่า ผมก็เป็นทหารประชาธิปไตยเหมือนกัน และวันนี้ผมก็เกษียณแล้ว แต่ผมไม่มีประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็เดินหน้าตามโรดแมปที่มีอยู่ เพื่อต้องการที่จะไปสู่ตรงนั้น ผมเรียนว่าผมไม่ได้ทำลาย ผมสร้างให้แข็งแรงขึ้น วันนี้ความขัดแย้งยังมีอยู่ เขาก็เข้าใจ แต่เขาจะพูดอย่างอื่นคงไม่ได้หรอก

ในส่วนของรัสเซียก็สนใจจะร่วมมือกับไทยให้มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไกลกัน เรามีความสัมพันธ์กับรัสเซียมา 120 ปี ผมคุยกับท่านนายกรัฐมนตรี ท่านก็บอกว่าเราต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น ให้เป็นอีก 120 ปีต่อไป ผมก็ดีใจนะ ในเรื่องไม่ว่าจะเป็นพลังงาน การท่องเที่ยว การค้าการลงทุน รวมทั้งสนใจที่จะจัดซื้อสินค้าการเกษตรกับไทยเพิ่มเติม ก็เดี๋ยวหารือกันต่อไป ในส่วนของญี่ปุ่น เกาหลีใต้สนใจในเรื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทย ทั้งนี้ก็ต้องไปดูเรื่องกฎกติกากันอีกครั้งให้ดี

สำหรับประเทศอินเดียนั้นเราก็ร่วมมือกัน เพราะว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก พื้นที่ใหญ่ ถ้ารวมกันได้อีกมันจะมีมูลค่าการค้าการลงทุนที่มากขึ้นของอาเซียน เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ตกลงที่จะร่วมมือกันในเรื่องของการเพิ่มโอกาสการค้าการลงทุนในหลายกิจการ และตกลงเราจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวร่วมกัน มีโครงการต่างๆ ของราชวงศ์ เราจะมีการขยับขยายไปให้มันกว้างขวางขึ้นเกี่ยวกับพุทธศาสนาด้วย หรือสาระอื่นๆ ในทั้งสองประเทศ มีการกระชับความร่วมมือทั้งความมั่นคงการป้องกันประเทศ การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างไทย-เมียนมาร์ และอินเดีย ผ่านโครงการถนน 3 ฝ่าย ตอนนี้เราดำเนินการทั้งหมดในเรื่องถนน ทำไฟ ในแต่ละประเทศเขามีการเชื่อมโยง เราก็ต้องไปเชื่อมโยงให้ได้ อันนี้มันต้องไปต่อกับเขตเศรษฐกิจพิเศษของเรา ที่ผมกำหนดไว้ตามแนวชายแดน ทั้ง 5 เขตในปีนี้

ในประการที่สำคัญผมได้มีโอกาสพบกับท่านเลขาธิการสหประชาชาติ ได้ขอบคุณท่านที่ได้เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบัน ผมได้ชี้แจงทุกเรื่อง ชี้แจงในเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่จะเริ่มการใช้กฎอัยการศึก และทุกเรื่องที่เป็นปัญหากับประเทศไทย ผมก็อธิบายและให้ท่านถาม ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ ท่านก็เข้าใจ แต่ท่านก็บอกว่าขอให้มุ่งสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ผมก็เรียนท่านว่า เรามีโรดแมปอยู่แล้ว รัฐบาลกำลังเดินหน้าปฏิรูปอยู่ เพื่อจะทำให้มันยั่งยืน ไม่มีความขัดแย้งกันอีกในอนาคต

สหประชาชาติได้ชื่นชมบทบาทสร้างสรรค์ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการรักษาสันติภาพ ที่ผ่านมาเรามีทั้งประมาณ 20 กองกำลัง 2 หมื่นกว่าคนที่จะไปทำงานต่างประเทศมาแล้ว ผมเรียนท่านว่า ถ้าเราไปดูประเทศอื่นๆ ที่มีความขัดแย้งให้เขาสงบลง ให้เขามีความสุขแล้วทำไมผมจะต้องดูให้คนไทยไม่ได้หรือ ท่านก็ยิ้มว่า มันก็จริงนะ เพราะว่าประเทศไทยมีความขัดแย้ง เราต้องทำให้สงบให้ได้ เหมือนกับที่เราไปทำให้ต่างประเทศ แต่ในประเทศเราก็ใช้วิธีการอีกคนละวิธี ไม่ได้อาวุธ หรือใช้กำลัง ก็เป็นการใช้กฎหมายกระบวนการยุติธรรม เพื่อไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแก้ไขปัญหาไวรัสอีโบลา เรียนท่านว่า เรามีความพร้อม และเตรียมการในขณะนี้

จากการเยือนในครั้งนี้นั้น ผมอยากจะเรียนว่า เรามีความคืบหน้า เรามีอนาคต ขอร้องกัน คนไทยทุกคนวันนี้ต้องมองไปข้างหน้า ประเทศไทยเราอยู่ตรงกลาง เส้นทางการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ เราน่าจะเป็นประเทศที่ได้รับประโยชน์มากพอสมควรในอาเซียน แต่ถ้าเรามีความขัดแย้งกันต่อไป ไม่เสียสละ ไม่ลด ไม่ละ ไม่เลิก หรือต่อสู้กันเองอีก ก็ลำบากนะครับ เพราะการเมืองผมเข้าใจคือการเมืองของระบบประชาธิปไตย แต่ต้องทำให้ถูกต้อง ทำให้บริสุทธิ์ยุติธรรมให้เป็นประชาธิปไตยของประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเสียงส่วนมาก หรือเสียงส่วนน้อยแล้วแต่ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องดูแล

วันนี้ขอบคุณในช่วงที่ผ่านมา อยากให้ข้าราชการทุกคนได้ทุ่มเทเสียสละ ในเรื่องการทำงานตามนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน ไม่อย่างนั้นเวลามันจำกัดต้องเร่งดำเนินการ และอยากให้ทุกคนทำด้วยความเต็มใจ พอใจ อย่าให้ต้องบังคับกันอีกเลย ไปลงโทษ ไปตรวจสอบ ดำเนินคดี มันไม่ไหว ผมว่าหลัง 22 มันควรจะหยุดได้แล้ว
เพราะฉะนั้นภาพรวมเศรษฐกิจวันนี้ เริ่มมีสัญญาณแนวโน้มดีขึ้นแล้วนะครับ นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจจะมาลงทุนมากขึ้น ทุกประชาคมก็มีการพบปะพูดคุยทั้งหมด ไม่ว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์อะไรก็ตาม แต่ธุรกิจคือธุรกิจ เขาก็ต้องเดินหน้าเข้ามาในประเทศไทย และก็ขอให้มีเสถียรภาพไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการประท้วง เขาก็พร้อมจะลงทุนกับเราทั้งหมด วันนี้จากการสำรวจผู้บริหารระดับสูงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กว่า 39 ประเทศ ในปีนี้ได้จัดอันดับให้ไทยเป็นในระดับที่ 8 ของตลาดที่น่าลงทุนของภูมิภาคในช่วงระยะเวลา 3-5 ปี สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังคงให้ความสนใจให้ความสำคัญกับประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม เรายังต้องพัฒนาอีกหลายด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามรถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยี ความทันสมัย ลดกฎระเบียบที่มันเป็นอุปสรรค ในเรื่องของการจัดตั้งศูนย์ศูนย์ซิงเกิ้ล วินโดว์ (Single Window) วิธีการผ่านแดนที่รวดเร็ว มีอีกเยอะแยะนะครับ ที่ต้องปรับปรุงต้องใช้กฎหมายทั้งสิน เตรียมการทุกคนทุกสถานกฎหมายมากมายกำลังดำเนินการทั้งสิ้น เพื่อเตรียมการรองรับสู่ประชาคมอาเซียนและมีเวลาที่จำกัดนะ 2558 นี่ต้องเข้าแล้ว ต้องเป็นอย่างที่เขาเป็นกัน โครงสร้างพื้นฐานระบบลอจิสติกส์ ทักษะ ฝีมือแรงงาน การใช้ภาษา เหล่านี้ต้องเร่งนะครับ สถานศึกษาทุกแห่งต้องเร่งผลการพูดภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับสายอาชีวะ อะไรเหล่านี้ พวกช่าง พวกวิศวะ ต้องพูดภาษาอังกฤษได้นะครับ ไม่อย่างนั้นเขาก็ให้เป็นแรงงานขั้นต่ำไม่เป็นแรงงานขั้นสูง เป็นระดับหัวหน้าไม่ได้ ซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน การท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น นักท่องเที่ยวเริ่มมามากขึ้นเดือนตุลาคม ยอดการจองที่พักในเดือนธันวาคมหลายแห่งเต็มแล้วการจองโรงแรมก็เต็มหมด อย่าให้มีเรื่องแล้วกันประเทศไทย คนอยากมาหมดอากาศดี อากาศเริ่มเย็นลง ภาคเหนือน่าไปเที่ยว ผมนี่ยังอยากไปเลยถ้ามีเวลา แต่ไม่มีตอนนี้

เพราะฉะนั้นคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากกว่า 25 ล้านคนในปีนี้ ในปีหน้าคาดจะดีขึ้น เพราะเรามีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และกำหนดปีหน้าเป็นปีท่องเที่ยววิถีไทย 2015 จะส่งเสริมภาพลักษณ์อันเป็นเนื้อแท้ของคนไทยที่มีรอยยิ้มมีน้ำใจ และมีความเผื่อแผ่แบ่งปันนะครับเป็นนิสัยของคนไทยอยู่แล้ว ผู้มาเยือนมีความสุข จะต้องมีความสบายใจถ้าหากมาเที่ยวผ่านวิถีไทยเท่านี้ก็เกิดจากการที่ให้นโยบายไป จากการผสมผสานของบริบทต่างๆ ของไทยให้ได้แม้มีความแตกต่างอยู่บ้าง สามารถอยู่ร่วมได้อย่าลงตัว การท่องเที่ยวนั้นอยากให้เที่ยวในประเทศไทยเป็นหลัก และต่อเนื่องไปประเทศเพื่อนบ้าน ต้องเผื่อแผ่แบ่งปัน เราน่าจะทำได้ทุกประเทศก็พร้อมจะร่วมมือ เราพร้อมจะสร้างความสุขให้คนไทย และคนต่างประเทศที่จะเข้ามา เป็นการแบ่งปันความสุขและคืนความสุขให้เขาด้วย

สถานการณ์ทั่วไปภาคใต้นั้น ผมเป็นห่วงนะครับ 6 จังหวัดภาคใต้ ทั้งชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง กระบี่ ปัตตานี ซึ่งได้รับผลกระทบ 3,573 ครัวเรือน สั่งการทุกหน่วยเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งเรื่องชีวิตทรัพย์สิน การเกษตร เรือ เส้นทาง สุขอนามัย ให้สามารถฟื้นฟูกลับมาใช้ชีวิตประจำวันปกติให้ได้โดยเร็ว เพราะฉะนั้นต้องทำต่อเนื่อง อันนี้ก็ไปต่อเนื่องเชื่อมโยงกับโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบของประเทศ ซึ่งรัฐบาลกำลังทำอยู่ และที่ต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำ ต้นทางคือทางภาคเหนือ และก็ลำน้ำต่างๆ ที่ลงมา ถึงตอนกลาง และตอนท้ายคือภาคใต้ จะทำอย่างไร ฉะนั้นการกักเก็บน้ำ การพร่องน้ำ ระบายน้ำ ส่งน้ำ และในเรื่องของการป้องกันน้ำท่วม ฝนแล้ง เป็นทุกปี ซ้ำซาก แล้วทำไมมันถึงซ้ำซาก ก็ไปหากันมา วันนี้ก็ต้องแก้ได้ มันน่าเบื่อ พี่น้องแทนที่จะมีความสุข ก็ไม่มี ต้องคอยระมัดระวังทุกปี เพาะปลูกก็ได้เพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เดี๋ยวก็ต้องเตรียมหนีน้ำ อีกช่วงต้องเตรียมรับภัยแล้งเข้าไปอีก รัฐบาลไม่อยากเลยที่จะไปลดการปลูกอะไรทั้งสิ้น แต่ปัญหาคือน้ำมันไม่พอ ก็ต้องไปหาว่าทำไมมันไม่พอ แต่อย่ามาพูดกันวันนี้เลย พูดวันหน้าดีกว่าว่าจะทำอะไรกันต่อ ขอให้หน่วยงานไปตรวจสอบเขื่อน ฝาย ให้มีความมั่นคงแข็งแรงตลอดทาง ระบายน้ำให้คล่องตัว ผมขอเตือนในส่วนของการที่ปล่อยให้คูคลองระบายน้ำไม่ออก ประตูน้ำชำรุด

เดี๋ยวถ้ามันท่วมมาหรือน้ำมากน้ำน้อยมา ผมก็จะต้องลงโทษนะครับ ทุบประตูน้ำอะไรเหล่านี้ มันเป็นหน้าที่ของท่าน ไม่พออะไรก็ขอมา ผมไปตรวจดูปรากฏว่า ประตูพัง แล้วมันพังได้อย่างไร ที่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ ท่อระบายน้ำ คู คลอง ตันไปหมด ตอนนี้มันต้องหาทางที่จะไปพร่องน้ำไหลลงทะเลได้โดยเร็ว ทำอย่างไรอยู่ในแผนอยู่แล้ว เก็บกักน้ำได้อย่างไรในคราวหน้า เก็บไม่ทัน ปีหน้าต้องเก็บได้ ถ้าเก็บไม่ได้ก็คงเป็นเรื่องกันอยู่เหมือนกัน ขอให้ช่วยกันนะครับ ระบบเตือนภัยต่างๆ เสียงตามสาย วิทยุสมัครเล่น ฟังกันเวลาเขาแจ้งมา เรื่องสถานการณ์ดินฟ้าอากาศ ในเรื่องของวิทยุกระจายเสียง มีคำแจ้งของรัฐบาลของอุตุนิยมฯ อยู่แล้ว เป็นกำลังใจพี่น้องชาวใต้ น้ำท่วมหลายครั้ง ฝนมาหลายรอบ น้ำส่วนหนึ่งลงทะแล ส่วนหนึ่งไปใต้

ฉะนั้นน่าเห็นใจ แต่เขาก็ปรับตัวมาโดยตลอด แต่จะทำอย่างไรให้เขาจะต้องไม่ปรับตัวทุกปี เห็นใจเขานะครับภาคใต้ สถานการณ์ก็ยังไม่สงบเรียบร้อยนัก ก็น่าจะดีขึ้นถ้าเราแก้ปัญหาทั้งระบบได้ การระมัดระวังตลอดช่วงนี้ช่วงมรสุมด้วย ในเรื่องของการทำงานของรัฐบาลในสภานิติบัญญัติ สภาปฏิรูปก็ดำเนินการอยู่ขอให้ติดตาม เรื่องนี้ช่วยไปดูกันด้วยนะครับ ถ้าใครสนใจเรื่องนี้ก็ช่วยไปดูช่องของรัฐสภา ถ้าใครสนใจกฎหมายก็ไปคุยกัน แล้วไม่มีพื้นฐานทางด้านความรู้เลยไม่ได้ เอาใจชอบไม่ได้ ไปดูเขาคุยอะไรกัน กว่าจะออกมาได้เขาถกแถลงกันอะไรไปบ้าง ที่ไม่ใช่การทะเลาะกัน ผมเห็นเขาก็พูดกันดีมีเหตุมีผล อันไหนที่มันยังไม่ผ่านก็ไม่ผ่าน ก็ไปว่าต่อไป คือถ้าเอาหัวเรื่องมาพูดเรื่องเดียว เหมือนไปดูจากสื่ออย่างเดียว หน้าปกสื่อหน้าแรกมันจะเป็นเรื่องที่น่าหวาดเสียวทั้งนั้น แต่รายละเอียดดีๆ มันอยู่ข้างใน เปิดข้างในด้วย หรือลงให้ครบ เอาเรื่องดีมาขึ้นข้างหน้าด้วย ก็ฝากไว้แล้วกัน โครงการดีคือโครงการรากแก้ว ร่วมมือกันอย่างกลมกลืนทั้ง 4 ฝ่าย สถานศึกษา ชุมชน สื่อมวลชน ผู้ใหญ่ใจดีมีวิสัยทัศน์ เราต้องเริ่มการสร้างพลังเครือข่ายทางสังคมในประชุมอาเซม เอเปก ประชุมอาเซียน ทั้งหมดการสร้างพลังเครือข่าย ให้ความสนใจเรื่องผู้หญิง เด็ก เยาวชน อันนี้คืออนาคตของชาติ ต้องส่งเสริม สถาบันอุดมศึกษาก็ขอให้นำความรู้ความเชี่ยวชาญของอาจารย์ และพลังนักศึกษามาแก้ไขปัญหา พัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างแนวคิดดีๆ ใหม่ๆ ทั้งในส่วนของเห็นต่างก็ได้ ในส่วนของเห็นร่วมมือกันก็ได้ อะไรที่มันดีก็ต้องร่วมกัน อะไรไม่ดีก็เสนอความคิดเห็นออกมาได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็เหมือนทุกประเทศเขาเป็นกัน แต่ถ้าขัดแย้งมากๆ ตีกันมันก็ไปไม่ได้

ฉะนั้นให้ใช้แนวทางของรัฐบาล ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีหลายอย่าง และแนวคิดพระราชทาน ปราชญ์ชุมชนนี่ผมให้เกียรติท่านเลยนะครับ ปราชญ์ชุมชนมีเป็นจำนวนมาก แต่เราไม่ค่อยได้เอาท่านออกมา วันนี้ผมสั่งให้ทุกหน่วยงานช่วยไปเอาปราชญ์ชุมชนมาขึ้นทะเบียนปราชญ์ชุมชน เราจะต้องดูแลเขาอย่างไร จะนำเขามาร่วมมือกับรัฐบาลอย่างไร ให้ได้รับการยอมรับจากประชาชน ความจริงเจ้าหน้าที่อาจจะพูดไม่ได้มากนัก ประชาชนก็ไม่ค่อยเชื่อถือ ถ้าไปช่วยกันได้จะเข้าใจทั้งปราชญ์ เข้าใจทั้งผู้นำท้องถิ่น มันเป็นการสร้างความร่วมมือ ความเชื่อมโยงสัมพันธ์ที่ดี

เพราะฉะนั้นเราต้องให้เกิดสังคมการเรียนรู้ คิดเป็น ทำเป็น คิดแล้วก็พูดแล้วก็ทำ ถ้าคิดอย่างเดียวแล้วก็พูดแต่ไม่ทำไม่ได้ ผมทำทุกอย่าง ที่พูดเยอะทำหมด งั้นก็อยากให้แก่ปัญหาทางสังคมอย่างยั่งยืนให้ได้ อันนี้รายการที่สำคัญของโครงการรากแก้วมีการปันฝันเดอะบันฑิตทางทีวีช่องนาวทีวี 26 ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00 น.-15.00 น.ก็ไปหาดูจากสื่อออนไลน์ทุกแขนง เป็นเพียงหนึ่งเดียวในหลายๆ ตัวอย่าง เรียกว่าเป็นสื่อสร้างสรรค์แล้วกัน ผมอยากให้ทางบ้าน และทุกส่วนได้พิจารณาติดตามนำไปต่อยอด นำประยุกต์และสร้างสังคมของเราให้เข้มแข็ง

นอกจากนั้น ผมย้ำอีกครั้งนะครับในเรื่องของการปรองดอง ในเรื่องของการปฏิรูปไม่เกี่ยวข้องนะครับ ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องขอกฎหมาย ที่เกี่ยวกับเรื่องการกระทำความผิด การสอบสวนดำเนินคดีกระบวนการยุติธรรม เรื่องนั้นก็ไปว่ากัน อะไรที่อยู่ในกระบวนการก็ไปสอบสวนทวนความกันไป ลงโทษอะไรก็ว่ากันไป แต่เราจะต้องปรองดองกันให้ได้ อย่าคิดว่าเอากฎหมายมาปรองดองมันเป็นไปไม่ได้

เพราะฉะนั้นก็ขอให้เข้าใจในเรื่องแรกด้วยนะครับ เรื่องที่ 2 ก็เรื่องเศรษฐกิจ ผมเข้าใจความเดือดร้อน ผมเดือดร้อนกว่าท่านอีก ก็ขออย่าวิตกกังวลกันมากนักในภาวะเศรษฐกิจ ตัวเลขอะไรต่างๆ ทุกอย่างมันจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ผมคุยกับผู้นำหลายๆ ประเทศก็เป็นเหมือนกัน บางประเทศแย่กว่าเราอีก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเร่งดำเนินการทุกอย่างให้ได้ด้วยความร่วมมือทุกภาคส่วน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ทุกย่างน่าจะคลี่คลายขึ้น โดยเฉพาะช่วงไตรมาสุดท้าย ช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไปนะครับ หลายประเทศก็กำลังดำเนินการอยู่ แก้ไขทั้งระบบ

ในส่วนของข้าราชการ ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ผมไม่ไปตำหนิติเตียนใคร วันนี้เราต้องเพิ่้มความร่วมมือกันให้มากขึ้น เสียสละกันให้มากขึ้น และเข้าในนโยบายรัฐบาล เข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา ช่วยกันกำกับดูแลในเรื่องของโครงการต่างๆ การลงทุน อย่าให้เกิดการทุจริตเลย ก็มีข่าวโน่นข่าวนี่ผมก็ให้ตรวจสอบก็ยังไม่พบ เรื่องการเลี่ยงเปอร์เซ็นต์ วันนี้มีข่าวลืออีกแล้วในหนังสือพิมพ์ เขียนมาจากไหนผมไม่รู้ 50% แทน เดิมเรียก 30 วันนี้เป็น 50 โดยให้ คสช. ให้ข้าราชการทหาร อย่าให้เจอ แล้วหนังสือพิมพ์กรุณาไปหามาด้วยไปเอามาจากไหน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีก็คงจะต้องว่ากัน แต่ถ้ามีก็ต้องแจ้งผมมาอย่าไปเขียนอย่างนี้ เสียหายต่อรัฐบาลด้วย คสช.ก็เสียหาย ในส่วนของ คสช. ในส่วนของรัฐบาลถ้าไปทำเองก็ลงโทษสถานหนัก ก็ต้องดำเนินคดี ขอเตือนทุกคนไว้ด้วย อย่ามาอ้าง หลายคนบอกว่า ผมจะพังเพราะเพื่อน พังเพราะพี่ ผมไม่กลัวหรอก ไปหามาไม่ว่าจะใครทั้งนั้น ลงโทษทั้งนั้น ในเมื่อผมเองพยายามยืนยันเสมอว่า ต้องโปร่งใส เรื่องทีวีเขาดูรายการที่เป็นประโยชน์บ้างแล้วกัน จะดูละครบ้างอะไรบ้าง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เป็นความสุขของท่าน โอเคนะครับ วันนี้อาจจะซีเรียสบ้างอะไรบ้าง แต่ผมอยากให้ทุกคนได้คิดตาม วันนี้ใช้เวลามากพอสมควร นี่เขาก็เตือนผมแล้วว่า พูดนานไปหรือเปล่า แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่เข้าใจ ใช่ไหม พูดมากไปก็ไม่เข้าใจ และก็เบื่ออีกต่างหาก พูดน้อยก็ไปอีก แล้วจะให้ผมอยู่ไหน หรือไม่พูดเลยก็แล้วแต่ บอกกันมาแล้วกัน

ขอบพระคุณทุกคนที่เวลาฟังแล้วก็คิดตาม อาจจะพูดเร็วบ้าง บางผมก็บอกว่าผมพูดเร็วเกินไป เข้าใจไม่เพียงพอ ขอโทษเพราะเวลามันจำกัด แค่นี้ก็ยาวอยู่แล้ว ขอโทษจริงๆ สำหรับคนที่ไม่อยากฟัง ถ้าคนอยากฟังต้องเห็นใจคนไม่อยากฟังบ้าง ผมก็ไม่รู้จะเอาใจใคร แต่ผมต้องพูด เพราะผมเข้ามาตรงนี้แล้ว ถ้าไม่พูดก็ไม่ต้องเข้ามา ตกลงนะครับ ขอบคุณนะครับ ยินดีที่ได้พบกันอีก สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น